ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1698 ชมการต่อสู้
ในทะเลเพลิสีทองถูกแสงสีแดงสายหนึ่งทะลวงเป็นช่องว่าง
จากนั้นก็มีแสงสีทองสายหนึ่งลอยออกมาจากในแสงสีแดงนี้ กลับพุ่งใส่ทีปังกรพุทธะ
เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามอง เห็นอิฐทองก้อนหนึ่งได้เลือนราง
ไฟตะเกียงสีม่วงบนศีรษะทีปังกรพุทธะกะพริบ ท่านเหมือนกับคาดไว้แต่แรก โบกมือชี้ มีมุกค้ำทะเลชิ้นหนึ่งต้านรับ กระแทกอิฐทองก้อนนั้นออก
ทว่าติดๆ กับอิฐทอง ในช่องว่างนั้น นาจาเข่นฆ่าออกมาอย่างเหี้ยมหาญ
ตอนนี้นาจานอกจากหอกไฟสองเล่มแล้ว ในมือยังถือของวิเศษชิ้นอื่น
รูปลักษณ์ภายนอกของเขา ถึงกับเปลี่ยนจากสองเศียรสี่กร เป็นสามเศียรหกกร
แขนสองข้างในนี้ ข้างหนึ่งถือห่วงจักรวาล อีกข้างหลังเซ่นอิฐทองโยนออกไป ก็เปลี่ยนเป็นถือกระบี่หยินหยาง
แขนสี่ข้างก่อนหน้า ยังคงถือหอกไฟสองเล่ม ข้างหนึ่งฟัน กระแทก ทิ่มกวาดใส่มุกค้ำทะเลที่ตกลงมา
หอกไฟอีกเล่มฟันฝ่าขวากหนาม อาศัยสภาวะไม่มีสิ่งใดขัดขวาง ทะลวงทะเลเพลิง เข่นฆ่าออกจากวงล้อม
‘คัมภีร์เบิกนภา คัมภีร์นภาหยินหยาง คัมภีร์นภากาลเวลา คัมภีร์นภาความว่างเปล่า…’ เยี่ยนจ้าวเกอที่ชมการต่อสู้มองปราดหนึ่ง เห็นความน่าอัศจรรย์ในคัมภีร์นภาแรกเริ่มแห่งหยกพิสุทธิ์สี่ส่วนจากในท่าหอกของนาจา
ความแข็งแกร่งของนาจา มิได้อยู่ที่ของวิเศษจำนวนมากและกายเซียนบัววิเศษเช่นกัน
สิ่งที่เขาร่ำเรียนก็สมบูรณ์เช่นกัน เป็นศิษย์ระดับสูงซึ่งเป็นผู้สืบทอดรุ่นสามแห่งหยกพิสุทธิ์ที่ดั้งเดิมที่สุด
ไม่เพียงแต่ศึกษาวรยุทธที่ไท่อี้จินหยินอาจารย์ของเขาถ่ายทอดให้ ยังหลอมรวมความเข้าใจส่วนตัวเข้าไปด้วย
ในจิตวรยุทธถึงแม้จะพิจารณาความลี้ลับของคัมภีร์นภาแรกเริ่ม แต่มิใช่การหลอมรวมธรรมดา หากเป็นขณะที่หลอมรวมและเชื่อมต่อ ก็สร้างเส้นทางของตัวเอง เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง กอปรเป็นความลี้ลับที่เป็นเฉพาะของตัวเอง แตกต่างกับไท่อี้จินหยินอาจารย์ของเขา
จิตวรยุทธของนาจาเป็นความฮึกเหิมและแรงผลักดันที่มุ่งไปด้านหน้าไร้สิ่งกีดขวาง แสดงออกบนวิชาหอกของเขา ทั้งยังเป็นความแหลมคมที่ทะลวงจุดหนึ่ง เหมือนกับไม่มีความแข็งแกร่งใดที่ทำลายไม่ได้
นี่เป็นจุดหลัก จากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงไร้สิ้นสุดมากกว่าเดิมอย่างอื่นไปตามสถานการณ์ตอนเผชิญศัตรู
ถ้าหากว่าตั้งใจเปลี่ยนไปใช้วรยุทธอย่างอื่น อย่างเช่นวรยุทธการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ที่บริสุทธิ์ ก็เหมือนกับใช้นิ้วคีบมา ยกหนักเหมือนเบา
ถึงอย่างไร ในหมู่ยอดฝีมือผู้สืบทอดรุ่นที่สามแห่งหยกพิสุทธิ์ ระดับคัมภีร์เกิดนภาของนาจาก็ได้รับการยอมรับเป็นอันดับหนึ่ง โดดเด่นยิ่งกว่าสหายในสำนักที่ตั้งใจฝึกฝนวรยุทธชนิดนี้คนอื่นๆ
ตอนนี้เขาแสดงร่างสามเศียรหกกร ของวิเศษมากมายอยู่ในมือ ใช้วรยุทธหลายอย่างพร้อมกัน เข่นฆ่าใส่ทีปังกรพุทธะ
มีกายเซียนบัววิเศษกับผ้าต่วนป่วนฟ้าคุ้มครองร่าง เจดีย์ทองเหลืองกับเส้นแสงห้าสีที่เกิดขึ้นจากมุกค้ำทะเลไม่เกิดผลต่อเขา ทีปังกรพุทธะยากจะกักขังเขาไว้
อดีตพุทธะแผนหนึ่งไม่สำเร็จ ก็ใช้อีกแผน
มุกค้ำทะเลสิบแปดชิ้นขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกัน กลายเป็นสวรรค์และจักรวาล ห้อมล้อมนาจาจากทุกทิศทุกทาง หมายจะบีบเขาไว้ตรงกลาง จากนั้นค่อยๆ อาศัยอัคคีทองเผาฟ้าที่เกรี้ยวกราดของตัวเองทรมานนาจา
นาจาบรรลุคัมภีร์นภาความว่างเปล่ากับคัมภีร์นภากาลเวลา กงล้ออัคคีใต้เท้าเป็นของวิเศษทรงอานุภาพ ค่อนข้างถนัดในด้านวิชาเคลื่อนไหว
ดังนั้นทีปังกรพุทธะยังคงไม่อาจหยุดเขาได้ ปล่อยให้นาจากระโดดออกจากวงล้อม เข่นฆ่ามาหาท่านอีกครั้ง
นาจาออกหอกติดต่อกัน แต่ว่าไฟตะเกียงสีม่วงในแสงพุทธกลมสมบูรณ์ด้านหลังศีรษะทีปังกรพุทธะกะพริบ ทำนายและตรวจสอบเส้นทางการโจมตีของนาจาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บนพื้นฐานที่รู้จักศัตรูโอกาสมาก่อน ทั้งใช้ก้าวเท้าเกิดบัววิชาเคลื่อนไหวที่โดดเด่นเป็นตัวช่วย ทีปังกรพุทธะเผชิญสภาวะจู่โจมดุจลมฝนคลุ้มคลั่งของนาจา ยังเห็นกระบวนท่าหักล้างกระบวนท่าได้
‘มีความน่าอัศจรรย์เหมือนคัมภีร์เกิดนภาการสืบทอดหยกพิสุทธิ์ แต่ส่วนใหญ่ใช้เหตุผลศาสนาพุทธเป็นพื้นฐาน’ เยี่ยนจ้าวเกอมองอยู่ด้านข้าง ใคร่ครวญในใจ ‘แต่ว่าทีปังกรพุทธะก็มีระดับค่อนข้างล้ำลึกบนเส้นทางนี้เช่นกัน…’
นาจาแสดงสามเศียรหกกร พลังแข็งแกร่ง แต่ว่าทีปังกรพุทธะก็มีมุกค้ำทะเลอยู่กับตัว
เส้นแสงห้าสีต้านจิตใจและการเคลื่อนไหวของนาจาไม่อยู่ แต่ว่าอานุภาพของมุกค้ำทะเลก็ยังคงมิอาจดูแคลน
สองฝ่ายท่านมาข้าไป สู้กันเป็นพัลวัน
ทีปังกรพุทธยึดครองความได้เปรียบด้านชัยภูมิ แต่ละกระบวนท่าชักนำแสงพุทธยิ่งใหญ่ในแดนสุขาวดีตะวันตกจากด้านนอกมาเสริมพลังให้ตัวเอง ทำให้ท่านมีพลังยิ่งใหญ่ไพศาล ไร้สิ้นสุดไร้ประมาณ
ขณะเดียวกัน ภายใต้การเสริมพลังจากพระธรรมสูงส่ง ถึงกับทำให้ท่านมีความเมตตาสงสารกับความน่าเกรงขามของอามิตาภพุทธเจ้าส่วนหนึ่ง เกิดประสิทธิผลการสะกดที่แข็งแกร่งสุดขีดในด้านจิตใจ ทำให้คนอดคิดหมอบกราบกราน ยึดเป็นสรณะเช่นนี้ไม่ได้
แม้แต่คนที่ชมดูการต่อสู้อยู่ด้านข้างอย่างเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ ต่างแบ่งสมาธิมาต้านผลกระทบจากพระธรรมโดยเฉพาะ
ทว่านาจาเหมือนกับเฟิงอวิ๋นเซิงและสั่วหมิงจาง เป็นคนที่ยิ่งสู้ยิ่งเหี้ยมหาญ
ยิ่งอยู่ในการต่อสู้จริง ก็ยิ่งแสดงความธรรมดาออกมา
อีกฝ่ายเหมือนพลังไม่หมดสิ้น สภาพแวดล้อมรอบตัวยังสะกดตัวเองไม่หยุด
ในสถานการณ์แบบนี้ย่อมไม่เป็นผลดีถึงขีดสุด แต่พร้อมกับการเลื่อนไหลของเวลา นาจาปรับตัวและศึกษาสภาพการณ์รอบๆ ตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังปรับตัวให้ชินได้ในระยะเวลาที่สั้นสุดขีด
กล่าวไปรวบรัด แต่ว่าขณะที่เข่นฆ่ากับศัตรูร้ายกาจอย่างทีปังกรพุทธะ ยังต้องแยกแยะและปรับตัวอย่างแม่นยำไม่หยุด ความสูงส่งของระดับความยากแค่คิดก็เป็นที่ทราบได้
สู้ถึงภายหลัง นาจาไม่เพียงพลังไม่ลดลง กลับยิ่งชินกับสภาพแวดล้อมตรงหน้ามากขึ้น
ทีปังกรพุทธะยังคงยึดครองชัยภูมิ แต่ไม่เกิดผลเหมือนที่คาดไว้
เพียงแต่อดีตพุทธะองค์นี้สีหน้าราบเรียบไร้ระลอกคลื่น คล้ายกับไม่สูญเสียความหวัง
ความหวังที่จะรีบเผด็จศึกไม่กลายเป็นจริง ทีปังกรพุทธะก็ไม่หวั่นเกรง เปลี่ยนแปลงวิธีต่อสู้ก่อนหน้าของตัวเองในทันทีอย่างเด็ดเดี่ยว กลายเป็นสภาพค่อยๆ พัวพันกับนาจา
ท่านในตอนนี้ป้องกันเป็นหลัก ไม่ขอให้สำเร็จแค่ขอให้ไม่มีสิ่งใดผ่าน
ทีปังกรพุทธะพุทธะที่ยึดครองความได้เปรียบด้านชัยภูมิของแดนสุขาวดีตะวันตกละทิ้งศักดิ์ศรี เลือกใช้วิธีถูกกระทำเช่นนี้ นาจามีวิธีจัดการท่านไม่มากอยู่ชั่วขณะ
“อย่างน้อยมีป้องกันมีโจมตี ทีปังกรพุทธะยังไม่ได้ละทิ้งศักดิ์ศรีโดยสิ้นเชิง” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง
“ละทิ้งศักดิ์ศรีโดยสิ้นเชิง” เยี่ยนตี๋เลิกคิ้ว “เอาแต่หดหัวเป็นเต่าป้องกันอย่างเดียว แม้แต่มุกค้ำทะเลสิบปดชิ้นที่เหลืออยู่ก็เสกสวรรค์จักรวาลขึ้นรวมตัวกัน เพื่อป้องกันตัวเองหรือ?”
สองพ่อลูกชมการต่อสู้อยู่ด้านข้าง ส่วนใหญ่เปลี่ยนตัวเองไปอยู่ที่ตัวใครสักคนระหว่างสองฝ่ายที่สู้กัน คิดหาวิธีว่าถ้าตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้แล้วต้องเผชิญกับศัตรู สมควรแก้ไขสภาวะโจมตีของศัตรู หรือทำลายการป้องกันของอีกฝ่ายอย่างไร
การศึกษาการต่อสู้ของยอดฝีมือระดับสุดยอดในชั้นมหาชาลสองคน ค่อนข้างจุดประกายให้แก่พวกเขา
เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตเห็นว่า คนชมการต่อสู้ด้านศาสนาพุธ นอกจากผู้มีอำนาจศาสนาพุทธที่พลังฝึกปรือค่อนข้างสูงอย่างพระโพธิสัตว์กวนอิมและวัชรอภิณฑ์พุทธะแล้ว ยังมีโพธิสัตว์กับอรหันต์ที่พลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ
ถึงแม้ใช่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกจะมองเข้าใจขนาดนั้น แต่ว่าพวกเขาชมการต่อสู้ที่นี่ ก็ดีกว่าการลำบากฝึกฝนนับไม่ถ้วนของตนในยามปกติ
ศึกใหญ่ดาบจริงหอกจริงในระดับสูงเช่นนี้ ปกติต่อให้ผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธสองคนเลียนแบบได้ แต่ยากจะมีประสิทธิผลยอดเยี่ยมอย่างนี้
“ทีปังกรพุทธะแบบนี้คือไม่คิดรับบาดเจ็บ เข้าใจได้ แต่ปัญหาก็มาแล้ว ท่านจะเอาชนะนาจาอย่างไร?” มองไปมองมา เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วขึ้น “นาจาไม่มีทางรับผลลัพธ์สู้เสมอ ทีปังกรพุทธะถ่วงเวลาต่อสามารถลากถ่วงนาจาจนตายในสักวันหนึ่งหรือ?”
………………..