ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1700 ไม่รักษากฎ
ทีปังกรพุทธะที่รู้สึกว่าไม่อาจเอาชนะได้โดยเร็ว เปลี่ยนวิธีการต่อสู้ พัวพันกับนาจาตลอด
ท่านครอบครองชัยภูมิ ไม่กลัวศึกผลาญพลัง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นป้องกันตัวเองเป็นหลัก ค่อยๆ สู้กับนาจา นี่ไม่มีใด
นาจาก็เป็นผู้ผ่านมาร้อยศึก ย่อมทราบว่าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ส่งผลดีต่อตัวเอง แต่ถ้าหากผลีผลามบุก จะล้มเหลวเพราะรีบร้อน ไม่เพียงแต่ยากเอาชนะอีกฝ่าย กลับอาจถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาส
ดังนั้นถึงเขาจะจะรักษาการกดดันต่อทีปังกรพุทธะ ยิ่งโจมตียิ่งเร่งร้อน แต่จิตใจยังมีความเยือกเย็น มีระเบียบขั้นตอนมาโดยตลอด ถึงเร็วแต่ไม่สับสน ค้นหาช่องโหว่วของอีกฝ่าย ขยายความได้เปรียบของตัวเอง เลือกจบการต่อสู้โดยเร็วที่สุด
สืบสาวถึงที่สุด เร็วมิใช่เป้าหมาย ชัยชนะต่างหากที่ใช่
ในสายตาหยางเจี่ยน นาจาในตอนแรกเป็นเช่นนี้จริงๆ แต่พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป สถานการณ์เริ่มไม่เหมือนเดิมอยู่บ้าง
นาจายิ่งมายิ่งรีบ ไม่เพียงแต่แสดงออกมาในด้านวิธีต่อสู้ จิตใจของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกระวนกระวาย
นี่เด่นชัดว่าต่างจากการคาดการณ์ เป็นอย่างนี้ต่อไป ผลลัพธ์คือเสียการควบคุม
เยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และหยางเจี่ยนมองหน้ากัน
“เขาอยู่ในสถานการณ์ มีการค้นพบส่วนหนึ่ง เป็นสิ่งที่เราผู้ชมดูสัมผัสไม่ได้หรือ?” เยี่ยนตี๋ขมวดคิ้ว “หรือกว่าตัวเขาเกิดความกังวล มิอาจไม่เป็นเช่นนี้?”
เยี่ยนจ้าวเกอมองนาจากับทีปังกรพุทธะที่สู้กันอยู่ พร้อมพึมพำ “พี่ร่วมเส้นทางนาจาเคยปนนเปื้อนความเหี้ยมโหดสำนึกสังหาร แต่ว่าไท่อี้จินหยินได้ช่วยเหลือ สมควรชำระเปลี่ยนแล้วถึงจะถูก ไม่ถึงกับตกค้าง แต่ดูท่าทางในตอนนี้ กลับเหมือนเป็นสัญญาณว่าจะซ้ำรอย”
ปัญหาก่อนหน้านี้ของนาจา ตามคำพูดของไท่อี้จินหยิน สมควรไม่เกิดขึ้นอีก
แต่ว่าศัตรูที่เขาเผชิญในครั้งนี้มิใช่คนธรรมดา ขณะต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด ยากบอกได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพิเศษหรือไม่
ด้านหนึ่งเผชิญทีปังกรพุทธะที่มีพลังแข็งแกร่ง จำต้องให้นาจาบุกสุดกำลัง
อีกด้านหนึ่งสิ่งที่เผชิญคือความชิงชังที่นาจามีต่อท่าน เดิมทีเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นาจาปนเปื้อนความเหี้ยมโหดและสำนึกสังหาร
“ที่นี่เต็มไปด้วยแสงพุทธ ย่อมก่อเกิดผลสะกดข่มต่อคน แต่ว่ามีข้อดีและมีข้อเสีย การสะกดความเหี้ยมโหดสำนึกฆ่าฟันของพระธรรมแห่งแดนสุขาวดีก็มีประสิทธิผลดียิ่งเช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอหยีตา “ตามเหตุผลแล้ว นาจาไม่น่าจะโรคเก่ากำเริบ”
ต่อให้อาจจะกำเริบ แต่ก็ไม่มีทางเกิดในแดนสุขาวดีตะวันตกนี้
“นอกเสียจากว่ามีสาเหตุอื่น” หยางเจี่ยนยืนนิ่ง แต่ว่าบนหน้าผากพลันปรากฏแสงสว่าง ผิวถึงกับแยกออกเป็นร่องแยกแนวตั้งสายหนึ่ง
ดวงตาแนวตั้งข้างหนึ่งโผล่ขึ้นบนหน้าผากหยางเจี่ยน สายตาในดวงตาข้างที่สามกวาดมองจักรวาล
พวกวัชรอภิณฑ์พุทธะกับพระโพธิสัตว์กวนอิมเห็นดังนั้น มองกันและกัน “ปิดไม่ได้แล้ว”
หยางเจี่ยนเปิดดวงตาที่สาม จับจ้องนาจา เห็นนาจาดูเหมือนไม่แตกต่างจากยามปกติ ทว่าส่วนลึกของดวงตา มีลำแสงที่เป็นสีสันนาๆ บัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏ
“มารจิตแรกเริ่ม!” หยางเจี่ยนแค่นเสียง “ทีปังกร ท่านอับอายหรือไม่?”
ทีปังกรพุทธะสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวราบเรียบ “สหายร่วมเส้นทางกล่าวหนักแล้ว นาจามีโทสะมากเกินไป เกิดมารภายใน ถูกมารจิตแรกเริ่มฉวยโอกาส โทษอาตมาไม่ได้จริงๆ”
“ถ้าหากว่านาจารู้สึกอึดอัด ต้องการสะกดมารภายใน อาตมาก็ไม่ถือสา สงครามในนี้ตัดสินว่าเสมอก็พอ”
“ฝันไปเถอะ!” นาจาตวาดตัดบท
แต่ว่าการเคลื่อนไหวของเขาพลันเชื่องช้าลงเล็กน้อย สะกดและปรับปรุงตัวเอง
“ทีปังกรพุทธะกล่าววาจา ออกจะผลักความรับผิดชอบจนหมดจดเกินไปแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว “สถานที่อื่นยังพอว่า ที่นี่เป็นแดนสุขวดีตะวันตก อามิตาภพุทธเจ้าไม่พยักหน้า ไม่มีความเห็นด้วยของพวกท่าน มารจิตแรกเริ่มจะก่อคลื่นลมได้อย่างไร?”
เป็นเพราะว่านิสัยใจคอ กับความโกรธแค้นที่มีต่อทีปังกรพุทธะ จิตใจของตัวนจาจึงมีช่องโหว่ว
แต่อาศัยการควบคุมตัวเองของเขา มากพอจะสะกดมารภายในเหล่านี้ เกิดขึ้นก็ตัดทิ้ง ไม่รบกวนตัวเอง
แต่ถ้ามารจิตแรกเริ่มลงมือด้วยตัวเอง นี่อาจกลายเป็นภัยซ่อนเร้นที่สาหัส
โดยเฉพาะตอนนี้นาจากำลังสู้กับทีปังกรพุทธะ ปัญหาอาจขยายใหญ่ขึ้นขั้นหนึ่ง ถูกมารจิตแรกเริ่มฉวยโอกาสบุก
นาจาประสบภัยพิบัติดับสูญเป็นครั้งแรก ได้คืนชีพขึ้นเพราะร่างแปลงดอกบัว สำเร็จกายเซียนบัววิเศษ ไม่เกรงกลัววิชานอกรีตจำนวนมากในโลกนี้แต่กำเนิด
ทว่ามารจิตโดยพื้นฐานเกิดขึ้นเพราะตัวเอง มาจากภายในออกสู่ภายนอก ดังนั้นกายเซียนบัววิเศษของนาจาจึงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ทั้งหมดอาศัยตัวเองจัดการและสะกด
มารจิตแรกเริ่มไม่ต้องเคลื่อนไหวใหญ่โต ส่งผลกระทบโดยไร้สุ้มไร้เสียง สามารถทำให้ช่องโหว่วยิ่งมายิ่งใหญ่ จนกระทั่งสุดท้ายมิอาจแก้ไข
นี่เป็นเรื่องที่มันถนัดที่สุด
นาจาเดิมทีเพ่งสมาธิต่อสู้กับทีปังกรพุทธะ มารจิตแรกเริ่มมีศาสนาพุทธอำพรางในที่ลับ ดังนั้นแม้แต่ตัวนาจา ก็ยังยากสัมผัสได้ถึงกลอุบายในที่ลับของอีกฝ่าย
ตอนนี้ตื่นตัว นาจาย่อมพิโรธโกรธกริ้ว
ทว่ายิ่งอารมณ์แปรปรวน ยิ่งถูกมารจิตแรกเริ่มแทรกซึมได้ง่าย ดังนั้นนาจาไม่อาจไม่พยายามปรับจิตใจของตัวเองให้มั่นคง
“ทีปังกร ดูเหมือนท่านไม่คิดใช้หนึ่งสู้หนึ่ง คิดใช้สองสู้สองหรือ?” หยางเจี่ยนเสียงไม่ดัง แต่ว่าแดนสุขาวที่ทุกคนอยู่ เหมือนกับกำลังจะพังลายในพริบตา
ทีปังกรพุทธะยิ้มกล่าวว่า “สหายร่วมเส้นทางกล่าวเช่นนี้ผิดแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นถึงตอนนี้ อาตมาไม่อยากหยิบอาวุธ”
“ในเมื่อท่านรับคำท้า เช่นนั้นทุกคนต้องทำตามกฎ” หยางเจี่ยนกล่าวอย่างสงบนิ่ง “วันนี้ท่านไม่รักษากฎ เช่นนั้นทุกคนก็ไม่ต้องรักษาแล้ว นาจาไปจัดการตัวเอง ข้าจะรับมือท่านเอง คิดว่าอามิตาภพุทธเจ้าจะไม่ถือสาเช่นกัน”
“ไม่ต้องให้พี่ร่วมเส้นทางลงมือ อีกเดี๋ยวข้าก็จะดีขึ้นแล้ว” นาจาทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งเหยียบย่ำอากาศ หยุดอยู่ที่เดิม ป้องกันการรบกวนของมารจิตสุดกำลัง
เขาหลับตา โบกมือให้หยางเจี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอ และเยี่ยนตี๋ บอกว่าตัวเองไม่เป็นไราก สามารถจัดการได้เรียบร้อย
เป็นอย่างที่คาด หลังจากไม่ต้องสู้กับคน ด้วยขีดความสามารถของนาจา เพียงครู่เดียว ก็ปรับสภาพตัวเองให้มั่นคงได้อีกรอบ
ผิวของเขาเดิมทีขาวผ่องดุจหยก เวลานี้บนผิวมีสีสันหลากหลายโผล่ขึ้น
กระนั้นลำแสงห้าสีนี้สาดขึ้นแวบหนึ่งแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
นาจาลืมตาขึ้นมา จ้องมองทีปังกรพุทธะ กำลังจะกล่าววาจา สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ถึงกับมีควันดำจางๆ ลอยขึ้นจากร่างเขา
ควันดำเหล่านี้กลับไม่ได้ทำอะไรหรือพัวพันนาจา มองไปเหมือนหลุดออกจากร่างนาจา ถูกคนดึงออกมา
“นี่…” นาจาอดงุนงงไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ตอนแรกงุนงงไม่เข้าใจ พลันนึกถึงอีกเรื่องหนึ่ง กระจ่างแจ้งโดยพลัน
“วานรหกหู!” เขาโพล่งขึ้น
เยี่ยนตี๋ หยางเจี่ยน นาจาต่างเข้าใจขึ้นมาแล้ว
ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างเคยได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอเล่าความสัมพันธ์ระหว่างมหาเทวะเสมอฟ้า ซุนเห้งเจีย และวานรหกหูมาก่อน รู้ว่าวานรหกหูในอดีต เกิดขึ้นเพราะจิตมารของซุนเห้งเจีย
นั่นเป็นเหตุการณ์พิเศษหมื่นปียากพบพาน และผลลัพธ์จากผลร่วมกันของเหตุผลหลายๆ ข้อ หมู่มารแห่งนพยมทำซ้ำให้เกิดขึ้นบ่อยๆ ได้ยาก
กระนั้นวันนี้ มารจิตแรกเริ่มเด่นชัดว่าต้องการทำให้เรื่องวานรหกหูปรากฏขึ้นอีกครั้ง ชักนำจิตมารของนาจา ให้กำเนิดผู้เข้มแข็งสะท้านโลกกาอีกคนหนึ่ง!
………………..