ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1701 ท่านปล่อยเป็นไปตามวาสนา ข้าก็เช่นกัน
มารจิตแรกเริ่มลงมือ เท่ากับช่วยคลายวงล้อมให้แก่ทีปังกรพุทธะ
นพยมโลกย่อมไม่อาจออกแรงเปล่าๆ ช่วยทีปังกรพุทธะรับมือการท้ารบของนาจา ย่อมต้องหาวิธีได้ผลประโยชน์ที่สอดคล้องกัน
ตอนนี้หาวิธีเปลี่ยนจิตมารของนาจา กลายเป็นผู้เข้มแข็งสะท้านโลกที่เท่าเทียบกัน เป็นหนึ่งในเนื้อหาการแลกเปลี่ยน
แตกต่างกับซุนเห้งเจียในตอนนั้นที่ยังอยู่ในระดับสุญญตา นาจาในตอนนี้เป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดในขอบเขตมหาชาล นพยมโลกคิดจะวางแผนเล่นงานเขา ย่อมไม่ง่ายดาย
เพียงแต่ว่าตัวนาจามีปัญหาอยู่แล้ว ยากจะไม่มอบโอกาสให้อีกฝ่ายฉกฉวย
ก่อนหน้านี้เขาปนเปื้อนความเหี้ยมโหดสำนึกฆ่าฟันที่เข้มข้น หมื่นปีเกิดขึ้นน้อยครั้ง ถ้าหากจมลงสู่ทะเลเลือดจริงๆ เช่นนั้นยังบ้าคลั่งดุร้าย และไร้สติปัญญายิ่งกว่าจอมมารแห่งนพยมโลก
ปัจจุบันถึงนาจาจะหลุดออกมาได้แต่แรก แต่ว่าต้นตอที่ทำทุกอย่างนี้ยังคงอยู่
หลี่จิ้งตายแล้ว ทีปังกรยังอยู่
ความแค้นและโกรธของนาจามิได้รุนแรงบ้าคลั่งอีกต่อไป แต่ว่าเหมือนรากหยั่งลึกล้ำต้นแข็งแกร่ง
ตอนนี้กำลังต่อสู้กับทีปังกรพุทธะอยู่ มีการจัดการในที่ลับของทีปังกรพุทธะกับแดนสุขาวดีตะวันตก มารจิตแรกเริ่มจึงมีโอกาสลงมือ
นาจาครางหนักๆ คำหนึ่ง บนร่างมีควันสีดำที่ต่อเนื่องไม่ขาดสายลอยขึ้น จากนั้นกระจายกลางอากาศ ก่อนจะหายไป
ควันดำเหล่านี้นคล้ายหายไปด้วยการสาดส่องของแสงพุทธ ทว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองไป กลับไม่เห็นการปะทะกันของควันดำและแสงพุทธ
หยางเจี่ยนยื่นมือออกมากวักไปทางนาจาเบาๆ ร่างนาจาลอยถอยหลัง มาถึงตรงหน้าหยางเจี่ยน
เขายื่นมือออกมากดบนอกของนาจา นาจาหลับตา ทว่าบนร่างยังคงเห็นควันดำหลายสายลอยวนเวียน
“สภาพในตอนนี้ของเขา ดูเหมือนไม่เหมาะจะลงมืออีกแล้ว” ทีปังกรพุทธะยิ้มเล็กน้อย “สงครามในวันนี้ไม่สู้เลิกราเท่านี้ ตัดสินว่าเสมอก็พอ ไม่ทราบสหายร่วมเส้นทางทุกท่านมีความเห็นว่าอย่างไร? ไม่ว่าทุกท่านจะต้องการหยุดมารจิตแรกเริ่มหรือไม่ สามารถออกไปจัดการได้ อภัยที่อาตมาไม่ส่ง”
หยางเจี่ยนมองท่าน “ไฉนรีบร้อนไป? ศิษย์น้องนาจาไม่สะดวก พวกเราสองคนสู้กันก็พอ ท่านยังคงเรียกมารจิตแรกเริ่มมาช่วยท่านได้”
“ขออภัยที่อาตมาไม่น้อมสนองต่อแล้ว” ทีปังกรพุทธะพนมมือ เปล่งเสียงสรรเสริญคุณ
นักบวชศาสนาพุทธอย่างวัชรอภิณฑ์พุทธะกับพระโพธิสัตว์กวนอิมที่อยู่ด้านข้างต่างเคลื่อนไหวเหมือนกัน
แดนสุขาวดีตะวันตกพลันเกิดแสงพุทธเจิดจ้า พุทธเกษตรนับไม่ถ้วนในความว่างเปล่าไพศาล สาดแสงสว่างไสวพร้อมกัน
ประกายแสงรวมกัน กีดกันพวกเยี่ยนจ้าวเกอและหยางเจี่ยน ต้องการส่งพวกเขาออกไปนอกแดนสุขาวดีตะวันตก
ไม่ว่าจะเป็นหยางเจี่ยนกับนาจาที่อยู่ในระดับมหาชาล หรือว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ที่อยู่ในระดับสุญญตา วินาทีนี้ต่างรู้สึกได้ว่ามีแรงกดดันอันมหาศาล ดันตัวเองถอยหลัง
นั่นเป็นการเคลื่อนไหวของแดนสุขาวดีตะวันตกทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะไม่ทำร้ายพวกเยี่ยนจ้าวเกอ กลับก่อเกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่เหมือนมิอาจปฏิเสธ
อามิตาภพุทธเจ้าไม่ได้ลงมือ ทว่าแดนสุขาวดีแห่งนี้สุดท้ายแล้วยังเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สูงส่งที่ท่านสำเร็จ
หยางเจี่ยนตาเป็นประกายเล็กน้อย กระดูกทั่วร่างสั่นไหวเบาๆ
ขณะสั่นไหว แสงพุทธที่สาดบนร่างเขาถึงกับถูกตัดออกไป
ได้รับผลกระทบเช่นนี้ แสงพุทธแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกก็รวมตัวด้านเขาด้วยตัวเอง ต้องการส่งเขาออกไปให้จงได้
ทว่าหยางเจี่ยนยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน
อามิตาภพุทธเจ้าไม่ได้ลงมือ แดนสุขาวดีตะวันตกทั้งหมดกดดันลงมือ ถึงกับเหมือนยังคงทำอะไรหยางเจี่ยนไม่ได้
“สหายร่วมเส้นทางไฉนต้องยึดติดขนาดนี้” ทีปังกรพุทธะส่ายศีรษะถอนใจเบาๆ
ด้วยการควบคุมของท่าน แสงพุทธไพศาลไม่กดดันหยางเจี่ยนอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลับหลบหยางเจี่ยน เล็งไปที่พวกเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง
นาจาตอนนี้มีควันดำวนเวียนรอบตัว ได้รับผลกระทบเช่นนี้ ถึงขั้นไม่เป็นอิสระยิ่งกว่าเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋สองพ่อลูก
แสงพุทธมาถึง กลับไม่ได้รบกวนควันดำนั้น
เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงด้านหลังนาจาแทนหยางเจี่ยน ยื่นมือออกมากดกลางหลังของเขา
“เปิด!” เยี่ยนจ้าวเกอบนศีรษะปรากฏบุปผาจิตกับบุปผาแสงกะพริบ อักขระอาคมหลายสายลอยออกมาจากด้านใน ประกอบกันเป็นสิ่งที่ดูเหมือนโซ่เหมือนผ้าไหม ตัดสลับตัดขวาง หมุนวนเป็นวงแหวน ครอบคลุมเขากับนาจาไว้ตรงกลาง
วงแหวนที่ประกอบจากอักขระยันต์หลายสายหมุนวนไปตามทิศทางการโคจรที่แตกต่างกัน โดยมีเยี่ยนจ้าวเกอกับหยางเจี่ยนเป็นศูนย์กลาง
มองไปเหมือนกับพิธีผสมฟ้าขับไล่มารชั่วคราวปรากฏ
เทียบกับพิธีกรรมในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอช่วยเฉินเสวียนจง พิธีผสมฟ้าขับไล่มารในตอนนี้ขนาดเหมือนเล็กลงไม่น้อย กระนั้นก็คล้ายกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
พอถูกพิธีผสมฟ้าขับไล่มารสะกด ควันดำบนตัวนาจาพลันไม่รุนแรงอย่างเดิมอีก
“มีเรื่องวานรหกหูในตอนนั้น วันนี้คิดจะเลียนแบบน้ำเต้าอีกรอบ ไหนเลยง่ายดายเช่นนั้น?” เยี่ยนจ้าวเกอมองทีปังกรพุทธะพลางพูดขึ้น “ดูจากความหมายของอดีตพุทธะท่าน ก็ไม่คิดว่าจะช่วยให้นพยมโลกทำสำเร็จเช่นกัน”
ทีปังกรพุทธะมองพิธีผสมฟ้าขับไล่มารที่ครอบคลุมเยี่ยนจ้าวเกอกับนาจา ดวงตาฉายแววชมเชย
ท่านได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ ยิ้มเล็กน้อย “ตามวาสนา”
“อดีตพุทธะท่านกลายเป็นคนปล่อยไปตามวาสนาตั้งแต่ตอนไหน?” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งต้านรับการกีดกันของแสงพุทธ ทางหนึ่งหัวเราะ กล่าว “นพยมโลกเองก็มิใช่ช่วยท่านเพราะเรื่องตามวาสนา ท่านจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ทำให้พวกมันยอมเชื่อฟังแน่นอน”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงตรงนี้ก็หุบยิ้ม “มารน้ำกุ่ย หรือว่ามารดินโบ่ว?”
มิพักเอ่ยถึงบรรพมาร ในหกสุดยอดมาร มารจิตกับมารไม้อิกมีชีวิตอยู่มาโดยตลอด มารทองแกก่อนหน้าคืนชีพในความพยายามครั้งเดียวเมื่อสี่ร้อยปีก่อน ส่วนมารไฟปิ่งรุ่นปัจจุบันก็คืนชีพมาเมื่อไม่นาน
ที่เหลืออยู่ คือมารน้ำกุ่ยและมารดินโบ่ว ยังไม่คืนชีพ กำลังรอเปลือกร่างที่เหมาะกับตนกับโอกาสในการเกิดใหม่
การคืนชีพของจอมมารสองตนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนพยมโลก
ก่อนหน้านี้บางทีคนอื่นๆ อาจพยายามหยุดสุดความสามารถเพื่อสะกดนพยมโลก แต่ว่ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมยุคสมัยที่พิเศษในปัจจุบัน มาอยู่ในสถานการณ์ทีปังกรพุทธะ ลู่ยาเตาจวิน และพระอาจารย์เสวียนตูเตรียมการเรียบร้อย ทุกฝ่ายต่างเสาะแสวงการเดินหมากนี้ในนพยมโลก
ดังนั้นสำหรับขุมกำลังอื่นๆ การคืนชีพของมารน้ำกุ่ยและมารดินโบ่ว กลับกลายเป็นแต้มต่อในการแลกเปลี่ยนที่สำคัญ
เหมือนกับลู่ยาเต้าจวินกับมารไฟปิ่งเมื่อก่อนหน้า
ทว่าสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว การคืนชีพของสองจอมมารนี้ ทำให้จิตใจของเขาซับซ้อน
“ตามวาสนา” ทีปังกรพุทธะยังคงยิ้มให้กับคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอมองท่าน อยู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา “ด้วยความคิดของอดีตพุทธะท่าน มีแต้มต่อที่ดีแบบนี้อยู่ในมือ ไหนเลยจะละทิ้งได้ง่ายๆ? ค่าตอบแทนที่ทางนพยมโลกจ่ายออกมา ต้องมิใช่แค่ช่วยท่านรับมือคำท้าของพี่ร่วมเส้นทางนาจากระมัง?”
“สำหรับท่านแล้ว การคุกคามที่เร่งด่วนมิใช่พี่ร่วมเส้นทางนาจา” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพราะเมื่อไม่มีธงวิเศษบัวเขียว ไม่มีสารีริกธาตุศากยมุณี เกิดว่ามหาวิทยราชมยุรีถูกลู่ยาเต้าจวินเกลี้ยกล่อมให้แทงหอกกลับ ท่านก็ไม่มีวิธีต้านทานโดยสิ้นเชิงกระมัง?”
ทีปังกรพุทธะสายตาสั่นไหวเล็กน้อย
เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างผ่อนคลาย “สิ่งที่ท่านต้องการอย่างแท้จริงเป็นธงเหลืองโบ่วกี้?”
………………..