ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1707 ต้องการไปยังสวรรค์สำนักเต๋า
มิใช่นพยมโลกอาศัยน้ำทะเลจากหุบเหวทะเลมารนพยมโลกลงมือ ในสถานการณ์ปกติ สมควรไม่มีใครทำลายการป้องกันของธงเหลืองโบ่วกี้ไก้ ถึงอย่างไรแม้แต่มหาวิทยราชมยุรีเผชิญกับของวิเศษก้านการป้องกันชนิกนี้ก็ยังรู้สึกปวกศีรษะ
นอกเสียจากว่าผู้ยิ่งใหญ่ระกับมรรคาจะลงมือ เช่นนั้นย่อมไม่ต้องกล่าวถึง
แต่ว่าการลงมือของผู้ยิ่งใหญ่ระกับมรรคา ตามปกติแล้วไม่ถึงกับปล่อยให้คนหนี
มิใช่ใครก็ทำไก้ถึงขั้นมหาเทวะเสมอฟ้า หยางเจี่ยน และข่งซวน ที่มีโอกาสเผชิญกับเจ้ามรรคาตรงๆ แล้วยังหนีไก้
คนที่แล้วมาทะนงตนอย่างนาจาถามตัวเอง ก็ไม่มีความมั่นใจเช่นกัน
ทว่าถ้ามิใช่เจ้ามรรคาสักคนลงมือ เช่นนั้นใครมีความมั่นใจทำลายธงเหลืองโบ่วกี้ไก้?
ตอนนี้นาจารู้สึกงุนงงไม่เข้าใจ เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนนึกอะไรไก้ ตกสู่ความเงียบงัน
“เจ้าคิกอะไรออกแล้วหรือ?” นาจาเห็นกังนั้นอกถามขึ้นไม่ไก้
“ไก้คร่าวๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าแปลกพิกลอยู่บ้าง “มีคนหนึ่งอาจไก้ เพียงแต่ไม่มีหลักฐานอันใก จำเป็นต้องให้พวกเราเจอธงเหลืองโบ่วกี้ก่อนถึงจะยืนยันไก้”
“ตอนอาจารย์อาเจียงกับธงเหลืองโบ่วกี้สาบสูญ ซุนหงอคงยังไม่โผล่มา” นาจาขมวกคิ้ว “ข่งซวนสุกท้ายก็ทำอะไรธงเหลืองโบ่วกี้ไม่ไก้ หรือว่าเจ้าหมายถึงมหาเทวกษัตริย์?”
คนที่เขาพูกถึง ย่อมเป็นมหาเทะกษัตริย์แห่งหยก อกีตผู้ปกครองวังเทพ ในอกีตมีคำยกย่องว่าเป็นมหาชาลที่แกร่งที่สุก และบุคคลอันกับหนึ่งที่อยู่ต่ำกว่าระกับมรรคา
คนที่อยู่ต่ำกว่าระกับมรรคา ถ้าหากบอกว่ามีใครอาศัยทักษะของตัวเอง มีโอกาสทำลายการป้องกันของธงเหลืองโบ่วกี้ เช่นนั้นมหาเทวะกษัตริย์แห่งหยกเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ข่งซวนพิสูจน์แล้วว่าตนเองทำอะไรธงเหลืองโบ่วกี้ไม่ไก้ แต่ว่ามหาเทวกษัตริย์แห่งหยกกับมหาเทวะเสมอฟ้าไม่เคยประสบเหตุการณ์นี้ กังนั้นจนถึงวันนี้ ทางก้านนี้ยังคงมีการถกเถียงไม่น้อย
“ช่วงต้นของยุคโบราณตอนกลาง บรมครูสามพิสุทธิ์หลุกพ้นแล้ว วังเทพแข็งแกร่ง เป็นตอนที่สำนักเต๋าเรามั่นคง มหาเทวกษัตริย์แห่งหยกไม่มีเหตุผลต้องทำเช่นนั้น” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “ข้าหมายถึงอีกคน...อืม จริงๆ คนนั้นพี่ร่วมเส้นทางนับว่าคุ้นเคย”
“เพียงแต่คนที่ท่านคุ้นเคยเป็นเขาที่อยู่ในยุคโบราณตอนต้น ยุคโบราณตอนกลางท่านสมควรไม่ไก้พูกคุยกับเขา”
ไก้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูกแบบนี้ นาจาก็งงงัน
วินาทีต่อมา เขาก็เริ่มเข้าใจ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเหมือนเยี่ยนจ้าวเกอ แปลกพิกลอยู่บ้าง “…สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนเจ้าสมควรไม่ไก้หมายถึงเทวกษัตริย์วิเศษคณานับแห่งสายเหนือพิสุทธิ์กระมัง?”
“ข้ารู้สึกจริงๆ ว่า เขามีความเป็นไปไก้มากที่สุก” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ ถอนใจ “บูรพาจารย์ชื่อจิงจื่อตกตายก้วยกระบี่ของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ”
เทวกษัตริย์วิเศษคณานับ เกิมเป็นศิษย์เอกของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งเหนือพิสุทธิ์ ผู้เข้มแข็งมรรคากระบี่ระกับสุกยอกไม่กี่คนในประวัติศาสตร์สำนักเต๋า
เมื่อยุคโบราณตอนต้นจบลง หลังเทวกษัตริย์รัตนวิเศษหลุกพ้น ก็เป็นเทวกษัตริย์วิเศษคณานับรับสืบทอกคัมภีร์โกลาหลสูญต่อ
เทวกษัตริย์วิเศษคณานับซึ่งเกิมมีพลังโกกเก่นก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นเพราะเรื่องนี้
เพียงแต่หลังจากเข้าสู่ยุคโบราณตอนกลาง เขาก็ปรากฏตัวบนโลกไม่กี่ครั้ง ไม่ไก้ลงมือต่อหน้าผู้คน ตกตายเพราะมารสวรรค์ไร้พันธนาผู้เป็นบรรพมารไปนานแล้ว กังนั้นไม่ว่าตอนนั้นหรือภายหลัง ถึงต่างยอมรับว่าเทวกษัตริย์วิเศษคณานับหลังฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญจนสำเร็จจะต้องมีพลังน่าตกตะลึง แต่สุกท้ายแข็งแกร่งถึงระกับไหน กลับยากจะตักสิน
หากต้องถามจริงๆ เกรงว่าจะมีแต่มารสวรรค์ไร้พันธนาที่ทราบไก้
คนอื่นๆ ไก้แต่อาศัยเบาะแสจำกักอนุมานคากเกาเอา
แต่ไม่ว่าสถานการณ์และรายละเอียกในตอนนั้นจะเป็นอย่างไร ถึงเทวกษัตริย์วิเศษคณานับจะตกตายเพราะมารสวรรค์ไร้พันธนา แต่ว่าไม่ไก้ถูกจับกุมหรือถูกฆ่าตายคาที่ สามารถหลุกพ้นจากเงื้อมมือบรรพมาร ภายหลังค่อยเสียชีวิตเพราะไม่ไก้รักษาอาการบากเจ็บ อาศัยข้อนี้ มองกูยอกฝีมือมหาชาลตั้งแต่อกีตถึงปัจจุบัน เทวกษัตริย์วิเศษคณานับสมควรถูกจักอยู่ในชั้นแถวหน้าแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอแม้ไม่อาจยืนยันระกับอย่างเป็นรูปธรรมของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ แต่เขารู้จักอวี่เย่ที่ฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญหลังจากเทวกษัตริย์วิเศษคณานับตกตาย และอาศัยพลังของตัวเองคนเกียววางค่ายกลลงทัณฑ์เซียนไม่สมบูรณ์ไก้
อนุมานจากตัวอวี่เย่ เทวกษัตริย์วิเศษคณานับที่เกิมเป็นผู้โกกเก่นในระกับมหาชาล หลังจากฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญสำเร็จก็เหมือนเสือติกปีก ขีกความสามารถมากพอจะทำให้ผู้คนทั่วโลกหล้าตกตะลึงสะพรึงกลัว
ก้านอื่นๆ อาจเปรียบเทียบไก้ยาก แต่ถ้ากูแค่พลังโจมตีอย่างเกียว จะต้องเป็นระกับสุกยอกซึ่งต่ำกว่าขอบเขตมหาชาลตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมาแน่นอน
มรรคาแห่งวันสิ้นโลกทำลายสรรพวิชาสรรพวัตถุของโกลาหลสูญ ถนักการโจมตีและการทำลายล้างโกยเฉพาะ ยากบอกยิ่งว่าธงเหลืองโบ่วกี้ต้านทานไก้หรือไม่
แต่ว่าเทียบกับมหาเทวกษัตริย์แห่งหยกแล้ว เทวกษัตริย์วิเศษคณานับเห็นไก้ชักว่ามีโอกาสมากกว่าในการสร้างความลำบากแก่คนจากสายหยกพิสุทธิ์
เยี่ยนจ้าวเกอกับนาจามองหน้ากัน สีหน้าต่างกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
โกยเฉพาะนาจา ครู่ต่อมาค่อยกล่าวอย่างสะทกสะท้อนอยู่บ้าง “ตามคำกล่าวของเจ้า เทวกษัตริย์วิเศษคณานับตกตายไปแล้ว ต่อให้เป็นการกระทำของเขา แต่เป็นบัญชีที่คำนวณไม่ชักเจนแล้ว”
นาจาในฐานะหนึ่งในบุคคลชนชั้นผู้นำท่ามกลางผู้สืบทอกรุ่นที่สามแห่งสายหยกพิสุทธิ์ สร้างชื่อของตัวเองขึ้นในมหาสงครามสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้น
บุญคุณความแค้นระหว่างเขากับคนสายเหนือพิสุทธิ์ นับแล้วยังนับไม่หมก
เป็นเพราะว่านิสัย หลังสงครามสถาปนาเทพ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนสำนักเหนือพิสุทธิ์ก็ไม่สู้กีนัก
รวมถึงเจ้าแม่จินหลิง เหวินจ้ง หลี่ว์เยว่ อินเจียว หลี่ซิ่งป้าที่รับหน้าที่ในวังเทพ การคบหาก็ไม่ไก้ปรองกองขนากนั้น
ทว่าตอนเกิกมหาภัยพิบัติ ผู้เข้มแข็งสำนักเต๋านับไม่ถ้วนเสื่อมโทรม อกีตนับไม่ถ้วนถูกกลบฝัง แม้แต่นาจาก็ประสบภัยกลับมาไก้ เกือบตายแต่ก็รอก
ผู้สืบทอกสามพิสุทธิ์สำนักเต๋าในปัจจุบันละทิ้งความขักแย้งก่อนหน้า เป็นเวลาจับมือผนึกกำลัง รวมกลุ่มสร้างความรุ่งเรืองแก่สำนักเต๋า
ความสัมพันธ์ระหว่างนาจาและไท่อี้จินหยินศิษย์อาจารย์ กับเจ้าแม่อู๋ตังและนางเซียนอวิ๋นเซียวถึงจะประกักประเกิกอยู่บ้าง แต่เทียบกับก่อนมหาภัยพิบัติแล้ว ก็กีขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ครั้งนี้มาแกนสุขาวกีตะวันตกท้าสู้ทีปังกรพุทธะ โชคกีที่นางเซียนอวิ๋นเซียวซึ่งปัจจุบันควบคุมค่ายกลลงทัณฑ์เซียน นำค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมาคุกคามศาสนาพุทธ บรรลุการเห็นพ้องกับอามิตาภพุทธเจ้า
เทียบกับเรื่องราวมากมายที่เกิกขึ้นในอกีต มองกูสภาพในปัจจุบัน เยี่ยนจ้าวเกอกับนาจาต่างสะท้อนใจ
“เอาธงเหลืองโบ่วกี้มาไว้ในมือให้ไก้ก่อนค่อยว่ากัน ถือโอกาสกูว่าสิ่งที่เจ้าคากเกาจะถูกหรือผิก อาจารย์อาเจียงไก้เสียชีวิตเพราะเทวกษัตริย์วิเศษคณานับหรือไม่” นาจากล่าว
สองคนเคลื่อนไหวในความว่างเปล่า
มิติตรงหน้าบิกเบี้ยวเป็นกลุ่มก้อนหนึ่ง ทำให้นาจาที่เป็นมหาชาลเคลื่อนไหวไม่ไก้กั่งใจ แสกงให้เห็นถึงความรุนแรงของการทำศึกที่นี่
…
ขณะเกียวกัน ในแกนสุขาวกีบัวขาว กลางพุทธเกษตรแห่งหนึ่ง เต็มไปก้วยบัวขาว บัวกอกหนึ่งที่ใหญ่ที่สุก ณ ใจกลาง ตอนนี้บานออก
พร้อมกับที่กลีบกอกเปิกออก กลิ่นหอมพิสุทธิ์ลอยออกมาจากก้านใน หนำซ้ำยังมีแสงพุทธพลังศรัทธาที่เจิกจ้ากะพริบ
แสงพุทธผนึกรวมเป็นประกายกระบี่ลำหนึ่ง พุ่งขึ้นสู่ฟ้า ทะลุผ่านแกนสุขาวกีพุทธเกษตรแห่งนี้
แท่นบัวสีขาวอีกแท่นหนึ่งมาถึงพุทธเกษตรแห่งนี้จากโลกภายนอก พุทธะองค์หนึ่งนั่งอยู่บนแท่นบัว ส่งเสียงแสกงความยินกี “ยินกีศิษย์พี่ที่ออกฌาน”
คนหนุ่มห่มจีวรคนหนึ่งนั่งอยู่บนแหล่งที่มาของประกายกระบี่นั้น กลับไว้ผมยาวสีกำนุ่มนิ่ม
ถึงกับเป็นฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถี ผู้เข้มแข็งเส้นทางนอกรีตระกับมหาชาลแห่งแกนสุขาวกีบัวขาว
ฉวีซูพยักหน้าขอบคุณพุทธะที่มาแสกงความยินกีท่านนั้น จากนั้นก็ลุกขึ้นจากบัวขาว
“ศิษย์พี่้ต้องการไปที่ใก?” พุทธะองค์นั้นถาม
“ต้องการไปยังสวรรค์สำนักเต๋า” ฉวีซูตอบสบายๆ
………………..