ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1710 ต่างฝ่ายต่างต้องการ
มหาวิทยราชมยุรีปรากฏตัว ทำให้คนที่อยู่รอบๆ จิตใจหนักอึ้ง
ถ้าต้องพูดจริงๆ การปรากฏตัวของข่งซวน มิได้ทำให้คนประหลาดใจเท่าไหร่นัก
ธงเหลืองโบ่วกี้ ธงวิเศษบัวเขียว ธงแดนเมฆสีม่วงกับธงแสงดินทักษิณธงวิเศษสี่คัน เป็นของวิเศษด้านการป้องกันไม่กี่ชิ้นที่ต้านทานแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีได้ รองจากระดับมรรคาในโลกนี้
สำหรับมหาวิทยราชมยุรี ธงวิเศษหลายคันนี้มิอาจนับเป็นดาวข่ม แต่ก็เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงอย่างมิต้องสงสัย
โดยเฉพาะท่านในตอนนี้ใช้การลงมือของตัวเองเป็นค่าตอบแทบ เพื่อให้ได้มาซึ่งสารีริกธาตุศากยมุณี
ของวิเศษที่ป้องกันท่านได้เหล่านี้ ย่อมส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อค่าตัวการเป็นทหารรับจ้างระดับสุดยอดของท่าน ส่งผลต่อการได้มาซึ่งสารีริกธาตุศากยมุณี
ธงวิเศษบัวเขียวตอนแรกอยู่ในแดนสุขาวดีตะวันตก ปัจจุบันอยู่ที่สำนักเต๋าสายหลัก ธงแดนเมฆสีม่วงอยู่ที่นพยมโลก ธงแสงดินทักษิณอยู่ที่วังดุสิต ยังพอทำเนา
หลังจากธงเหลืองโบ่วกี้สูญหาย ก็ไร้เจ้าของ ไร้คนควบคุม ไร้คนแสดงอานุภาพของมันนชั่วคราว
ในสถานการณ์เช่นนี้ มหาวิทยราชมยุรีลงมือชิงธงเหลืองโบ่วกี้ ทำให้ของที่ขัดขวางตัวเองได้บนโลกใบนี้ชิ้นนี้หายไป ไม่ให้คนอื่นใช้ ไม่น่าแปลกใจ
เพียงแต่ว่าถึงแม้ในใจจะมีการคาดการณ์ กระนั้นพอเห็นมหาวิทยราชมยุรีถึงกับมาสอดมือ ผู้คนที่อยู่รอบๆ ยากจะไม่รู้สึกปวดศีรษะ
ขณะนี้ ผู้ที่อยู่ใกล้เมฆดารากระจัดกระจายที่ซึ่งเก็บซ่อนธงเหลืองโบ่วกี้ที่สุด นอกจากไท่อี้จินหยิน ก็คือชายชราคนหนึ่ง
ชายชราท่านนี้มีใบหน้าเมตตาปรานี ตอนนี้กลับมองมหาวิทยราชมยุรีด้วยสีหน้าขื่นขม ส่ายหน้าถอนใจ
ชายชราในสองตามีแสงสว่างซึ่งอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนแสงอาทิตย์ธรรมดากกะพริบ ยืนอยู่กับที่ เหมือนไม่ได้ทำอะไร
ทว่ามหาวิทยราชมยุรีที่เข้าใกล้สีหน้าพลันปรากฏแววร้อนรุ่ม
“มารจิตแรกเริ่ม อาการบาดเจ็บของโยมหายดีแล้ว ช่างน่ายินดี แต่อย่าได้ลืมว่า คนอื่นทำอันตรายโยมไม่ได้ โยมกลับหลบแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของอาตมาไม่พ้น” พุทธะแค่นเสียงคำหนึ่ง แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่วนเวียนทั่วร่างหมุนพุ่งใส่มารจิตแรกเริ่มที่เหมือนชายชรา
“ความสามารถของสหายร่วมเส้นทางข่ง ข้าย่อมทราบเป็นอย่างดี ไม่กล้าดูแคลน” ตำแหน่งของมารจิตแรกเริ่มเปลี่ยนแปลงติดต่อกัน หลบพ้นแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรี “ข้ามาช่วยชิงธงเหลืองโบ่วกี้แทนแดนสุขาวดีตะวันตก สหายร่วมเส้นทางก็อยู่ที่แดนสุขาวดีตะวันตกเช่นกัน ยินดีอำนวยความสะดวกหรือไม่?”
มหาวิทยราชมยุรีตอบอย่างเรียบเฉย “อาตมาเคารพอามิตาภพุทธเจ้า แต่ไม่กราบไหว้ทีปังกร เขาคือเขา อาตมาคืออาตมา”
“ใยต้องลำบาก” มารจิตแรกเริ่มพูด ในมือเพิ่มธงเล็กคันหนึ่ง
มันโบกธง ควันพลันกระจายทั่ว กลิ่นหอมประหลาดครอบคลุมสี่ทิศ ปกคลุมการเคลื่อนที่ไปด้านหน้าของมหาวิทยราชมยุรี
เป็นธงแดนเมฆสีม่วง
มหาวิทยราชมยุรีถูกธงแดนเมฆสีม่วงขวางทางอีกครั้ง ไม่มีโทสะ แสดงกายทองพุทธะ แสงห้าสีปกคลุมร่าง แสงพุทธเครื่องเคลือบกางออกมาแต่ไกล ครอบคลุมความว่างเปล่ารอบๆ
ตอนแย่งชิงสารีริกธาตุศากยมุณีในครั้งก่อน มหาวิทยราชมยุรีรับมือไม่ทัน เสียท่าเพราะธงแดนเมฆสีม่วง
ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าท่านเตรียมตัวมาก่อน มารจิตแรกเริ่มอาศัยธงแดนเมฆสีม่วงขวางทางไปของท่าน ท่านเองก็ครอบคลุมผนึกรอบๆ กั้นมารจิตแรกเริ่มไว้
วิธีการกลับคล้ายกับวิธีที่หยางเจี่ยนเผชิญธงวิเศษบัวเขียว ตอนที่แย่งชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
มหาวิทยราชมยุรีแสดงร่างพุทธ ด้านล่างมีนกยูง กระพือปีกบิน บรรทุกท่านบินไปยังเมฆดารากระจัดกระจายที่ซ่อนธงเหลืองโบ่วกี้ไว้
ท่านทางหนึ่งเข้าใกล้ธงเหลืองโบ่วกี้ ทางหนึ่งสะกดมารจิตแรกเริ่มที่ถือธงแดนเมฆสีม่วง
มารจิตแรกเริ่มถึงจะกริ่งเกรงแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรี แต่วิชาลับของมันก็เป็นเอกลักษณ์ ยากจะคว้าจับ และส่งผลต่อจิตใจของมหาวิทยราชมยุรี
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรีถึงจะไม่มีสิ่งใดชำระไม่ได้ แต่เผชิญการรบกวนจากจิตมาร ก็ลำบากเกินรับได้
นี่ยังโชคดีที่ท่านหันไปนับถือศาสนาพุทธหลังยุคโบราณตอนต้น การฝึกฝนพระธรรมส่งผลดีต่อการปราบมารภายใน ไม่อย่างนั้นยากรับได้กว่าเดิม
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ท่านทางหนึ่งสะกดมารจิตแรกเริ่มที่มีธงแดนเมฆสีม่วงในมือ ทางหนึ่งรุกคืบ ภาพยังน่าตกตะลึง ทำให้คนอื่นๆ บนสนามรบเหม่อมอง
การต่อสู้ของทุกฝ่ายผ่อนช้าลงมากโดยมิได้นัดหมาย ความสนใจส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวมหาวิทยราชมยุรี
มหาวิทยราชมยุรีกลายเป็นเป้าของทุกฝ่าย สีหน้าสงบนิ่ง ยังคงเคลื่อนที่ไปด้านหน้า
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่แข็งแกร่งยังคงโคจร ทำให้ผู้หาญกล้าต้องหลบหลีก
เพียงแต่ว่า ระหว่างทาง ข่งซวนมองข้ามผู้เข้มแข็งมหาชาลทั้งหลาย สายตากลับมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอในระดับเซียนสุญญตาอย่างตั้งใจไม่ตั้งใจ
ตอนนี้มหาวิทยราชมยุรีเป็นห่วงอะไร ทุกคนล้วนทราบ
สิ่งที่ท่านกลัวคือมหาเทวะเสมอฟ้าโผล่มาอีกครั้ง!
ธงแดนเมฆสีม่วงในฐานะของวิเศษด้านการป้องกันถึงไม่เกรงกลัวแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี แต่ก็ได้แต่ถูกกระตุ้นให้ป้องกัน
ตอนที่เป้าหมายของมหาวิทยราชมยุรีมิใช่การจับกุมอีกฝ่าย ผลกระทบของธงแดนเมฆสีม่วงต่อตัวท่านตกลงเป็นแนวดิ่ง มิใช่ปัญหาที่มิอาจแก้ไขอีกแล้ว
ทว่ามหาเทวะเสมอฟ้าไม่เหมือนกัน ต่อให้เวลาคงอยู่จะจำกัด นั่นก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงที่ทำให้ท่านรุกคืบได้ยากชั่วคราว
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นมหาวิทยราชมยุรี กลับหยุดเคลื่อนไหว ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม สีหน้าราบเรียบ
เขาไม่รีบร้อน ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ปัจจุบันสำนักเต๋าสายหลักก็มีธงวิเศษบัวเขียวสร้างรากฐานแล้ว
ถึงขั้นที่แม้ธงแสงดินทักษิณในวังดุสิตจะไม่เคยถูกนำออกมา แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าสักวันในภายภาคหน้า จะนำออกจากวังดุสิตได้?
มหาวิทยราชมยุรีก็สอดมือเช่นกัน ผู้ที่รีบร้อนอย่างแท้จริงคือคนที่ไม่มีธงสักผืน
ไม่ชิงธงเหลืองโบ่วกี้ในตอนนี้ ก็เหมือนผ่านหมู่บ้านไปไม่มีร้านนี้แล้ว อนาคตต้องเผชิญกับอานุภาพของมหาวิทยราชมยุรีโดยตรง
เป็นอย่างที่คาด มีคนที่กระตือรือร้นจะช่วงชิงกับข่งซวนเช่นกัน
ในเมื่อเรื่องราวเปิดเผยแล้ว นักบวชศาสนาพุทธแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกก็เคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยทันที
แต่ว่าตอนนี้พวกท่านก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากมหาวิทยราชมยุรีเช่นกัน
ไม่ว่าเป็นเวลาใด นี่เป็นไพ่ตายที่พวกท่านเอาไว้สู้กับคนอื่น ทำให้อีกฝ่ายร้องครวญคราง วันนี้กลับเป็นตัวเองทดลองสัมผัส
พุทธะองค์หนึ่งหมายจะขวางฝีเท้าขึ้นหน้าของข่งซวน ผลคือแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีวกเลี้ยว พุ่งใส่ท่าน
“ผู้ร่วมเส้นทางทุกท่าน ขออภัยด้วย” มหาวิทยราชมยุรีเหมือนไม่มีเรื่องราวใด ยังคงสาวเท้าไปด้านหน้า
เวลานี้ ไกลออกไปพลันมีรุ้งยาวสายหนึ่งวาดผ่านความว่างเปล่าในจักรวาล มาถึงในชั่วกะพริบตา
“หือ?” มหาวิทยราชมยุรีขมวดคิ้ว “ลู่ยา?”
รุ้งยาวพุ่งผ่านเมฆดารากระจัดกระจายนั้น ปรากฏชายชราผู้หนึ่ง สวมมงกุฎหางปลา ใส่เสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่ หน้าตาประหลาด ไว้เครายาว
เป็นลู่ยาเต้าจวิน
“สหายร่วมเส้นทางเชิญเถอะ ได้โปรดหลีกให้แก่ข้า” ลู่ยาเต้าจวินกล่าว พร้อมคว้ามือหาธงเหลืองโบ่วกี้
“สหายร่วมเส้นทางมอบสารีริกธาตุชิ้นนั้นให้อาตมา อาตมาย่อมมอบธงคันนี้ให้โยม” มหาวิทยราชมยุรีพูดพลางปล่อยทางมารจิตแรกเริ่มไม่สนใจอีก สะกดลู่ยาเต้าจวินอย่างรวดเร็ว
เห็นลู่ยาเต้าจวินกำลังจะได้ธงเหลืองโบ่วกี้ไป มารจิตแรกเริ่มไม่ถ่วงขามหาวิทยราชมยุรีอีก ปล่อยให้มหาวิทยราชมยุรีไปต่อสู้กับลู่ยาเต้าจวิน
เผชิญกับแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ลูยาเต้าจวินได้แต่กลายเป็นแสงรุ้งอีกรอบ หลบเลี่ยงความแหลมคม
ยอดฝีมือยิ่งมายิ่งสุดนอดเข้าร่วมสงคราม เหตุการณ์พลันโกลาหลกว่าเดิม
ผู้ใดมีความหวังที่จะได้ธงเหลืองโบ่วกี้ไปมากที่สุด ผู้นั้นกลายเป็นเป้าของทุกฝ่าย
………………..