ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1711 เยี่ยนจ้าวเกอผู้นั่งบนแท่นตกปลาอย่างมั่นคง
ขุมกำลังแต่ละฝ่ายเล็งเป้าหมายที่ธงเหลืองโบ่วกี้ ต่างก็เริ่มการแย่งชิง
ถึงบอกว่าสถานการณ์ปั่นป่วน แต่ว่าผู้ที่เด่นที่สุด ยังเป็นมหาวิทยราชมยุรีที่เหนือล้ำกว่าผู้ใด ในเวลาส่วนใหญ่ ยังคงเป็นคนอื่นๆ ร่วมมือกันต่อสู้กับท่าน
หากแต่แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีเกรี้ยวกราดเกินไป แทบไร้สิ่งใดต่อต้าน มาตรว่าเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดอย่างลู่ยาเต้าจวินก็พยายามหลบเลี่ยงการปะทะซึ่งหน้าให้มากที่สุด
ถ้ามิใช่เพราะการดำรงอยู่ของธงแดนเมฆสีม่วง ก็ยากจะต้านทานการรุกคืบของมหาวิทยราชมยุรี
เยี่ยนจ้าวเกอดูอยู่ด้านข้างพักหนึ่ง จากนั้นหันไปมองศึกใหญ่ระหว่างนาจาตัวจริงกับตัวปลอมที่อยู่อีกด้าน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เวลานี้ขึ้นอยู่กับมารไม้อิกท่านแล้ว”
นาจาปลอมยิ้ม “เทวกษัตริย์น้อยล้อเล่นแล้ว ถึงข้าจะเปลี่ยนเป็นสหายร่วมเส้นทางข่งซวนได้ แต่แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีมีหนึ่งไม่มีสอง ไม่มีสิ่งนี้ ต่อให้ข้าเปลี่ยนร่าง จะใมีประโยชน์อันใด? แม้แต่ตอนนี้ ความน่าอัศจรรย์มากมายแห่งกายเซียนบัววิเศษของมหาเทพสมุทรตรีภพ ข้าก็เปลี่ยนได้ไม่สมบูรณ์”
นาจาตัวจริงได้ยินก็แค่นเสียง กายเซียนบัววิเศษของเขานอกจากพลังป้องกันน่าตกตะลึงแล้ว ยังไม่เกรงกลัววิชาชั่วร้ายทั้งปวง เป็นความได้เปรียบใหญ่ของเขา
มารไม้อิกเปลี่ยนเงาเป็นจริงกลายเป็นตัวเขา อย่างอื่นเลียนแบบได้ แต่ว่าความพิเศษมากมายของกายเซียนบัววิเศษเลียนแบบไม่หมด
แต่ว่าใช้สู้กับศัตรูคนอื่นก็มากพอแล้ว กลับกันตัวนาจาก็ไม่เชี่ยวชาญวิชาชั่วร้ายนอกรีตเช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง แม้กายเซียนบัววิเศษของเขาจะป้องกันวิชาชั่วร้ายมากมาย แต่ป้องกันความสามารถเปลี่ยนเงาเป็นจริงของมารเงาไม่ได้ ไร้ประโยชน์สำหรับมารเงาเช่นกัน
ดังนั้นพอนาจาได้ยิน วาจาของมารเงา ก็รู้สึกเสียดแทงหูเป็นพิเศษ
เขาที่เดือดดาลไม่อาจสะกดอยู่แล้ว สภาวะโจมตีเร่งร้อนขึ้นทันที
แต่นอกจากกายเซียนบัววิเศษ เขามีความสามารถอะไร ตอนนี้มารเงาก็ไม่ขาดพร่อง ทหารมาใช้แม่ทัพกัน น้ำมาขุดดินกลบ เห็นกระบวนท่าหักล้างกระบวนท่า แก้ไขการโจมตีระลอกแล้วระลอกเล่าของนาจา
“จะว่าไปกลับเป็นเทวกษัตริย์น้อยท่านจึงเป็นผู้ที่ทุกคนคาดหวังยิ่ง” นาจาปลอมทางหนึ่งต้านทาน ทางหนึ่งกล่าวกับเยี่ยนจ้าวเกอด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากบอกว่าคนที่อยู่รอบๆ ผู้ใดปะทะกับสหายร่วมเส้นทางข่งซวนได้อย่างแท้จริง มิใช่มีแต่เทวกษัตริย์น้อยท่านหรือ?”
คำพูดของเขาย่อมหมายถึงว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอทำให้ร่างจริงของมหาเทวะเสมอฟ้าปรากฏตัวขึ้น
วาจาของมารเงาครึ่งจริงครึ่งปลอม เป็นคำพูดจริงใจ แต่ก็ไม่ขาดความคิดหยั่งเชิง
“พวกเราต้านทานมหาวิทยราชมยุรี สู้จนเหนื่อยอ่อน จากนั้นให้พวกท่านฉวยโอกาสเอาธงเหลืองโบ่วกี้ไปหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอขำพรืด “ท่านคิดคำนวณละเอียดไปแล้วกระมัง?”
มารเงากล่าว “ตอนนี้วีรบุรุษรวมตัว ใช่ว่าจะเป็นพวกเราสำเร็จ แต่ถ้าหากเทวกษัตริย์น้อยยังเก็บงำต่อ เกรงว่าสุดท้ายจะทำให้สหายร่วมเส้นทางข่งซวนทำสำเร็จแล้ว”
“หาเป็นไรไม่ อย่างไรพวกเรามีธงวิเศษบัวเขียว พวกท่านมีธงแดนเมฆสีม่วง พวกเราสองฝ่ายไม่ต้องเป็นห่วงเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่
มารเงาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ นพยมโลกมีธงแดนเมฆสีม่วงจริงๆ มิใช่ว่าต้องเอาธงเหลืองโบ่วกี้มาให้ได้
แต่ว่าที่เข้าร่วมการช่วงชิงในครั้งนี้ ก็เพื่อแลกเปลี่ยนกับแดนสุขาวดีตะวันตก แลกกับสิ่งที่นพยมโลกต้องการอย่างแท้จริง
ถึงทีปังกรพุทธะจะวางแผนเดินหมากในนพยมโลก สุดท้ายถึงเวลายังต้องทำให้นพยมโลกสมความปรารถนา แต่ไม่ให้ตัวเองรีดเค้นผลประโยชน์ที่มากพอ นั่นก็มิใช่ทีปังกรพุทธะแล้ว
ไม่มีธงเหลืองโบ่วกี้ นพยมโลกอาจต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สูงกว่า
“จะว่าไปธงเหลืองโบ่วกี้เดิมเป็นของผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์ เทวกษัตริย์น้อยกล่าวเช่นนี้ ไม่เหมาะสมกระมัง?” มารเงาพูดด้วยความไม่พอใจและขบขัน
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “หากจะนับแบบนี้ สำนักเต๋าข้าได้ธงเหลืองโบ่วกี้ ถือเป็นวัตถุกลับคืนสู่เจ้าของ พวกท่านมาก่อกวน ยิ่งไม่เหมาะสมกระมัง?”
ขณะทั้งสองตีฝีปาก ท่านมาข้าไป คนอื่นๆ ความจริงให้ความสนใจเยี่ยนจ้าวเกอ รวมทั้งมหาวิทยราชมยุรี ยังมีพวกลู่ยาเต้าจวินและมารจิตแรกเริ่ม
“เจ้าแก้ตัวนู่นนี่ หรือว่าในสงครามชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเมื่อครั้งกระโน้น ผลาญพลังมากเกินไป วันนี้มหาเทวะเสมอฟ้าร่างจริงยังคงไม่อาจปรากฏ?” จอมปีศาจที่กำลังสู้กับเจ้าแม่อู๋ตังด้านข้างตนหนึ่ง ถือโอกาสถามตรงๆ
เยี่ยนจ้าวเกอหันมองจอมปีศาจตนนั้น จับจ้องศีรษะเก้าข้างของอีกฝ่าย “เรื่องราวบนโลกยากลำบาก ทุกครั้งมักมีมารผจญ น่าเสียดายสำนักเต๋าของข้าพื้นฐานเบาบาง ไม่ได้ร่ำรวย คิดทำเรื่องอันใด ต้องวางแผนให้ละเอียด ประหยัดอะไรได้ก็ประหยัด ป้องกันมรสุมที่อาจก่อตัวอย่างฉับพลันได้ทุกเวลา”
“อย่างเช่นใครบางคนหลายปีมานี้ซ่อนตัวในเขาดาราทะเลดวงดาวมาโดยตลอด นานๆ จะออกมาสักครั้ง ข้าคิดกำจัดเขา จำต้องพิจารณาว่าเกิดมหาเทวะเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าอย่างลู่ยาเต้าจวินหรือเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ขัดขวาง สมควรทำอย่างไรจึงสมปรารถนา?”
หนอนเก้าเศียรบันดาลโทสะ กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “หึ คุยโวโอ้อวด ข้ายืนอยู่ที่นี่ ดูว่าเจ้าจะมาสังหารอย่างไร?”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มไม่กล่าววาจา มองมหามหาวิทยราชายุรี มองธงเหลืองโบ่วกี้ จากนั้นมองพวกลู่ยาเต้าจวิน คล้ายกับถ้าหากมิใช่กริ่งเกรงคนเหล่านี้อยู่รอบๆ ทั้งมีธงเหลืองโบ่วกี้ต้องแย่งชิง คิดจะทำให้หนอนเก้าเศียรได้เห็นดีจริงๆ
แต่ว่าท่าทางนี้ของเขา พอคนอื่นๆ เห็น กลับแสดงออกถึงความแข็งนอกอ่อนในไปบ้าง
ทุกคนอดครุ่นคิดไม่ได้ว่า ‘ดูเหมือนในสงครามค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ร่างจริงแท้มหาเทวะเสมอฟ้าปรากฏ ถึงจะต้านทานมหาวิทยราชมยุรีไว้ได้ แต่ก็ผลาญพลังมากไปจริงๆ ทำให้เวลาสามร้อยปีผ่านไป ยังคงมิอาจฟื้นฟู เยี่ยนจ้าวเกอเด็กน้อยผู้นี้ก็แค่คุยโวโอ้อวดอยู่’
‘หรือบอกว่า เขาตั้งใจวางทัพลวง หลอกลวงให้พวกเราทุ่มเทกำลังก่อน เขาจะเก็บเกี่ยวผลดีของชาวประมง เป็นการโจมตีสุดท้าย?’
ถึงจะคิดเช่นนี้ แต่ไม่มีใครคิดจะใช้ตัวเองเพื่อพิสูจน์การคาดเดา
ร่างจริงของมหาเทวะเสมอฟ้าไม่ปรากฏขึ้นอีกย่อมประเสริฐสุด ต่อให้เป็นมหาวิทยราชมยุรีก็ไม่ต้องการให้เกิดเหตุแทรกซ้อนเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากมหาเทวะเสมอฟ้าร่างจริงแล้ว ขณะเดียวกันคนอื่นๆ ก็คอยระวังเผื่อเฟิงอวิ๋นเซิงหลบเร้นอยู่ใกล้ๆ
เฟิงอวิ๋นเซิงในระดับปัจจุบันลอบโจมตีลงมือ แม้แต่ข่งซวนก็ต้องระวังตัว ไม่อย่างนั้นหากพลาดแม้แต่นิดเดียว ยากรับประกันว่าจะไม่กลายเป็นเรือคว่ำ
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสงบนิ่ง รับมือด้วยความเรียบเฉย
ในเมื่อมหาวิทยราชมยุรีมาถึงแล้วเช่นกัน อย่างนั้นเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินแผนการเมืองร้างต่อ การคุยโวโอ้อวดกลับแบ่งรับภาระแทนข่งซวน
ทำให้คนทุกคนที่เหลือรวมความสนใจไว้ที่ตัวมหาวิทยราชมยุรีจึงเป็นงานหลัก
มหาวิทยราชมยุรีอยู่บนแดนสุขาวดีตะวันตกมาหลายปี เป็นธงคันเดียวตั้งตระหง่าน เยี่ยนจ้าวเกอไม่เชื่อว่าทีปังกรพุทธจะไม่มีการเตรียมตัวแม้แต่น้อย
ท่านยังไม่ได้ครอบครองสารีริกธาตุศากยมุณีทุกชิ้น จะไม่ป้องกันไม่ให้สภาพที่มหาวิทยราชมยุรีเป็นศัตรูกับท่านเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ในการแย่งชิงสารีริกธาตุศากยมุณีในครั้งก่อน แดนสุขาวดีตะวันตกยังมีธงวิเศษบัวเขียวในมือ ไม่ต้องสนใจก็ได้
แต่คราครั้งนี้พวกเขาไม่มีธงวิเศษบัวเขียว ไฉนจึงไม่ป้องกันมหาวิทยราชมยุรีเข้าร่วมศึกอย่างฉับพลัน?
ที่ยังมาชิงธงเหลืองโบ่วกี้ ก็เพื่อแผนการระยะยาว
วิธีการใหม่สมควรรับมือได้แค่ชั่วคราว ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับธงเหลืองโบ่วกี้ แต่ถึงจะรับมือได้ชั่วคราว ตอนนี้ก็สมควรแสดงผลได้เช่นกัน
เผชิญหน้ากับมหาวิทยราชมยุรี ศาสนาพุทธหรือศาสนาพุทธกับนพยมโลกที่ร่วมมือกันในครั้งนี้ ย่อมไม่อาจเยือกเย็นเท่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
นี่มิใช่ปัญหาด้านความสามารถ ยังเป็นประโยคเดิม สำนักเต๋ามีธงวิเศษบัวเขียวและธงแสงดินทักษิณสร้างพื้นฐานแล้ว เหมือนบ้านมีข้าวเหลือจิตใจไม่ร้อนรน
ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอนั่งบนแท่นตกปลาอย่างมั่นคง ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายไม่ออกกระบวนท่าก่อน
………………..