ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1712 มรดกจุ่นถี
พอสัมผัสได้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับกำลังคุยโวโอ้อวด มหาเทวะเสมอฟ้าร่างจริงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่ายากจะปรากฏขึ้นมาชั่วคราว มหาวิทยราชมยุรีก็ลอบคลายใจ
ท่านย่อมมีความทะนงตัว ไม่เกรงกลัวมหาเทวะเสมอฟ้า แต่ถ้าหากว่าขาดศัตรูแกร่งขวางทางเช่นนี้ไปสักคน การปฏิบัติการย่อมราบรื่นขึ้นมาก
ถึงแม้ในเวลาส่วนใหญ่แล้วคนอื่นๆ จะร่วมมือกันเล็งเป้าหมายไปที่มหาวิทยราชมยุรีคนเดียว แต่ว่านกยูงตัวนี้เหมือนไม่เห็นในสายตา เข้าใกล้ธงเหลืองโบ่วกี้
เห็นมหาวิทยราชมยุรีสุดท้ายแข็งแกร่งที่สุด กำลังจะเก็บธงเหลืองโบ่วกี้เข้าย่าม มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์อดถอนใจไม่ได้ พยักหน้าให้แก่มารจิตแรกเริ่ม
มารจิตแรกเริ่มเห็นดังนั้น ก็เซ่นธงแดนเมฆสีม่วงทันที
ครั้งนี้มันใช้ธงแดนเมฆสีม่วง กลับทำให้ควันหอมหนาแน่นหลายกลุ่มห้อมล้อมเมฆดารากระจัดกระจายที่ธงเหลืองโบ่วกี้อยู่ ป้องกันไม่ให้มหาวิทยราชมยุรีทำสำเร็จ
มหาวิทยราชมยุรีก็ไม่รีบร้อน สาดแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีใส่มารจิตแรกเริ่ม
มารจิตแรกเริ่มที่ในตอนนี้ไม่มีธงแดนเมฆสีม่วงคุ้มครองตัวเอง รีบร้อนหลบไปด้านข้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับความร้ายกาจของแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีโดยตรง
“อาตมาไม่ได้ ท่านก็อย่าได้คิดนำของไป ทุกคนผลาญพลังทิ้งที่นี่ต่อไปเถอะ” มหาวิทยราชมยุรีกล่าวอย่างราบเรียบ “หรือว่ามารสวรรค์ไร้พันธนาต้องการลงมือด้วยตัวเอง?”
มารจิตแรกเริ่มยิ้ม “มารสวรรค์ไร้พันธนาไม่มีความคิดลงมือ”
ถึงแม้ขุมกำลังแต่ละฝ่ายจะปรนเปรอหรือแม้แต่ช่วยเหลือนพยมโลกให้ทำสำเร็จในที่ลับ แต่มิได้หมายความว่านพยมโลกจะเคลื่อนไหวอย่างเหิมเกริมได้
เจ้ามรรคาส่วนใหญ่มีคู่ต่อสู้ของใครของมัน ต่างฝ่ายต่างต่อสู้กันไม่หยุดยั้ง กอปรเป็นการสะกด ถ้ามารสวรรค์ไร้พันธนาเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระ นั่นเท่ากับไม่ว่าไปที่ใดล้วนได้ประโยชน์
นี่ไม่เป็นที่ยินยอมของคนอื่น ดังนั้นหลายปีมานี้ถึงการปฏิบัติการของนพยมโลกจะเปิดเผยเป็นอิสระขึ้นมาก แต่ว่ามารสวรรค์ไร้พันธนากลับสงบเสงี่ยมกว่าเดิม ปรากฏตัวไม่กี่ครั้ง หลบเลี่ยงการผนึกกำลังโจมตีของผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาคนอื่นๆ
มารสวรรค์ไร้พันธนาไม่ลงมือด้วยตัวเอง ในฐานะการดำรงอยู่อันดับแรกรองจากระดับมรรคา มหาวิทยราชมยุรีอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ ย่อมแข็งแกร่งสุดขีด
ทว่ามารจิตแรกเริ่มไม่รีบร้อน เพียงแต่ทำให้ธงแดนเมฆสีม่วงสะกดตำแหน่งที่ธงเหลืองโบ่วกี้อยู่แต่ไกล จนมหาวิทยราชมยุรีไม่อาจสำเร็จได้ชั่วขณะ
อีกด้านหนึ่ง มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์พนมมือ “วิทยราช ล่วงเกินแล้ว” แล้วเริ่มสวดมนต์ทันที ผู้เข้มแข็งศาสนาพุทธที่อยู่รอบๆ ต่างเคลื่อนไหวเหมือนกัน
ในความว่างเปล่าที่ตอนแรกสับสนวุ่นวาย เวลานี้เมฆมงคลสีทองหลายสายรวมตัว ในชั้นเมฆแยกออกเป็นร่องแยกสายหนึ่ง แสงทองสาดออกมาจากด้านใน
มหาวิทยราชมยุรีขมวดคิ้ว เกิดลางสังหรณ์ขึ้นในใจรางๆเพ่งตามองไป เห็นในชั้นเมฆนั้นเหมือนกับบิดมิติเวลา เชื่อมไปยังแดนสุขาวดีพุทธเกษตร
ในหมอกแสงขมุกขมัว มีร่างของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์นั่งสงบนิ่งอยู่ในแดนสุขาวดีพุทธเกษตร
กลับมิใช่พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ต้องการลงมา แต่ว่าในแดนสุขาวดีตะวันตกที่ท่านอยู่กางค่ายกลค่ายหนึ่งไว้ เชื่อมต่อกับพวกมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ที่อยู่ที่นี่
พระสมันตภัทรโพธิสัตว์พนมมือเปล่งเสียงสรรเสริญคุณทันที
ทางด้านท่านพลันมีลำแสงสายหนึ่งปรากฏ พุ่งออกจากแดนสุขาวดีตะวันตก ผ่านพลังของค่ายกล ข้ามความว่างเปล่ามาถึงที่นี่ กดดันใส่ศีรษะมหาวิทยราชมยุรี!
เพ่งตามองไป กลับเป็นวัชระปลุกเสกของศาสนาพุทธท่อนหนึ่ง
‘ของสิ่งนี้อยู่ในมือทีปังกรจริงๆ?’ มหาวิทยราชมยุรีสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้าง ความสะท้อนใจมีมากกว่าความตกใจและความโกรธ ใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีต้านรับ หมุนวนพลางต้านวัชระปลุกเสกที่ร่วงหล่นจากฟ้าท่อนนั้น
แต่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าไปที่ใดล้วนมีชัย ไม่มีสิ่งใดไม่ชำระ ตอนนี้กลับมิอาจสาดส่องวัชระปลุกเสกท่อนนั้นได้
ตรงกันข้าม วัชระปลุกเสกปรากฏตราอาคมนับไม่ถ้วนกระจายถี่ยิบ แสงสว่างไหลเวียนพุ่งลงไม่หยุดยั้ง กลับทำให้มหาวิทยราชมยุรีเกิดความรู้สึกรับภาระมหาศาลอย่างเลือนราง
นกยูงไม่มีโทสะ กล่าวอย่างราบเรียบ “ทีปังกรมีความสามารถนี้ ไม่น่าปล่อยให้เขาเจอของวิเศษชิ้นนี้ วันนี้ดูเหมือนอาตมาเอาธงเหลืองโบ่วกี้ไปไม่ได้แล้ว”
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีถั่งโถม ป้องกันบริเวณรอบๆ ทำให้คนอื่นๆ ยากเข้าใกล้ ไม่มีวิธีฉกฉวยความได้เปรียบ
วัชระปลุกเสกท่อนนั้นขึ้นๆ ลงๆ กลางอากาศ กดมหาวิทยราชมยุรี ทำให้อีกฝายไม่อาจเคลื่อนไหวได้ชั่วคราว แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป ตราอาคมมากมายที่กระจายถี่ยิบบนวัชระปลุกเสก เริ่มค่อยๆ หายไป
เป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานเท่าไหร่ มหาวิทยราชมยุรีจะกลับมาเคลื่อนไหวเป็นอิสระได้อีกครั้ง
‘มีการเตรียมตัวมาก่อนจริงๆ ด้วย’ เยี่ยนจ้าวเกอมองวัชระปลุกเสกท่อนนั้น กระจ่างแจ้ง ‘ว่ากันว่าครั้งกระโน้นตอนเจ้ามรรคาจุ่นถีปราบข่งซวนในยุคโบราณตอนต้น ได้ใช้วัชระปลุกเสกท่อนหนึ่งทำให้ข่งซวนกลับเป็นนกยูง ดูจากตอนนี้ เป็นท่อนนี้แล้ว?’
ภายหลังเจ้ามรรคาจุ่นถีกลายเป็นพระยูไล หลุดพ้นไปในช่วงปลายของยุคโบราณตอนกลาง
วัชระปลุกเสกท่อนนี้ เหมือนกับหยกหรูอี้ไตรรัตนะและกระบี่แหนเขียวของสำนักเต๋า ถูกทิ้งไว้ในโลกนี้
พวกทีปังกรพุทธะได้ของวิเศษชิ้นนี้มา ยากจะควบคุมใช้ทำอันใดด้วยตัวเอง
ทว่าของวิเศษชิ้นนี้ครั้งกระโน้นมีวาสนากับมหาวิทยราชมยุรี ดังนั้นในสถานการณ์ที่แดนสุขาวดีตะวันตกสูญเสียธงวิเศษบัวเขียว วันนี้ถูกทีปังกรพุทธะยึดถือเป็นแผนการตามหลังที่เอาไว้ใช้เล่นงานนกยูง
ตอนนี้แสดงผลอย่างที่คิดไว้
เพียงแต่เป็นอย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอคาดการณ์ วิธีการนี้มิอาจส่งผลซ้ำไปซ้ำมาเป็นระยะยาวได้อย่างธงแดนเมฆสีม่วงกับธงเหลืองโบ่วกี้
วันนี้หลังจากต้านมหาวิทยราชมยุรีคำรบหนึ่ง จะตกสู่มือมหาวิทยราชมยุรีแล้ว
ข่งซวนควบคุมของวิเศษชิ้นนี้ไม่ได้เช่นกัน แต่ว่าของตกสู่มือท่านแล้ว สิ่งที่เป็นอุปสรรคแก่ท่านย่อมหายไปชิ้นหนึ่ง
สำหรับทีปังกรพุทธะ ของวิเศษชิ้นนี้อาจจะล้ำค่า แค่คุณค่าใหญ่ที่สุดยังอยู่ที่การสะกดมหาวิทยราชมยุรีได้รอบหนึ่ง
มีวัชระปลุกเสกชิ้นนี้สะกดมหาวิทยราชมยุรีชั่วคราว สถานการณ์รอบๆ พลันเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
พวกลู่ยาเต้าจวิน ไท่อี้จินหยิน จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋พากันพุ่งเข้าหาธงเหลืองโบ่วกี้
นพยมโลกกับแดนสุขาวดีตะวันตกเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่า มารจิตแรกเริ่มเก็บธงแดนเมฆสีม่วง สะบัดใส่พวกลู่ยาเต้าจวิน ควันหอมหนาแน่นหลายกลุ่มขวางคนไว้
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอกลับขยับแล้ว!
เขาเซ่นลูกตุ้มโกลาหลฟาดใส่หนอนเก้าเศียร ช่วยคลายวงล้อมให้แก่เจ้าแม่อู๋ตังก่อน
เจ้าแม่อู๋ตังไม่กล่าวมากความ รวมเป็นหนึ่งกับกระบี่ ฟันใส่ควันหอมที่เกิดขึ้นจากธงแดนเมฆสีม่วง
ประกายกระบี่มิได้รุนแรงอย่างไร ไหลลดคดเคี้ยวราวสายน้ำ ผลคือกลับเปิดทางเชื่อมเส้นหนึ่งในควันหอมหนาแน่น
เจ้าแม่อู๋ตังเคยรู้จักกับเจ้าแม่ซีหวังแห่งบึงหยกเจ้าของคนเดิมของธงแดนเมฆสีม่วง จึงแก้ไขการป้องกันของมันได้ ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่มีแต่สำนักเต๋ากับนพยมโลกต่อสู้กัน นพยมโลกจึงไม่แสดงธงแดนเมฆสีม่วง
เป็นอย่างที่คาด ตอนนี้ธงแดนเมฆสีม่วงซึ่งแม้แต่ฝีเท้าของลู่ยาเต้าจวินยังหยุดได้ ก็ป้องกันเจ้าแม่อู๋ตังไม่ได้
ขณะเจ้าแม่อู๋ตังเปิดทาง พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็พุ่งเข้าหาธงเหลืองโบ่วกี้ด้วยความเร็วสูง
มารจิตแรกเริ่มกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์คาดไว้แต่แรก ทางหนึ่งแบ่งคนสะกด ทางหนึ่งพุ่งใส่ธงเหลืองโบ่วกี้ มหาวิทยราชมยุรีกับเผ่าปีศาจสูญเสียโอกาสรุก สถานการณ์เหมือนกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างสำนักเต๋ากับนพยมโลกอีกรอบ
เพียงแต่คราครั้งนี้ผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธเช่นมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์เข้าร่วมด้วย สภาวะดุร้ายหมายขวัญ
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งพุ่งหาธงเหลืองโบ่วกี้ ทางหนึ่งชูมือขึ้น ปรากฏธงสีเขียวคันหนึ่ง
พริบตาเดียวเห็นปราณขาวล่องลอย แสงทองหมื่นสาย เป็นธงวิเศษบัวเขียว!
………………..