ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1714 เงาของเยี่ยนจ้าวเกอ
เจ้าแม่อู๋ตังแตกฉานคัมภีร์กระบี่ลวงเซียน ไท่อี้จินหยินแตกฉานคัมภีร์นภากาลเวลาและคัมภีร์นภาความว่างเปล่า จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋แตกฉานคัมภีร์นภาความว่างเปล่า และสายฟ้าอนัตตา สายฟ้านิรันดร์ สายฟ้าชั่วพริบตาในสายฟ้าเซียนทั้งเก้า ล้วนออกคำสั่งได้ดุจแขนขา
เซียนสวรรค์มหาชาลสามคนเชี่ยวชาญมรรคาการเปลี่ยนแปลงมิติเวลา การสะท้อนที่เห็นได้โดยตรงอย่างหนึ่งคือพวกเขาต่างช่ำชองวิชาเคลื่อนที่ มี ‘ความเร็ว’ ไม่เชื่องช้า
ยอดฝีมือทำศึกใหญ่ ตอนนี้มิติเวลาปั่นป่วน ทำให้ผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลยากจะเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ
ทว่าอาศัยธงวิเศษบัวเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอขวางไว้ พวกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋สามคนก็ร่วมมือกัน เปิดทางเชื่อมเส้นหนึ่งขึ้นมา
นี่เป็นพวกเขาเตรียมตัวไว้ส่วนหนึ่งก่อนจะมาที่นี่ ดังนั้นตอนนี้การโจมตีจึงประสบผลสำเร็จ
เพียงแต่คู่ต่อสู้ที่สำนักเต๋าสายหลักเผชิญในครั้งนี้ ต่างมิใช่คนธรรมดา
มิพักเอ่ยถึงมหาวิทยราชมยุรีที่ยังปะทะกับวัชระปลุกเสกท่อนนั้นอยู่ มารจิตแรกเริ่มกับลู่ยาเต้าจวินไล่ตามมาเป็นพวกแรกๆ ด้วยความเร็วสูง
การขัดขวางของธงวิเศษบัวเขียวต่อมารจิตแรกเริ่มเดิมก็มีจำกัดอยู่แล้ว มันถึงแม้ไม่ทันขัดขวางไม่ให้คนในสำนักเต๋าเอาธงเหลืองโบ่วกี้ไปและเปิดช่องว่างเพื่อหลบหนี แต่กลับไล่ตามเข้าไปในร่องแยกมิติเวลานั้นทันที
ลู่ยาเต้าจวินกลายร่างเป็นแสงรุ้ง เร็วกว่าคนอื่นๆ แทบจะไม่ช้ากว่ามารจิตแรกเริ่ม
ตอนนี้สำนักเต๋านำธงเหลืองโบ่วกี้ไปแล้ว กลายเป็นผู้ชนะชั่วคราว และก็เป็นเป้าหมายร่วมกันของคนอื่นๆ มารจิตแรกเริ่มย่อมไม่จำเป็นต้องใช้ธงแดนเมฆสีม่วงขวางเส้นทางของลู่ยาเต้าจวินอีก คนทั้งสองเริ่มร่วมมือกันไล่ตามโจมตีพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ผู้เข้มแข็งที่เหลือในศาสนาพุทธ เผ่าปีศาจ และนพยมโลก ต่างรีบตามมา
นาจาสลัดจากมารเงา เข้าไปในร่องแยกมิติเวลานั้นพร้อมกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ตอนนี้เห็นทัพไล่ตามด้านหลังไม่ยอมลดละ กล่าวว่า “พวกท่านไปก่อน ข้าจะขวางพวกมัน”
“พี่ร่วมเส้นทางไม่ต้องใจร้อน เตรียมการไว้แต่แรกแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอส่งกระแสงเสียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสียงยังไม่ทันขาด ในความว่างเปล่าที่เดิมทีไม่มั่นคง พลันมีประกายดาบสายหนึ่งสว่างขึ้น!
ลู่ยาเต้าจวินที่อยู่ด้านหลังเร็วถึงขีดสุด แซงมารจิตแรกเริ่ม เกือบไล่พวกเยี่ยนจ้าวเกอทันแล้ว
ทว่าในตอนนั้นเอง ประกายดาบสว่างขึ้นอย่างไร้วี่แวว ถึงกับฟันใส่หน้าลู่ยาเต้าจวินอย่างไร้สุ้มไร้เสียง!
‘เทวกษัตริย์หุบเหวปัจจิมธรรม!’ ด้วยความสามารถของลู่ยาเต้าจวิน ไม่อาจสัมผัสการซุ่มโจมตีในที่ลับนี้ได้ก่อน รอดาบกรายถึงศีรษะ จึงเกิดการตอบสนอง เย็นเฉียบไปทั่วร่าง
เฟิงอวิ๋นเซิงถึงแม้จะมาร่วมการช่วงชิงธงเหลืองโบ่วกี้ไม่ทัน แต่ว่านางที่มาสายไปก้าวหนึ่งก็มาถึงสถานที่ที่พวกไท่อี้จินหยินได้คาดการเตรียมตัวไว้ ดำเนินการประสานงานทันเวลา
การระเบิดดาบหนึ่งอย่างฉับพลัน ทำให้วินาทีนี้จิตใจของลู่ยาเต้าจวินเกิดเงามืดแห่งความตายชั้นหนึ่ง
ที่สุดแล้วเฟิงอวิ๋นเซิงมีชื่อเสียงด้านนอก พวกลู่ยาเต้าจวินประมาทขนาดไหน ส่วนลึกของจิตใจล้วนกริ่งเกรงระวังการลอบโจมตีสังหารของนาง
ดังนั้นประสบการซุ่มโจมตีอย่างฉับพลัน ลู่ยาเต้าจวินยังโต้ตอบได้ทัน
ประกายกระบี่อันน่ากลัวแหวกแสงรุ้ง ทว่าลู่ยาเต้าจวินเสกร่างพระไวโรจนพุทธะทันเวลา
ขณะการป้องการของกายทองยกระดับขึ้นสู่จุดสุงสุด แสงพุทธดวงอาทิตย์ที่กลมสมบูรณ์ดวงหนึ่งบนศีรษะเขาก็ปกคลุมทั่วร่าง
ประกายดาบยังคงแหวกแสงพุทธดวงอาทิตย์อย่างหักโหม ทั้งยังฟันผ่าศีรษะของกายทองพุทธะไปแล้ว
ทว่าพอช้าลง ลู่ยาเต้าจวินก็กลายเป็นรุ้งอีกรอบ ถอยไปทิศทางตรงกันข้ามด้วยความเร็วสูง สุดท้ายหลบพ้นดาบผ่าศีรษะนี้อย่างหวุดหวิด!
เพียงแต่ลู่ยาเต้าจวินที่กลายเป็นนักพรตอีกครั้ง ตอนนี้มงกุฎหางปลาบนศีรษะถูกฟันแยก คนมองไปทุลักทุเล
หลังจากดาบหนึ่งของเฟิงอวิ๋นเซิง สภาวะไม่ขาดตอน ฟันลงล่างต่อ
ร่องแยกความว่างเปล่าที่ตอนแรกไม่มั่นคงอยู่แล้วนี้ พลันปรากฏลักษณะพังทลาย
เห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอกำลังจะจากไปอย่างผ่าเผย การไล่ตามของพวกตนใกล้จะสูญเสียเบาะแส ลู่ยาเต้าจวินไม่สนความทุลักทุเลเมื่อครู่ โบกฝ่ามือติดต่อกัน
แสงอัสดงสายแล้วสายเล่าผสมกันในความว่างเปล่า ทำให้ทางเชื่อมมิติเวลาที่เดิมไร้รูปร่าง วินาทีนี้มองไปเหมือนกับสิ่งที่เป็นจริงมีรูปร่าง
เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงกำลังจะสะบัดดาบทำลายทางเชื่อม ลู่ยาเต้าจวินกัดฟัน ชิงไขว้ฝ่ามือเข้าหากันก่อน
แสงคิมหันต์ทั่วฟ้าพลันกระจัดกระจาย ถึงกับทำให้ทางเชื่อมแหลกสลายไปด้วย
พวกลู่ยาเต้าจวินอยู่ด้านใน ทว่าผู้เข้มแข็งสำนักเต๋าเช่นพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังไม่จากไปเช่นกัน
วินาทีนี้มิติเวลาที่พังทลายกลายเป็นกระแสปั่นป่วน พลิกคว่ำไม่ชัดเจน
ทุกคนถูกม้วนเข้าไปด้านใน จากนั้นต่างก็กระจัดกระจาย
คนจากนพยมโลก เผ่าปีศาจ แดนสุขาวดีตะวันตกต่างก็แยกย้าย เริ่มอาศัยความสามารถของตัวเอง ทดลองตามหาที่อยู่ของไท่อี้จินหยินที่ถือธงเหลืองโบ่วกี้
คนในสำนักเต๋าทราบความสามารถของมารจิตแรกเริ่มและลู่ยาเต้าจวินดี เดิมคิดไว้แล้วว่าไม่อาจหนีรอดได้ง่ายดายขนาดนั้น ตอนนี้สงบจิตใจ ฝ่าวงล้อมในมิติเวลาที่สับสน ค้นหาพวกเดียวกันเพื่อรวมตัว
สถานการณ์ปั่นป่วนกว่าเดิม อาณาเขตที่ส่งผลก็กว้างใหญ่กว่าเดิม
เยี่ยนจ้าวเกออยู่ด้านใน สีหน้าจริงจังหากไม่เคร่งเครียด
ขณะที่เขาขบคิดพลางตามหาพวกเฟิงอวิ๋นเซิง ไท่อี้จินหยิน และละนาจา จิตใจพลันสั่นไหว เหลียวมองไป เห็นในมิติเวลาที่ปั่นป่วน พลันมีปราณมารบังเกิดและส่ายไหว
จากนั้นก็เห็นคนหนุ่มปากแดงฟันขาวผู้หนึ่งโผล่มา เป็นนาจา แต่ว่าในดวงตากลับปรากฏสำนึกชั่วร้าย ทั้งปราณมารแผ่พุ่งไปทั่ว
‘มารเงาหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาขึ้นลงด้วยความสนอกสนใจ เห็นว่ามารเงาในตอนนี้ถึงจะยังเป็นนาจา แต่ว่าห่วงจักรวาลบนคอ และกงล้ออัคคีใต้เท้า ผ้าต่วนป่วนฟ้าบนแขน หอกไฟในมือต่างก็หายไป
ไม่เพียงเท่านี้ ตัวมันเริ่มยิ่งมายิ่งพร่าเลือน คล้ายกับถอดร่างคน กลายเป็นเงามืดที่เลอะเลือนมืดสลัวสายหนึ่ง
มาถึงตอนท้าย ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอมีแค่เงาสายหนึ่ง ไม่มีร่างหลัก ดำรงอยู่กลางความว่างเปล่าเฉยๆ
“ต้องการตามหาสหายร่วมเส้นทางไท่อี้กลับหาไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าจะเจอเทวกษัตริย์น้อยแทน” เงาวูบไหว เสียงแว่วมาจากด้านใน
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ พวกท่านก็มอบธงแดนเมฆสีม่วงให้แก่แดนสุขาวดีตะวันตก คิดว่าแดนสุขาวดีตะวันตกยินดีจะนำของที่พวกท่านต้องการมาแลก”
“เทวกษัตริย์น้อยล้อเล่นแล้ว” มารเงาว่า “ท่านนำของของอามิตาภพุทธเจ้ามาขวางสหายร่วมเส้นทางในแดนสุขาวดีตะวันตก ต่อให้อามิตาภพุทธเจ้ามิอาจถอนตัวได้ชั่วคราว ภายหลังย่อมต้องเอาธงวิเศษบัวเขียวกลับไป พวกท่านคิดจะใช้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเสี่ยงตายกับศาสนาพุทธหรือ?”
“จะว่าไปข้าก็รำคาญใจยิ่ง ศาสนาพุทธได้ธงวิเศษบัวเขียวกลับ พวกเราจะแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอย่างไรดี?”
มารเงาน้ำเสียงราบเรียบ พูดคุยสบายๆ เหมือนเป็นสหายเก่ากับเยี่ยนจ้าวเกอ
“พอได้แล้ว ทุกคนทราบดีแก่ใจ” เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมออกจมูก “อามิตาภพุทธเจ้าตอนนั้นไม่ได้ลงมือ ภายหลังสมควรไม่ลงมืออีก เปลี่ยนเป็นมารสวรรค์ไร้พันธนา ข้าจึงต้องระวังตัวอยู่บ้างจริงๆ”
มารเงาน้ำเสียงไม่เปลี่ยนแปลง “นั่นย่อมประเสริฐสุด ถ้าเป็นแบบนี้ พวกข้าไม่ได้ธงเหลืองโบ่วกี้ แต่ช่วยแดนสุขาวดีตะวันตกนำธงวิเศษบัวเขียวกลับมาจากเทวกษัตริย์น้อยท่าน ก็บรรลุเป้าหมายเช่นกัน”
ในเสียงพูดคุย รูปร่างของเงาดำสายนั้นเริ่มยืดเหยียดเปลี่ยนแปลง
เงาที่ตอนแรกมืดสลัว ค่อยๆ มีสีสัน
พริบตาเดียว ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏบุรุษหนุ่มคหนึ่ง เหมือนกับเขาไม่ผิดเพี้ยน รูปร่างหน้าตาคล้ายเขาโดยสมบูรณ์
………………..