ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1718 ท่านไม่มีโอกาส
ถึงจะทราบเจตนาการมาของฉวีซู แต่พอได้ยินเขาเอ่ยปากท้าสู้จริงๆ คนที่อยู่รอบๆ ก็ปั่นป่วนเล็กน้อย
ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด ฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถีก็เป็นผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลที่สำเร็จผลพุทธะ บำเพ็ญแดนสุขาวีพุทธเกษตรของตัวเองสำเร็จ
ระดับเซียนขั้นสี่ เซียนสวรรค์มหาชาลอยู่ใกล้มรรคา กล่าวได้ว่าพิเศษที่สุด
ร่างเซียนสวรรค์มหาชาล ไม่เสื่อมสลายหลุดพ้นซึ่งทุกสิ่ง เหยียบทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิดขึ้นสู่ระดับมหาชาล ความหมายไม่ธรรมดาที่สุด
ฉวีซูถึงจะมาจากเส้นทางนอกรีต แต่ผู้คนยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะผู้ล้ำเลิศ ความแข็งแกร่งของพลังแทบไม่ด้อยไปกว่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกที่สำเร็จพุทธเกษตรเส้นทางหลัก
เขาในฐานะผู้ฝึกกระบี่ ยิ่งเชี่ยวชาญการต่อสู้เข่นฆ่า ทำให้คนตกตะลึง
เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่เหยียบทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิด เป็นเซียนกำเนิดสุญญตา
ตอนนี้กลับเป็นฉวีซูที่อยู่ในระดับมหาชาล ท้าสู้เยี่ยนจ้าวเกอในระดับสุญญตา
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกออาศัยพลังของอาวุธเซียนระดับมหาชาล จู่โจมสังหารอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ เอาชนะนันทิเกศวรติ้งกวง ถึงขั้นที่เมื่อครู่ยังทุบตีจนมารเงาพ่ายแพ้อนาถ พิสูจน์ว่าเขามิอาจเปรียบเทียบกับเซียนกำเนิดสุญญตาทั่วไป แม้ผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลเผชิญกับเขา ก็ยากจะกล่าวว่าเอาชนะได้ง่ายๆ
แต่ว่านั่นล้วนยังนับว่าเป็นพบกันทางคับแคบ มิอาจไม่สู้
ตอนนี้ฉวีซูกลับกระทำอย่างจริงจัง ใช้ร่างมหาชาลท้าสู้เยี่ยนจ้าวเกอในระดับสุญญตาอย่างเป็นทางการ ทั้งยังถ่อมตนยิ่ง
ไม่ว่าสงครามนี้ใครชนะใครแพ้ ถึงขั้นที่ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอรับสู้หรือไม่ ครั้งนี้ฉวีซูก็ละทิ้งศักดิ์ศรีหมดสิ้นแล้ว
เพียงแต่ว่า ขณะมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ คนทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็สัมผัสได้อย่างเลือนรางว่า ภาพในตอนนี้ก็ไม่ได้น่าตกใจขนาดนั้น
มารจิตแรกเริ่มมองลู่ยาเต้าจวิน “นี่สมควรเป็นครั้งที่สองตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมากระมัง? หลังจากหยางเจี่ยนในยุคโบราณตอนต้นที่ยังเป็นเซียนกำเนิดสุญญตา ปัจจุบันก่อนหน้านี้คล้ายไม่เคยโผล่มาก่อน”
ลู่ยาเต้าจวินได้ยินก็พยักหน้า ไม่ได้ขานรับ เพียงแต่มองเยี่ยนจ้าวเกอกับฉวีซูด้วยสายตาค้นหา
“วันนี้ไม่สู้ กระบี่ท่านก็ยิ่งมายิ่งทื่อแล้ว?” เยี่ยนจ้าวเกอกลับมิได้ใช้ความแตกต่างด้านระดับของทั้งสองฝ่ายปฏิเสธการต่อสู้ เพียงแต่พิจารณาฉวีซูขึ้นลงก่อน บนใบหน้าฉายแววสนอกสนใจ
“ตอนนี้เป็นเวลาที่คมกระบี่ของข้าแหลมคมที่สุด” ฉวีซูตอบตรงไปตรงมา
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวฉะฉาน “ข้าชื่นชมความตรงไปตรงมาของท่าน แต่พวกเราไม่เพียงมิใช่สหาย กลับมีคามแค้น เป็นศัตรูกัน ทำไมข้าจะต้องต่อสู้กับท่านตอนที่ท่านแข็งแกร่งที่สุดด้วย? ในเมื่อท่านยิ่งมายิ่งอ่อนแอ เช่นนั้นท่านยิ่งอ่อนแอ ข้าชนะท่านได้สบายกว่าเดิม ยิ่งผ่านไปยิ่งเป็นผลดีกับข้า ไฉนข้าไม่รอเล่า?”
ไม่ว่าก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอจะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับมหาชาลเหมือนกับฉวีซูอย่างเช่นอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ มารเงา นันทิเกศวรติ้งกวงหรือไม่ ตัวเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังเป็นเซียนกำเนิดสุญญตา ไม่รับคำท้าจากเซียนสวรรค์มหาชาลคนหนึ่ง เป็นไปตามหลักการฟ้าดิน
“ข้าอาจชมเชยศัตรูข้า แต่ข้าไม่มีความสนใจจะสนองศัตรู” เยี่ยนจ้าวเกอมองฉวีซูพลางแบมือ
ฉวีซูกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ประสกเยี่ยนไม่มีเหตุผลต้องสนองข้า ข้าไม่มีคำขออื่น เพียงหวังว่าเหตุผลของอาจารย์จะเป็นข้าสะสางด้วยมือตัวเอง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว”
เขาเงยหน้าสบตากับเยี่ยนจ้าวเกอ “ข้าสำเร็จพุทธเกษตร ประสกเยี่ยนยังเป็นเซียนกำเนิด ไม่ว่าประสกเยี่ยนจะมีความพิเศษขนาดไหนในระดับสุญญตา นี่ก็ไม่ยุติธรรมต่อประสกเยี่ยนท่าน”
เขาพูดพลางผุดลุกขึ้นจากดอกบัว กระบี่ที่ตอนแรกวางบนหัวเข่า ถูกเขาโยนไว้บนแท่นบัว ตัวเขากลับกระโดดลงดอกบัว
“ประสกเยี่ยนมีอาวุธเซียนมหาชาลหลายชิ้น ล้วนใช้ได้ ข้าจะอาศัยสองฝ่ามือท้าสู้ท่าน” ฉวีซูกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหน”
นาจามีนิสัยทะนงตน ก่อนหน้านี้ได้ยินฉวีซูท้าสู้เยี่ยนจ้าวเกอ ถึงจะมีความมั่นใจในตัวเยี่ยนจ้าวเกอ แต่อดคิดเยาะเย้ยฉวีซูสองสามประโยคไม่ได้
ทว่าตอนนี้ได้ยินคำพูดของฉวีซู สายตาเขาจริงจังขึ้นหลายส่วน
เซียนกำเนิดสุญญตาที่พลังสุดยอดคนหนึ่ง มีอาวุธเซียนระดับมหาชาลอยู่ในมือ โดยเฉพาะยังมีอาวุธเซียนมหาชาลไม่ต่ำกว่าหนึ่งชิ้นในมือ ไม่แน่ว่ามิอาจรับมือเซียนสวรรค์มหาชาลที่มีแค่มือเปล่าหมัดเปลือยได้
ยิ่งอย่าว่าแต่ตัวประหลาดในตัวประหลาดอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ
นอกจากนี้พลังของฉวีซูสุดท้ายก็ยังเทียบกับมือดีระดับสุดยอดอย่างนาจาไม่ได้ ต่อให้เขาจะเป็นอัจฉริยะสะท้านฟ้าอย่างไร ขีดจำกัดแต่กำเนิดของเส้นทางนอกรีตก็ยังดำรงอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ฉวีซูไม่เพียงแต่ยอมให้เยี่ยนจ้าวเกอใช้อาวุธ แม้แต่ความได้เปรียบด้านชัยภูมิก็ยังยอมให้
สภาพเช่นนี้ ถ้ามิใช่ตนเองมีความสามารถมั่นใจว่าต้องชนะ เช่นนั้นก็เป็นการตัดสินใจตายแล้ว
สำหรับฉวีซู มิใช่ไม่เดินบนเส้นาทงนี้ไม่ได้ ต่อให้คมกระบี่จะทื่อลง พลังฝึกปรือถดถอย สุดท้ายกลืนหายไปกับคนทั่วไป แต่ยังคงเป็นมหาชาลเส้นทางนอกรีต อย่างมากสุดไม่อาจแก้แค้นด้วยตัวเอง แต่ไม่แน่ว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นคู่แค้นโดนฆ่า
แต่เขาก็ยังคงมาแล้ว ละทิ้งพลังภายนอกทั้งหมดนอกจากตัวเอง ขอแค่ต่อสู้
คนรอบๆ มองฉวีซู ต่างเงียบงันเล็กน้อย
เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาฉวีซูขึ้นลงอีกครั้ง ครู่ต่ออยู่ๆ ก็ยิ้มขึ้น “ข้าขอรับคำท้าของท่านแล้ว”
“ท่านไม่จำเป็นต้องมัดมือมัดเท้าตัวเอง ท่านเป็นผู้ฝึกกระบี่ กระบี่กับชีวิตผูกโยงกัน การต่อสู้นี้สำหรับท่านในเมื่อต้องการใช้พลังทั้งหมดไม่ทิ้งความเสียดาย เช่นนั้นท่านก็ใช้กระบี่ของท่านดีกว่า
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวราบเรียบ “ส่ววนข้าจะใช้อาวุธหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของข้า สถานที่ไม่ต้องตั้งใจเลือก เลือกวันมิสู้ชนวัน เอาเป็นวันนี้และตรงนี้นี่แหละ”
“สถานที่นี้มีสหายร่วมเส้นทางมากมายอยู่ เป็นสักขีพยานให้แก่ศึกระหว่างท่านและข้าได้พอดี” เยี่ยนจ้าวเกอมองฉวีซู “แต่ว่าข้าได้แต่สนองท่านถึงที่นี่แล้ว”
“แก้แค้นให้กระบี่พุทธะ? ท่านไม่มีโอกาส”
พูดพลาง เยี่ยนจ้าวเกอสืบเท้าไปด้านหน้า เดินไปหาฉวีซูทีละก้าวๆ
เซียนกำเนิดสุญญตาคนหนึ่งเผชิญกับเซียนสวรรค์มหาชาล เยี่ยนจ้าวเกอเหยียบย่างออกทีละก้าวๆ ร่างกายกลับยิ่งมายิ่งสูงใหญ่ เหมือนเทพลงมายังโลกมนุษย์ ก้มมองโลกหล้า
“ประสกเยี่ยนเชิญ” ฉวีซูไม่ได้หมุนตัวไปหยิบกระบี่ยาวที่ตนทิ้งไว้บนบัวขาว แต่ก้าวเท้าไปด้านหน้า เข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอเช่นเดียวกัน
สองฝ่ายต่างก็เข้าใกล้ ดูเหมือนไม่กี่อึดใจหากไกลหมื่นลี้ เคลื่อนย้ายท้องฟ้า กลับเหมือนคนเพิ่งเรียนวรยุทธเดินอยู่บนพื้นราบ เคลื่อนไหวประจัญหน้ากัน
แต่ว่าความว่างเปล่าระหว่างคนทั้งสองปรากฏสภาพบิดเบี้ยวตัดไขว้ที่ชัดเจน
ฉวีซูถึงแม้ไร้กระบี่ในมือ แต่ปราณกระบี่ทรงพลัง ประกายกระบี่หกสีสาดขึ้น ลักษณะดุจกงล้อ
ประกายกระบี่หมุนวน มิติเวลาเหมือนกับบิดเบี้ยว การดำรงอยู่ของวัตถุเรื่องราวที่ตอนแรกมีรูปร่างต่างเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าล่องลอย ทะลักเข้าไปในประกายกระบี่ตามการหมุนวนของประกายกระบี่
เยี่ยนจ้าวเกอเผชิญคมกระบี่ จิตใจเลอะเลือนเล็กน้อย
ตรงหน้าเขาเหมือนปรากฏโลกลวงตา เป็นแสงพิลึกกึกกือ
สังสารวัฏหกวิถีปรากฏหมดสิ้น เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าตนเหมือนเข้าไปในวิถีหนึ่งด้านใน
ฉวีซูดึงตัวเองออกจากสังสารวัฏหกวิถี ฟันมารถอนกรรม ต้องการทำให้เยี่ยนจ้าวเกอตกลงไปในสังสารวัฏ
ยิ่งอีกฝ่ายสั่งสมแรงกรรมในเวลาปกติมากเท่าไหร่ สภาวะกระบี่ของฉวีซูก็แกร่งเท่านั้น
เจอแกร่งจึงแกร่ง ดังนั้นฉวีซูมักมีผลการรบน่าตกลึงที่ใช้อ่อนแอเอาชนะแข็งแกร่งได้!
กระบี่เมื่อใช้ออก ถ้าหากว่าเยี่ยนจ้าวเกอรับมือไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว วิญญาณจะถูกส่งเข้าไปในสังสารวัฏหกวิถี เพียงครู่เดียวก็เกิดจุดจบพ่ายแพ้และตกตาย
………………..