ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1720 ขอท่านโชคดี
ขณะมองฉากที่สองฝั่งสู้กัน คนที่อยู่รอบๆ ต่างเพ่งสมาธิทั้งหมด
พอเห็นฉวีซูเส้นผมหลุดร่วมหมดสิ้น หลังศีรษะปรากฏแสงพุทธที่กลมสมบูรณ์ เหมือนกับตรัสรู้ครั้งใหญ่ แต่จิตกระบี่และทิฐิของตนก็พุ่งสู่จุดสูงสุดเช่นกัน เหล่าผู้ชมการต่อสู้ สีหน้าเคร่งขรึมตามหลายส่วน
“ยอดเยี่ยมอยู่บ้าง” หนอนเก้าเศียรพึมพำ “แดนอภิรดีศูนย์กลางในปัจจุบันถึงกับยังปรากฏบุคคลเช่นนี้ เป็นตัวประหลาดโดยแท้”
ลู่ยาเต้าจวินที่อยู่ด้านข้างเขาพยักหน้าเบาๆ “มิผิด”
ในสายตาของพวกเขา ฉวีซูบุตรกระบี่รุ่นใหม่วินาทีนี้พูดถึงขีดความสามารถด้านการต่อสู้ฆ่าฟัน ถึงขั้นเหนือกว่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกส่วนหนึ่งที่สำเร็จผลพุทธสายหลัก!
แม้จะเป็นอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ นรสิงห์พุทธะ กุศลวิจิตรพุทธะ ก็ด้อยกว่าพุทธะอันดับหนึ่งรองจากพระศรีอริยเมตไตรยแห่งแดนสุขาวดีบัวขาวผู้นี้
อีกด้านหนึ่ง มารจิตแรกเริ่มถอนใจพูดกับมารเงาเช่นกันว่า “ต่อให้เป็นก่อนมหาภัยพิบัติก็นับได้ว่า ตั้งแต่แดนสุขาวดีบัวขาวปรากฏขึ้นมา กาลเวลาผ่านไปหลายหมื่นปี นี่สมควรเป็นเซียนสวรรค์มหาชาลที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา”
“เขาสมควรเป็นจุดสูงสุดที่เซียนสวรรค์มหาชาลเส้นทางนอกรีตไปถึงได้ พูดถึงการต่อสู้ฆ่าฟัน ไม่มีทางปรากฏเซียนสวรรค์มหาชาลเส้นทางนอกรีตที่แข็งแกร่งกว่าเขาแล้ว” มารเงากล่าวเสียงเบาเช่นกัน
นักบวชศาสนาพุทธอย่างมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ชมการต่อสู้ เงียบงันไม่พูดอะไร
ทางด้านสำนักเต๋า นาจาพลันส่งเสียง “น่าเสียดาย”
ตอนนี้เจ้าแม่อู๋ตังอยู่ด้านข้างเขา ครู่หนึ่งค่อยถอนใจว่า “ถูกต้อง น่าเสียดาย”
เฟิงอวิ๋นเซิงไม่พูดอะไร เทียบกับฉวีซูแล้ว นางเป็นห่วงเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่า
เลอะเลือนราวกับโคมม้าวิ่ง ใบหน้ามากมายแวบขึ้นตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ
มีเย่จิ่งที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยลวดลายอัคคี เคียดแค้นชิงชัง
มีจ้าวฮ่าวที่จมูกชี้ฟ้า ใช้หางตามองคน
ยังมีหลินมู่กล่าวโทษที่เยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ที่เขาคุ้นเคย
มีซินตงผิงที่ขณะเป็นผู้ปกครองบึงน้ำไร้ขอบเขตก็เป็นผู้อาวุโสของสำนักบนเขากว่างเฉิง ชักนำให้นพยมโลกเปิดร่องแยกบนโลกแปดพิภพด้วยมือเดียว
มีหวงกวงเลี่ย หวงซวี่ หวงเซินครอบครัวสามรุ่นซึ่งสู้กับเขากว่างเฉิงมาหลายปี ทำศึกกับเขากว่างเฉิงอย่างสาแก่ใจ มีจางเชาปราชญ์อาทิตย์ในอดีต ทุกฝ่ายสู้กันตั้งแต๋โลกแปดพิภพมาถึงโลกซ้อนโลก
มาถึงในโลกซ้อนโลก มีสำนักแสงสว่าง มีราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง มีจวงเซินกับจวงจาวฮุยพ่อลูกแห่งเนินต้นจักรพรรดิเขาลีลาหงส์
มีกานหยวนจื่อเซียนจริงแท้ มีเฉินกานหวาประมุขทิศบน
จนกระทั่งให้หลัง ปะทะกับผู้สืบทอดของเจี่ยงเซิ่นราชันพระอังคารเพราะเสวี่ยชูชิงผู้เป็นมารดา
ย้อนนึกถึงตอนออกจากโลกซ้อนโลก ห่างจากวันนี้สี่ร้อยกว่าปีแล้ว
เงาคนที่โผล่ขึ้นตรงหน้าต่อจากนั้น พร้อมกับกาลเวลายิ่งมายิ่งเข้าใกล้ ความรู้สึกแปลกหน้าที่ยาวนานก็ยิ่งมายิ่งจืดจาง คนยิ่งมายิ่งคุ้นเคย เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่คิดจะดูต่อไปแล้ว
‘ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว…’ หลังจากถอนใจอย่างสะทกสะท้อน บุปผาแสงก็รวมตัวบนศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ
นอกจากบุปผาจิต บุปผาปราณก็ปรากฏเหนือศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน
แก่นเซียนที่ยิ่งใหญ่ทั่วร่างเขาเพิ่มระดับขึ้นมากมาย ราวกับคลื่นสูง
ปราณขาวและเมฆดาราที่ตอนแรกถูกควันดำซึ่งเกิดจากแรงกรรมห่อหุ้ม พลันพองตัวออกรอบๆ ด้วยสภาวะที่เหมือนไร้สิ้นสุด
เสียงเบาๆ ในตอนที่ปราณขาวกับควันดำสัมผัสกันก่อนหน้า ตอนนี้เริ่มดังกังวาน สั่นสะเทือนแก้วหู
ข้างหูผู้ชมดูการต่อสู้เหมือนแว่วเสียงสายฟ้าถั่งโถม
ควันดำหายไปอย่างรวดเร็ว ภาพสังสารวัฏหกวิถีสูญสลาย
มีเพียงร่างของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมายิ่งสูงใหญ่ สภาวะน่าตื่นตระหนก
ถึงจะมีแค่สองบุปผาบนกระหม่อม ยังไม่เหยียบทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิด เปลี่ยนแก่นเซียนเป็นบุปผาเซียน
ทว่าผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลที่อยู่รอบๆ นอกจากคนจำนวนน้อยนิดอย่างเฟิงอวิ๋นเซิง ลู่ยาเต้าจวิน นาจา และมารจิตแรกเริ่ม ตอนนี้คนอื่นๆ อยู่ต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงกับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมากมาย
อำนาจอันน่าสะพรึงที่ดูเหมือนบดขยี้ขอบเขตฟ้ากำเนิดได้นั้น โยกคลอนหลักการทั่วไปในความรู้ของทุกคน
คัมภีร์เกิดนภา หมัดแปลงกำเนิด และกระบี่สังหารเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอรวมเป็นหนึ่ง ผลักสิ่งเก่าสร้างสิ่งใหม่ ร่ำเรียนด้วยตัวเอง สร้างความลี้ลับอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์อีกครั้ง
เมฆดาราสว่างไสว ปราณขาวหนาแน่นกวาดไปทั่วสี่ทิศ ทำลายคัมภีร์กระบี่สังสารวัฏของฉวีซูทิ้ง
วินาทีนี้ทุกคนถึงขั้นเกิดความรู้สึกหลอนที่สังสารวัฏหกวิถีมีการหยุดนิ่งและหมุนย้อน
พลังสังสารวัฏกลืนกินกลับ ฉวีซูครางหนักๆ คำหนึ่ง
แสงพุทธอันกลมสมบูรณ์หลังศีรษะท่านพลันมืดสลัว
จิตกระบี่ที่บริสุทธิ์ราวเครื่องเคลือบเสื่อมสลายตาม
เหมือนกับคมกระบี่จับฝุ่น เช็ดไม่สะอาด
เมฆดาราที่กอปรด้วยแสงกะพริบหลายจุด มีปราณขาววนเวียนสลายหาย เยี่ยนจ้าวเกอก้าวออกมาจากด้านใน ครู่เดียวก็บรรลุถึงด้านหน้าฉวีซู
“ข้าเองก็มีหนึ่งกระบี่ ขอเชิญกระบี่พุทธะตัดสิน” เยี่ยนจ้าวเกอตั้งนิ้วนี้นิ้วกลาง แล้วแทงใส่ฉวีซู
สังสารวัฏกัดกินกลับ ฉวีซูไร้เรี่ยวแรงต้านทาน เห็นเพียงประกายกระบี่ยาวไกลเทลงมา กระบี่เนรเทศเซียนฟันลง พลันทำให้ท่านตกสู่ระดับสุญญตา
เพียงแค่ชั่วพริบตา แต่ว่าอีกมือหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอก็ยื่นออกมา ครอบบนศีรษะของฉวีซู
พริบตาต่อมา ฉวีซูจะกลับสู่มหาชาล
แต่ท่านรู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
“ชะตาชีวิต” ฉวีซูถอนใจ
“โชคดี” เยี่ยนจ้าวเกอราวเมฆจางลมเอื่อย ออกแรงฝ่ามือ ประกายในดวงตาของฉวีซูพลันดับลง
ผู้เข้มแข็งมหาชาลที่โดดเด่นที่สุดตั้งแต่ประวัติของเส้นทางนอกรีตเคยมีมา หลังจากเปล่งแสงพร่างพราว พริบตาเดียวก็หายไป จบชีวิตใต้ฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นรู้สึกได้อย่างเลือนรางว่า จักรวาลสั่นไหวน้อยๆ เหมือนมีแสงพุทธพลังศรัทธาปรากฏ
นั่นสมควรเป็นพระศรีอริยเมตไตรย ผู้ปกครองแดนสุขาวดีบัวขาว
เพียงแต่ติดที่ค่ายกลลงทัณฑ์เซียน สุดท้ายท่านก็ไม่ลงมือ
เยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองรอบๆ คนที่ชมดูการต่อสู้บริเวณใกล้ๆ สัมผัสสายตาของเขา ส่วนใหญ่ถึงขั้นรู้สึกเจ็บปวด
ฉวีซูมรณะ แต่ร่างไม่สลาย ซากสังขารยังสมบูรณ์
บนผิวท่านค่อยๆ มีแสงสีทองจางๆ สว่างขึ้นชั้นหนึ่ง ทำให้ดูราวกับพระพุทธรูปทองเหลือง
พุทธรูปสมจริงราวมีชีวิต ผิวกลับไม่มีความเสียหายแม้แต่นิดเดียว
เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วเบาๆ ทำให้พระพุทธรูปลอยไปด้านข้าง
ณ ที่แห่งนั้น แท่นบัวสีขาวลอยโดดเดี่ยว หลังพุทธรูปตกลงด้านบน กระบี่ด้านข้างก็สั่นไหวเบาๆ ในฝักกระบี่
“ที่นี่ไม่มีคนในแดนสุขาวดีบัวขาวอยู่ด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ บัวขาวลอยเข้าหาลู่ยาเต้าจวิน “ได้แต่รบกวนเต้าจวินส่งคน นำสังขารของสหายร่วมเส้นทางฉวีท่านนี้ส่งกลับแดนสุขาวดีบัวขาว”
ลู่ยาเต้าจวินรับไว้ ยังไม่ตอบคำ เยี่ยนจ้าวเกอก็หันไปอีกด้านแล้ว
“หนอนเก้าเศียร ตอนนี้สมควรเป็นศึกระหว่างเราแล้ว”
สองบุปผาบนศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอรวมตัวสว่างไสว เหยียบบนความว่างเปล่า สายตาจ้องมองหนอนเก้าเศียร
คนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็พากันส่งเสียงฮือฮา
เยี่ยนจ้าวเกอใช้ระดับเซียนกำเนิดสุญญตา หลังจากสู้คู่ต่อสู้ระดับมหาชาลสองคนได้แก่มารเงาและฉวีซูติดต่อกัน กลับเหมือนม้าไม่หยุดกีบเท้า ท้าสู้หนอนเก้าเศียรผู้เป็นมหาเทวะเผ่าปีศาจ ผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลอีกคนหนึ่งต่อทันที
“พี่ร่วมเส้นทางนาจาท้าสู้ทีปังกรพุทธะ อดีตพุทธะหลบเลี่ยงมาหลายร้อยปี ที่สุดพวกเขาสองคนต่างเป็นระดับมหาชาล” เยี่ยนจ้าวเกอไม่พูดถึงว่าเมื่อครู่ตนเพิ่งรับการท้าสู้ของฉวีซู เพียงใช้นิ้วชี้ตัวเอง จากนั้นชี้หนอนเก้าเศียร
“ตอนนี้ข้าเซียนกำเนิดสุญญตาคนเดียวท้าสู้มหาเทวะเผ่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่าน ท่านคงไม่หลบเลี่ยงกระมัง?”
………………..