ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1721 ขอยืมใช้ศีรษะเก้าข้างของท่าน
หนอนเก้าเศียรยืดศีรษะเก้าข้าง ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าดุร้าย ดวงตาสิบแปดข้างเปล่งประกายอำมหิต
“เด็กโอหัง ใยต้องใช้วิธียั่วยุแม่ทัพ? เจ้าคิดเล่นป่าหี่เล็กๆ เหล่านี้ ให้ข้าสั่งสอนเจ้าเอง” ถึงแม้เมื่อครู่จะเพิ่งเห็นการต่อสู้ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับมารเงาและฉวีซู แต่หนอนเก้าเศียรยังดุร้ายดุจเดิม
เขาเหลือบมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเจ้าใช้สุญญตาท้าสู้มหาชาล ถ้าข้าชนะแล้วเจ้าไม่ยอมวางสิ่งของ ข้าอาศัยอะไรต้องตอบรับเจ้าทั้งๆ ที่โดนกล่าวหาว่าใช้ใหญ่ข่มเหงเล็ก”
“เจ้าผู้นี้มีหน้ามาคุยโวที่นี่อีกหรือ?” นาจาที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเย็นชา “ตอนเจ้าเป็นสุญญตา เคยต่อสู้สังหารเซียนสวรรค์มหาชาลสองคนติดกันหรือ? ถ้าทำไม่ได้ เจ้าก็เหมาะจะโดนว่าใช้ใหญ่ข่มเหงเล็กแล้วนี่?”
หนอนเก้าเศียรหัวเราะเหอะๆ “ถึงสังสารวัฏกระบี่พุทธะจะแพ้ แต่เขาเป็นเขา ข้าคือข้า”
เขากลับไม่พูดถึงมารเงาที่อยู่อีกด้าน เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกอพลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องการของอย่างอื่นของเจ้า เจ้าทิ้งธงวิเศษบัวเขียวไว้เป็นหลักประกัน ข้าจะรับการท้าสู้รอบนี้ของเจ้า เจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่?”
มารนพยมโลก และเหล่าพุทธแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกได้ยินคำพูดนี้ สายตาล้วนสั่นไหว
พวกเขาถึงแม้ไม่ได้ขึ้นหน้ามา แต่สภาวะคนมากก็มีแรงกดดันมากพอ
เซียนสวรรค์สำนักเต๋าเช่นพวกเฟิงอวิ๋นเซิงตั้งประจัญกับหมู่ศัตรูตรงหน้าอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน สภาพตึงเครียดขึ้นมาก
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินคำพูดของหนอนเก้าเศียรก็หัวเราะขึ้น “ไหนเลยต้องยุ่งยากเช่นนี้ ศึกเราครั้งนี้สู้เป็นตายก็จบแล้วมิใช่หรือ?”
“ธงวิเศษบัวเขียวแปดเปื้อนน้ำทะเลจากทะเลหุบเหวนพยมโลก มิอาจใช้ได้ชั่วคราว ข้าพกติดตัวไว้ ไม่มีทางมอบให้ผู้อื่น ถ้าท่านสังหารข้าได้ ของย่อมตกเป็นของท่าน”
“ท่านเองก็พกเศษเหล็กเศษสำริดเช่นกัน ข้าไม่ได้ต้องการ ครั้งนี้เพียงขอยืมศีรษะเก้าข้างของท่านมาใช้” เยี่ยนจ้าวเกอชี้หนอนเก้าเศียร “พวกเราไม่ตายไม่เลิกรา ท่านกล้าหรือไม่?”
หนอนเก้าเศียรมองเยี่ยนจ้าวเกอ ตวาดว่า “ประเสริฐสุด เด็กน้อยรับความตาย!”
เสียงยังไม่ทันขาดลง เขาพัดลมวายุเก้าสวรรค์ ร่างบรรลุถึงตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในพริบตา
การบุกอย่างกระทันหันนี้ใกล้เคียงกับการลอบโจมตี นาจาเห็นเข้าก็สบถด่า ปรารถนาใคร่รับศึกนี้แทนเยี่ยนจ้าวเกอ แต่มีลู่ยาเต้าจวินคุมเชิงอยู่ไกลๆ ค่อยหยุดลง
หนอนเก้าเศียรไม่สนใจคำด่าของนาจา
พอลงมือจริงๆ ความทะนงตนเหิมเกริมก่อนหน้านี้ของเขาพลันหายไป เหลือเพียงความเยือกเย็น
“อีกเดี๋ยวท่านอย่าได้หนีแล้วกัน” เยี่ยนจ้าวเกอหน้าไม่เปลี่ยนสี แสงสีเขียวมรกตเชื่อมเป็นอักขระอาคมหลายสายในสองตา
ชายหนุ่มเผชิญพลั่วพระธรรมในมือหนอนเก้าเศียรที่ฟันลงมาแล้ว ไม่ถอยกลับบุก
เขาสืบเท้าออกก้าวหนึ่ง หลบรอดความแหลมคมของพลั่วพระธรรม ชิงคลุกวงใน ยกมือขึ้นกันด้ามของพลั่วพระธรรม
ร่างของสองฝ่ายสั่นสะเทือนพร้อมกัน แต่พลั่วพระธรรมนั้นถึงกับถูกเยี่ยนจ้าวเกอปัดป้อง
หนอนเก้าเศียรเปิดกลางหน้าอกกว้าง เยี่ยนจ้าวเจอผลักอีกฝ่ามือหนึ่งไปทันที หนอนเก้าเศียรรีบร้อนผลักอีกมือหนึ่งออกมาขวางไว้ตรงหน้าอก ป้องกันฝ่ามือนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ
ในเสียงตูม พลังของคนสองคนปะทะกัน
เยี่ยนจ้าวเกอร่างส่ายวูบ หนอนเก้าเศียรเซถอยหลังก้าวหนึ่ง
‘รอยตราพลิกฟ้าหยกพิสุทธิ์ ไม้เท้ากวาดทำลายเอกพิสุทธิ์ คัมภีร์กระบี่ลวงเซียนเหนือพิสุทธิ์…’ ความคิดแวบขึ้นในใจหนอนเก้าเศียร ‘เป็นวรยุทธ์ใหม่ที่สร้างขึ้นจากการรวมสามพิสุทธิ์เป็นหนึ่ง จากนั้นก็ใช้การอนุมานของคัมภีร์เกิดนภาเป็นตัวช่วย’
นี่ความจริงมิใช่เขากับเยี่ยนจ้าวเกอสู้กันเป็นครั้งแรก
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด ก่อนการแย่งชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน สองฝ่ายเคยมีการต่อสู้ชั่วสั้นๆ มาแล้ว
ตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกออาศัยความร้ายกาจของกระบี่ลวงเซียน ต้านทานสภาวะจู่โจมของหนอนเก้าเศียรได้
แต่ตอนนี้ กลับใช้มือเปล่าหมัดเปลือย ปะทะกับหมาเทวะเก้าเศียรตนนี้ซึ่งหน้า!
เยี่ยนจ้าวเกอหนึ่งกระบวนท่าได้โอกาส ได้เปรียบไม่ปรานี เท้าก้าวติดต่อกัน เป็นอีกหมัดหนึ่งต่อยใส่หนอนเก้าเศียร
หนอนเก้าเศียรก็ไม่ธรรมดา เผชิญอันตรายไม่ลนลาน พายุหลายสายม้วนขึ้นรอบตัว พุ่งใส่เยี่ยนจ้าวเกอจากทุกทิศทุกอย่าง เหมือนคมมีดผ่าฟ้า
กระแสปราณหลายสายลอยขึ้นบนร่างเยี่ยนจ้าวเกอ ร่างกาลอวกาศจุดกำเนิดกับร่างไร้ประมาณสสารกำเนิดถูกใช้พร้อมกัน ต้านทานพายุอันน่ากลัวหลายสายนั้น
“หือ?” หนอนเก้าเศียรพลันขมวดคิ้วมุ่น
การรวมจุดกำเนิดและสสารกำเนิดแห่งสายเอกพิสุทธิ์เป็นหนึ่ง ย่อมเป็นหนึ่งในวิชาป้องกันระดับสุดยอดของสำนักเต๋า แต่ไม่ใช่ใครก็ใช้ระดับเซียนกำเนิดสุญญตาต้านทานการโจมตีของมหาเทวะเผ่าปีศาจที่ยิ่งใหญ่เช่นเขาได้
รอเขาเพ่งตามองไป ก็พบว่าใต้ปราณสสารทั่วร่างเยี่ยนจ้าวเกอ ยังมีฐานโลกที่เกิดจากการรวมหกคัมภีร์หลังกำเนิดหยกพิสุทธิ์เป็นหนึ่งอย่างชัดเจน
สามบุปผาบนกระหม่อม เหยียบทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิด สำเร็จระดับเซียนสวรรค์มหาชาล แก่นเซียนกลายเป็นบุปผาเซียน พัฒนาขึ้นอีกระดับ
เซียนกำเนิดยากทำร้ายเซียนสวรรค์ แก่นเซียนยากทำร้ายบุปผาเซียน
กลับกัน บุปผาเซียนเล็งเป้าหมายที่แก่นเซียน มีความแข็งแกร่งและราบรื่นโดยกำเนิด
เซียนกำเนิดถ้าต้านเซียนสวรรค์ มิใช่ไม่ได้ แต่จะต้องใช้จ่ายมากกว่า
แต่ว่าตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่เพียงมีแก่นเซียนเต็มเปี่ยม ยังแสดงและพิสูจน์หลักการจำนวนมากผ่านวรยุทธ์ของตัวเอง ควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างละเอียดอ่อนยิ่งกว่าหนอนเก้าเศียรในระดับมหาชาลเสียอีก
แก่นเซียนย่อมยากทำร้ายบุปผาเซียน แต่ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ที่นี่ เซียนสวรรค์มหาชาลอย่างหนอนเก้าเศียร ก็ยากทำร้ายเซียนกำเนิดสุญญตาอย่างเขาเช่นกัน
ด้วยการป้องกันร่วมกันของสองยอดวิชาป้องกัน ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวต้านลมได้ตรงๆ ทะลวงพายุออก แล้วต่อยหมัดใส่ทรวงอกหนอนเก้าเศียรเหมือนเดิม
โอกาสน้อยนิดที่เมื่อครู่ชิงมาได้ไม่ได้สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย ยังขยายขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
หนอนเก้าเศียรจนปัญญา ได้แต่ถอยแล้วถอยอีก
กลับกัน เยี่ยนจ้าวเกอก้าวเท้าติดต่อกันไปด้านหน้า กดดันไม่หยุด
ทุกๆ ย่างก้าว เขาจะออกหมัดหนึ่งครั้ง สภาพเลวร้ายของหนอนเก้าเศียรทวีขึ้นส่วนหนึ่ง
ที่สุดแล้วมหาเทวะเผ่าปีศาจตนนี้ก็ผ่านมาร้อยสมรภูมิ มีวรยุทธ์น่าทึ่ง จึงรับมือได้ แต่ยังคงถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานจนยิ่งมายิ่งเป็นรอง ค่อยๆ กันซ้ายโหว่วขวาอยู่ดี
ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่รอบๆ เห็นดังนั้น ต่างสีหน้าเคร่งขรึม
‘หลังจากทำสองศึกติดต่อกัน ยังมีพลังเหลือขนาดนี้?’ มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์พนมมือ
สู้กับมารเายังพอว่า มารเงาคำนวณผิดก็ยากจะกลับตัว
แต่ว่าการสู้กับฉวีซู เหมือนเอาชนะได้ในสองสามกระบวนท่า ทว่าจริงๆ แล้วความหวาดเสียวด้านในสุดที่คนทั่วไปจะจินตนาการออก
เป็นเพราะความพิเศษของคัมภีร์กระบี่สังสารวัฏของฉวีซู ผลแพ้ชนะของสองฝ่ายเพียงห่างกันแค่เส้นบางๆ
เยี่ยนจ้าวเกอทำลายกระบี่นั้นของฉวีซูไม่ได้ พริบตาก็จะถูกลากเข้าไปในสังสารวัฏ ประสบหมื่นภัยพิบัติไม่ฟื้นคืน
ทำลายกระบี่สังสารวัฏ สะกดกรรมของตัวเอง มีความลี้ลับในลี้ลับ ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ว่าก็ผลาญพลังมหาศาล
ถ้ามิใช่ทราบเรื่องนี้แก่ใจ หนอนเก้าเศียรได้เห็นเยี่ยนจ้าวเกอเอาชนะมารเงากับฉวีซูติดต่อกันด้วยตัวเอง ไหนเลยจะรับคำท้าสู้ได้สบายๆ เช่นนี้?
การชิงโจมตีที่แทบเหมือนการลอบโจมตีของเขา มีสาเหตุมาจากตรงนี้
มหาเทวะเผ่าปีศาจผู้นี้ไม่กล้าดูถูกคู่ต่อสู้ระดับสุญญตาตรงหน้าแต่แรกแล้ว
เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอยังแข็งแกร่งกว่าในการคาดการณ์ของเขาและคนอื่นๆ!
แต่ต่างจากความลี้ลับมหาศาลตอนต่อสู้กับฉวีซูและมารเงา
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนเป็นวิธีที่เรียกว่าอาชาแกร่งสะพานแกร่ง[1] ปะทะซึ่งหน้ากับมหาเทวะเผ่าปีศาจเช่นหนอนเก็ษเศียร เป็นอีกท่วงทำนองหนึ่ง ตรงไปตรงมา รุนแรงมิอาจเทียบเคียง!
วิธีต่อสู้ถึงไม่เหมือน แต่กลับคล้ายบ่งบอกผลลัพธ์สุดท้ายที่เหมือนกัน
………………..
[1] อาชาแกร่งสะพานแกร่ง หมายถึง แสดงความสามารถที่แท้จริง อาชาในที่นี้หมายถึงการเคลื่อนไหวเท้าในเชิงวรยุทธ์ ส่วนสะพานเป็นการเคลื่อนไหวแขนในเชิงวรยุทธ์