ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1723 ศีรษะแม้มาก ไม่พอให้ข้าฟาด
คนที่อยู่รอบๆ ได้ยินเพลงมหามรรคาสูงส่งดังขึ้น จะมากจะน้อยต่างก็ได้รับผลกระทบอยู่บ้าง
เฟิงอวิ๋นเซิง นาจา ลู่ยาเต้าจวิน มารจิตแรกเริ่มได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย แทบจะไม่ต้องพูดถึง
แต่พิจารณาว่าตนแค่ชมดูอยู่ข้างๆ มิใช่สู้ตรงๆ กับเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนหนอนเก้าเศียร ลู่ยาเต้าจวินกับมารจิตแรกเริ่มก็ยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม
ส่วนคนอื่นๆ ขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอที่ตอนนี้สองบุปผารวมกันบนศีรษะ ยังเป็นเซียนกำเนิด ล้วนมีสีหน้าจริงจัง
นี่มิใช่เรื่องประหลาดอีกแล้ว แต่เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าน่าขนลุก
ผู้ชมยังเป็นอย่างนี้ หนอนเก้าเศียรที่เผชิญความร้ายกาจของเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ ย่อมไม่ต้องพูดถึง
ท่าไม้ตายที่เขาใช้พลิกจากแพ้เป็นชนะ ถูกร่างมรรคาสูงส่งของเยี่ยนจ้าวเกอแก้ไข
ตัวเขากลับเชื่องช้าลงเพราะผลกระทบจากเสียงมหามรรคาสูงส่ง
เยี่ยนจ้าวร่างกลายเป็นความว่างเปล่า ทะลุพายุอัคคีสีแดงทอง ฝีเท้าไม่มีหยุดชะงักแม้แต่น้อย พริบตาเดียวบรรลุถึงด้านหน้าหนอนเก้าเศียร ตบไปฝ่ามือหนึ่ง
หนอนเก้าเศียรหลบไม่ทัน ได้แต่เอียงร่างเล็กน้อย ยกพลั่วพระธรรมเล่มหนึ่งขึ้นต้าน
ทว่าพริบตาที่สองฝ่ายสัมผัสกัน สภาพเหมือนลวงเหมือนจริงรอบตัวเยี่ยนจ้าวเกออยู่ๆ ก็หายไป ร่างมรราคาสูงส่งสูญหาย
กลับเป็นร่างของหนอนเก้าเศียรแสดงสภาพว่างเปล่าโปร่งแสง ขอบเขตพร่ามัว
เหมือนกับสองฝ่ายแลกเปลี่ยนสภาพของตัวเองในชั่วพริบตา
แต่ว่ามิได้เคลื่อนไหวได้เป็นอิสระอย่างตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งใช้ร่างมรรคาสูงส่ง ตอนนี้ร่างที่เหมือนลวงเหมือนจริงของหนอนเก้าเศียรกับชะงักอยู่กับที่
เขาสายตาแข็งค้าง เหมือนกับสูญเสียประกายชีวิต ว่างเปล่าสับสน
“หือ?” พวกลู่ยาเต้าจวินกับมารจิตแรกเริ่มต่างสายตาเคร่งขรึม
ลักษณะของหนอนเก้าเศียรในตอนนี้ เหมือนคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่ง ถูกเสียงมหามรรคาของเซียนกำเนิดสุญญตาสะกด ถูกกดดันให้ตกสู่สภาพไร้หนทางไร้ความคิด จิตใจว่างเปล่า!
เยี่ยนจ้าวเกอเซียนกำเนิดเพียงคนเดียวถึงกับสะกดความคิดจิตใจของมหาเทวะเผ่าปีศาจตนหนึ่งได้จริงๆ!
ยังดีที่เป็นแค่ชั่วพริบตา หนอนเก้าเศียรส่ายร่าง กลับคืนสู่ร่างจริงอีกครั้ง
สายตาของเขาที่สูญเสียจุดศูนย์รวมและประกาย ขณะที่สั่นไหว ก็กลับมามีพลังชีวิตใหม่
กระนั้นในพริบตาสั้นๆ นี้ เยี่ยนจ้าวเกอยกมือแล้วตบลง ทำลายวิชาเลียบแบบฟ้าดินของหนอนเก้าเศียรในฝ่ามือเดียว
เงาแสงนกประหลาดเก้าเศียรขนาดมหึมาถูกทำลาย ปรากฏนกเก้าเศียรที่ตัวเล็กกว่าเดิมมากตัวหนึ่งจากด้านใน เป็นร่างเดิมของมหาเทวะเก้าเศียรนั่นเอง
เยี่ยนจ้าวเกอจับปีกของหนอนเก้าเศียรไว้ไม่ปล่อย จากนั้นในมือซ้ายเพิ่มลูกตุ้มโกลาหล ก่อนจะฟาดใส่อีกฝ่าย!
ศีรษะแปดข้างของนกประหลาดส่งเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเหลือแสน กลับมีศีรษะข้างหนึ่งถูกเยี่ยนจ้าวเกอทุบกระจัดกระจาย!
“หัวแรก” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางทุบลูกตุ้มโกลาหลลงอีกครั้ง พลันฟาดศีรษะอีกข้างของหนอนเก้าเศียรจนกระจัดกระจาย!
หนอนเก้าเศียรส่งเสียงร้องคำราม ออกแรงขัดขืน
เยี่ยนจ้าวเกอยังคงจับปีกของเขาไว้มั่น พลังที่ตรงกันข้ามกันของคนทั้งสองขณะฉีกขาด ขนปีกหลุดร่วงราวกับฝนตก
หนอนเก้าเศียรเพิ่มแรงขึ้นอีก ถึงกับฉีกปีกข้างหนึ่งของตัวเองจนขาดไป!
เขารีบร้อนถอยหลัง คิดจะหลบหนี
ถึงก่อนหน้าจะนัดแนะว่าการต่อสู้วันนี้เป็นศึกเป็นตาย แต่ว่าตอนนี้หนอนเก้าเศียรไม่มีความกล้าในการสู้กับเยี่ยนจ้าวเกออีกต่อไป
หากสู้ต่อไป ก็จะต้องตัดสินเป็นตายจริงๆ ผู้ตายมีแต่เขา มิใช่เยี่ยนจ้าวเกอ
ในเสียงคำรามโกรธเกรี้ยว หนอนเก้าเศียรพัดพายุยิ่งใหญ่ไพศาล เป่าใส่กลองไต่สวรรค์บนศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอเป็นอันดับแรก
จากนั้นเขาวูบไหวร่าง ในความว่างเปล่าเกิดภาพเงาเป็นชั้นๆ เหมือนกับอยู่ตรงจุดทุกจุดในมิติเวลา
แสงสว่างสีเขียวมรกตเกาะเกี่ยวเป็นอักขระอาคมในม่านตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ส่องแสงระยิบระยับ
เขาโยนปีกของหนอนเก้าเศียรที่ฉีกขาดทิ้ง ในพริบตาที่หนอนเก้าเศียรหนีสุดชีวิต ในมือก็เพิ่มวัตถุอย่างหนึ่งแล้ว จากนั้นก็ชิงเซ่นก่อนก้าวหนึ่ง
นั่นกลับเป็นกระบองไม้ยาวสามสี่ชุ่นท่อนหนึ่ง ห่วงเหล็กสามห่วงคล้องอยู่บนกระบองไม้ กะพริบแสงเจ็ดสี
“…บัวทองเจ็ดวิเศษ!” เหล่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกเห็นดังนั้น มีคนโพล่งขึ้นอย่างมิอาจควบคุม
บัวทองเจ็ดวิเศษ ก็คือเสามังกรหลบเร้น ของล้ำค่าซึ่งเทวกษัตริย์เหวินซู่กว่างฝ่ามอบให้จินจา เยี่ยนจ้าวเกอถือโอกาสริบมาตอนจับกุมสังหารจินจา
ลู่ยาเต้าจวินพลันขมวดคิ้วมุ่น บนร่างกะพริบแสงรุ้งเลือนราง
ทว่าครั้งนี้กลับถึงตานาจาหัวเราะเย็นชา เท้าเหยียบกงล้ออัคคี กั้นลู่ยาเต้าจวินกับสมรภูมิของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
เผ่าปีศาจ มารร้ายนพยมโลก นักบวชศาสนาพุทธที่เหลือวินาทีนี้กระเหี้ยนกระหือรือ
ระหว่างพวกเขาอาจมีความขัดแย้งมากมาย แต่ตอนนี้เป็นเพราะธงวิเศษบัวเขียว เป็นเพราะธงเหลืองโบ่วกี้ หรือแม้แต่เพราะเยี่ยนจ้าวเกอ ต่างจับกลุ่มเป็นทัพเดียวกัน
ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงกับเจ้าแม่อู๋ตังก็ขึ้นหน้าไปต้านรับ หยุดอีกฝ่ายพร้อมกับนาจา
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนไม่เห็นสถานการณ์รอบๆ
เขาเซ่นเสามังกรหลบเร้น กระบองไม้นั้นยาวตามลม ใหญ่ขึ้นในทันใด
ห่วงเหล็กเล็กๆ สามห่วงซึ่งคล้องอยู่บนท่อนไม้ กลายเป็นวงแสงเจ็ดสีสามสายด้วยความรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้าหาหนอนเก้าเศียร
หนอนเก้าเศียรถลึงตาแทบฉีก แต่เพราะบาดเจ็บสาหัสจึงหลบไม่ทัน ถูกห่วงแสงรัดไว้
ห่วงแสงสายหนึ่งรัดบนคอเขา ทำให้คออีกเจ็ดข้างที่เหลือมิอาจขยับเขยื้อนได้
ห่วงแสงสายที่สองรัดบนร่างเขา ห่วงสุดท้ายรัดบนกรงเล็บสองข้างของเขา
หนอนเก้าเศียรขัดขืนสุดชีวิต แต่เขายิ่งดิ้นรน ห่วงแสงเจ็ดสีก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น
พริบตาต่อมา เยี่ยนจ้าวเกอไล่ตามมาถึง ง้างลูกตุ้มโกลาหลขึ้นแล้วฟาดลงอีกที!
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นทึบๆ ศีรษะข้างที่สามของหนอนเก้าเศียรถูกเยี่ยนจ้าวเกอทุบแหลก!
“ดังนั้นก่อนหน้านี้ข้าจึงบอกไปแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สู้ถึงตอนท้าย ท่านอย่าได้หนี”
ขณะที่พูด มือเขาก็ไม่หยุดลง ทุบลูกตุ้มทำลายศีรษะข้างหนึ่งของหนอนเก้าเศียรอีก
หนอนเก้าเศียนมิใช่ศีรษะเก้าข้างแหลกหมดถึงตาย ตอนนี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอทุบศีรษะสี่ข้างแหลกติดต่อกัน ก็หายใจรวยริน ศีรษะอีกห้าข้างที่เหลือปราณเข้ามากกว่าปราณออก
ต่อให้ไม่มีเสามังกรหลบเร้น ตอนนี้เขาก็ไม่มีแรงขัดขืนหลบหนีอีกแล้ว
ถึงตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอจะปล่อยเขา อีกไม่นาน เขาก็จะตายเองเพราะบาดเจ็บสาหัสไม่ได้รักษา
สู้ถึงตรงนี้ อยู่หรือตาย แพ้หรือชนะก็ตัดสินแล้ว
“ศีรษะแม้มาก ไม่พอให้ข้าฟาด”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่เกรงใจ ทุบอีกรอบ ฟาดมหาเทวะเผ่าปีศาจตนนี้จนตาย!
มหาเทวะเก้าเศียรที่ในยุคโบรารตอนต้นเคยก่อคลื่นลม อาละวาดอยู่หนึ่งยุคสมัย ตกตายลงเช่นนี้
หลังจากฉวีซูกระบี่พุทธะรุ่นใหม่แห่งแดนสุขาวดีบัวขาว เยี่ยนจ้าวเกอใช้ขอบเขตสุญญตา สังหารหนอนเก้าเศียรมหาเทวะเผ่าปีศาจ!
“คิดไม่ถึงว่าในมือเขาถึงกับยังมีเสามังกรหลบเร้น” มารเงามองมหาเทวะเก้าเศียรที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอทุบตายทั้งเป็น อดหัวเราะขื่นขมไม่ได้ “โชคดีของสิ่งนี้ไม่มีผลต่อข้า ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ข้ายากหนีรอด
“ด้วยความเกี่ยวข้องระหว่างพวกเขากับแดนสุขาวดีบัวขาว ของนี้ย่อมไม่อาจยืม แต่หมายความว่าจินจาตายด้วยมือเขาแล้ว”
มารจิตแรกเริ่มได้ยินดังนั้นไม่ได้พูดอะไร เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ
ก่อนหน้านี้มันมีความคิดช่วยเหลือหนอนเก้าเศียรกับฉวีซูเช่นกัน การเคลื่อนไหวมือเท้าในที่ลับ ทอดตาไปทั่วโลกหล้า ไม่มีใครถนัดเท่ามันอีก
น่าเสียดายก่อนหน้านี้ไม่นานนาจาเพิ่งเสียท่ามันไป จึงคอยจ้องมันมาโดยตลอด เยี่ยนจ้าวเกอยิ่งไม่มีช่องโหว่วในจิตใจเด่นชัดเท่านาจา ทำให้มารจิตแรกเริ่มไม่อาจลงมือ
“วันนี้มองอะไรออกไม่น้อยทีเดียว…” มารจิตแรกเริ่มเงียบงันครู่หนึ่ง แล้วพึมพำกับตัวเอง
………………..