ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1724 สู้สามชนะสาม
ใคร่ครวญครู่หนึ่ง มารจิตแรกเริ่มก็กล่าวอย่างแน่วแน่ “วันนี้ถึงเท่านี้”
“สถานการณ์ไม่เป็นผลดีจริงๆ แต่ถ้าไม่มีธงเหลืองโบ่วกี้หรือธงวิเศษบัวเขียว ด้านแดนสุขาวดีตะวันตกจะทำอย่างไร?” มารเงาถาม “คงจะไม่เอาธงแดนเมฆสีม่วงของพวกเราไปแลกกระมัง?”
“ค่อยคิดวิธี” มารจิตแรกเริ่มมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เขาอาศัยความลี้ลับของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตสะกดแปลี่ยนเงาเป็นจริงของท่าน เรื่องนี้มีเลศนัยอยู่ค่อนข้างมาก”
มารเงาได้ยินก็เงียบเสียง พยักหน้าแช่มช้า
“ได้เห็นเทวกษัตริย์น้อยแสดงท่วงทำนองวีรบุรุษในวันนี้ ไม่เสียเที่ยวจริงๆ” มารจิตแรกเริ่มประสานมือให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ “วันนี้เกี่ยวกับธงเหลืองโบ่วกี้ ในเมื่อมีผลลัพธ์แล้ว พวกเราไหนเลยกล้าพัวพันต่ออีก? ขอลาเท่านี้ เจอกันวันหลัง”
จอมมารจากนพยมโลกทั้งหมดร่างค่อยๆ ถอยไป เริ่มหายไปในความมืดผืนหนึ่งด้วยการนำของมารจริงแรกเริ่มและมารเงา
นักบวชศาสนาพุทธจาแดนสุขาวดีตะวันตกเช่นพวกมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์เห็นดังนั้น แม้นสีหน้าจะมืดครึ้ม แต่ต่างไม่ได้ขัดขวางหมู่มารแห่งนพยมโลกที่เดิมควรเป็นพันธมิตรไม่ให้จากไป เพียงแต่พนมมือ เปล่งเสียงสรรเสริญคุณ “นะโมอามิตาพุทธ”
แสงพุทธเคลื่องเคลือบบริสุทธิ์วูบไหว เหล่าพุทธแห่งแดนสุขาวดีต่างก็ถอยหลัง ร่างหายไปในความว่างเปล่า
ธงเหลืองโบ่วกี้เดิมเป็นแดนสุขาวดีตะวันตกขุดค้นและหาตำแหน่งเจอเป็นพวกแรกๆ
เพราะจะดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ เพื่อทำให้สำเร็จ ทีปังกรพุทธะตอบรับคำท้าของนาจา
ผลคือถึงเวลา เหมือนกับดอกไม้ในกระจกดวงจันทร์บนน้ำ สุดท้ายก็เป็นฟองเงาลวงตา
ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าทีปังกรพุทธะที่ถูกหยางเจี่ยนยั่วยุในแดนสุขาวดีตะวันตกเป็นอย่างไร
ถ้าทีปังกรพุทธะบาดเจ็บด้วยมือหยางเจี่ยนอีก เช่นนั้นครั้งนี้แดนสุขาวดีตะวันตกไม่เพียงไม่ได้ประโยชน์ ถึงขั้นยังต้องชดใช้
ขอแค่คิดดูก็ทำให้คนอึดอัดผิดหวังแล้ว
“ทุกท่านเกรงใจแล้ว พวกเราต้องเจอกันอีกในวันอื่นแน่” เยี่ยนจ้าวเกอใช้สายตาส่งพวกมารจิตแรกเริ่มจากไป หัวเราะขึ้นมา
“เชื้อเชิญมิสู้พบกัน ครั้งนี้กลับสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย ข้าผู้แซ่เยี่ยนกับภรรยาจะจัดพิธีใหญ่ ขอเชิญสหายร่วมเส้นทางทุกท่านมาเข้าร่วม ได้โปรดอย่าได้ปฏิเสธ”
เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยิน ไม่เหนียมอาย มาถึงข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ
ขณะมองพวกเขาสองคนยืนเคียงไหล่กัน พวกมารจริงแรกเริ่มกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ต่างเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ยินดีกับท่านทั้งสอน ตอนนั้นต้องมีของขวัญส่งให้ แต่ว่าพวกเราใช่จะมีเวลาไปร่วมพิธี เทวกษัตริย์น้อยโปรดให้อภัย”
เสียงหลงเหลือลอยอ้อยอิ่ง ไม่ว่าพุทธหรือมารล้วนจากไป
อีกด้านหนึ่ง ขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอที่ไม่มีความคิดจะส่งศพหนอนเก้าเศียรคืน ลู่ยาเต้าจวินก็กล่าวอย่างราบเรียบ “พวกเราก็ขอแสดงความยินดีกับท่านทั้งสอง อย่างที่สหายน้อยเยี่ยนกล่าว จะต้องพบกันอีกในวันอื่นแน่ ทั้งไม่จำกัดเพราะเวลา พวกเราไว้พบกันตอนนั้น”
จำนวนคนที่อยู่ที่นี่ของสำนักเต๋าดูเหมือนไม่มาก แต่ล้วนมิใช่ชนชั้นธรรมดา นพยมโลกกับศาสนาพุทธล้วนถอยหนี ผู้เข้มแข็งเผ่าปีศาจเช่นพวกลู่ยาเต้าจวินย่อมไม่มีความคิดจะรั้งอยู่ต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋าอาจมาถึงตลอดเวลา โดยเฉพาะหยางเจี่ยนกับสั่วหมิงจางร่องรอยไม่แน่นอน ลู่ยาเต้าจวินรู้สึกกริ่งเกรงเช่นกัน
เผ่าปีศาจไม่ได้มีความคิดจะทำศึกโลหิตทุกด้านกับสำนักเต๋า
ถึงวันนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงติดต่อกัน ความจริงฝ่ายเขาดาราทะเลดวงดาวยังเสียหายยิ่งกว่าแดนสุขาวดีตะวันตก
ไม่เพียงแต่เผ่าปีศาจฝ่ายตนสูญเสียมหาเทวะเก้าเศียร แดนสุขาวดีบัวขาวก็สูญเสียปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะและฉวีซูสองยอดมือดีติดต่อกันด้วย
โดยเฉพาะความตายของฉวีซู ส่งผลกระทบรุนแรงสุดขีด
ถึงแม้จำนวนมหาชาลเส้นทางนอกรีตของแดนสุขาวดีบัวขาวยังคงเหนือกว่าโถงเซียน แต่โถงเซียนยังมีหวังก่วนเทวกษัตริย์มหานิมิติอยู่ เมื่อไม่มีฉวีซูคอยสะกด ก็มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงการเปรียบพลังโดยรวมของสองฝ่ายแล้ว
ความตายของปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะ ลู่ยาเต้าจวินกับหนอนเก้าเศียรได้ยินข่าวมาจากทางแดนสุขาวดีบัวขาวแล้ว
แต่แดนสุขาวดีบัวขาวก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเสามังกรหลบเร้นถูกทำลายหรือตกไปอยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอ ยิ่งไม่ทราบรายละเอียดการต่อสู้กันของเยี่ยนจ้าวเกอและจินจา
ถึงลู่ยาเต้าจวินกับหนอนเก้าเศียรจะเป็นห่วงว่าเสามังกรหลบเร้นตกไปอยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอ จะกลายเป็นยอดศาสตราชิ้นหนึ่ง แต่ว่าในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้กลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอหลอมเปลี่ยนทั้งยังใช้ได้คล่องแคล่ว ยังเหนือความคาดหมายของคนทั้งหมด
สิ่งที่เหนือความคาดหมายยิ่งกว่าก็คือยังเป็นร่างมรรคาสูงสงและเพลงมหามรรคาสูงส่งของเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่อย่างนั้นหนอนเก้าเศียรไม่ถึงกับถูกเสามังกรหลบเร้นรัดไว้
หากรู้แต่แรกว่าเยี่ยนจ้าวเกอเหี้ยมหาญขนาดนี้ หนอนเก้าเศียรกล่าวอันใดก็ไม่มีทางกำหนดการสู้เป็นตายกับเขา ยิ่งไม่คาดหวังว่าอาศัยแก่นไฟหลีก่อนกำเนิดเป็นแผนพิเศษกำหนดชัยชนะได้ เป็นเหตุให้ต้องจ่ายด้วยชีวิต
‘สายเอกพิสุทธิ์ของสำนักเต๋าแม้มีความสามารถคล้ายกัน แต่การรวมห้ากำเนิดแรกเริ่มเป็นหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอ มีความเข้าใจอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองอยู่ด้านใน แผ้วเส้นทางขึ้นใหม่’ ลู่ยาเต้าจวินกล่าวในใจ ‘ยังมีคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตของเขา ตกลงแล้ว…’
การถอยไปด้วยตัวเองของมารจริงแรกเริ่ม ทำให้ลู่ยาเต้าจวินคล้ายนึกอันใดออก
เขาทางหนึ่งหยุดความคิดสับสนในใจ ทางหนึ่งบัญชาเผ่าปีศาจ ค่อยๆ ถอยไปเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอกับคนในสำนักเต๋าก็มิได้ไล่ตามจู่โจม
นาจามีนิสัยทะนงตนบ้าบิ่น ไม่ยินยอมอยู่หลายส่วน แต่ก็ดูออกว่าเหล่าศัตรูเมื่อครู่มีสภาวะร่วมมือ ฝ่ายตัวเองกดดันมากไป กลับไม่งามนัก
กลับกันไม่ได้เสียท่าอะไรมาก ทั้งยังได้ธงเหลืองโบ่วกี้มา รอบนี้สำนักเต๋าได้ประโยชน์หมดสิ้น อารมณ์ของนาจาพลันสงบลง
วินาทีนี้เขากลับสนใจผลลัพธ์ของทีปังกรพุทธะทางแดนสุขาวดีตะวันตกมากกว่า
“ไปดูกันเถอะ จะได้รับตัวพี่ร่วมเส้นทางหยางด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอเก็บของวิเศษเช่นเสามังกรหลบเร้น กล่าวเรียก “ที่นั่นอย่างไรก็เป็นแดนสุขาวดีตะวันตก”
ทุกคนออกเดินทางทันที มาถึงอาณาเขตความว่างเปล่าด้านนอกแดนสุขาวดีตะวันตกอีกครั้ง
“สหายน้อยเยี่ยนฝึกฝนสามพิสุทธิ์ร่วมกัน มหัศจรรย์ไร้ขอบเขตจริงๆ ทำให้ข้าได้เปิดโลกทัศน์แล้ว” นาจาอดชมเชยเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
ถึงเขาจะถือตัว แต่ว่าเทียบกับพลังตอนที่ตนยังอยู่ในระดับสุญญตา สองบุปผาบนกระหม่อม แล้วมองดูเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ ย่อมทราบดีแก่ใจ
“ดูแล้วเจ้าคล้ายยังมากความสามารถยิ่งกว่าวิชาแปดเก้าของพี่ร่วมเส้นทางหยางเจี่ยนเสียอีก” นาจาจุ๊ปากประหลาดใจ “ตอนนี้เจ้าสร้างวรยุทธใหม่มากเท่าไหร่แล้ว?”
วิชาแปดเก้าของหยางเจี่ยน เป็นวิชาที่เชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลงกายเนื้อที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา พันเปลี่ยนหมื่นแปลง อิทธิฤทธิ์ล้นเหลือ
ไม่เพียงแต่ตัวเองแข็งแกร่งไม่อาจทำลาย ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดโดดเด่น ยิ่งแสดงอิทธิฤทธิ์ของผู้เข้มแข็งคนอื่นๆ ได้ เหมาะกับสภาพแวดล้อมทุกชนิดทุกรูปแบบ สะกดคู่ต่อสู้ทุกชนิดทุกรูแปบบได้อย่างเฉพาะเจาะจง ไปที่ใดก็ได้เปรียบ
เทียบกันแล้ว การต่อสู้ด้านจิตวิญญาณเป็นจุดอ่อนของหยางเจี่ยน ดังนั้นครั้งกระโน้นมีดบินสังหารเซียนจึงเป็นดาวข่มของเขา
แต่สิ่งที่เรียกว่าจุดอ่อน เป็นแค่การเปรียบเทียบกับจุดแข็งของตัวหยางเจี่ยนเท่านั้น
หลายปีมานี้หยางเจี่ยนใช้จุดแข็งชดเชยจุดอ่อน ด้านนี้ยิ่งมายิ่งแกร่ง แม้แต่มีดบินสังหารเซียนก็ไม่เกรงกลัวอีกต่อไป
ทางนาจาได้ดูเยี่ยนจ้าวเกอต่อสู้กับคนหลายรอบอยู่ด้านข้าง พบว่าวรยุทธมากมายง่ายดายเหมือนคีบออกมาใช้ วิธีการต่อสู้ในท่วงทำนองต่างๆ ล้วนแตกฉานเชี่ยวชาญ
ไม่ว่าจะเป็นระหว่างต่อสู้กับมารเงา ฉวีซู หรือนอนเก้าเศียร วิธีต่อสู้ต่างแตกต่าง ชั่วขณะหนึ่งถึงกับไม่เจอจุดที่อ่อนแอใดๆ อดทำให้นาจาประหลาดใจไม่ได้
“สหายน้อยเยี่ยนเจ้าอนุมานย้อนกลับถึงคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต คล้ายมีผลสำเร็จแล้ว?” เจ้าแม่อู๋ตังสนใจอีกเรื่องหนึ่ง เอ่ยปากถามขึ้น
………………..