ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1725 คลื่นโหมกระหน่ำบนทะเลใจ
ได้ยินคำพูดของเจ้าแม่อู๋ตัง ความสนใจของนาจาพลันเปลี่ยนมาทางนี้ทันที
เขาเป็นผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์ ย่อมสนใจคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตปฐมคัมภีร์แห่งหยกพิสุทธิ์ในตำนาน
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอต่อสู้กับมารเงาเมื่อครู่ แสดงความอัศจรรย์ของสามคัมภีร์ก่อนกำเนิดและหกคัมภีร์หลังกำเนิดแรกเริ่มพร้อมกัน ผสมผสานหลอมรวม เมฆมงคลโกลาหลกลุ่มหนึ่งเดี๋ยวหายเดี๋ยวโผล่บนศีรษะ ทุกคนล้วนเห็น
ก่อนหน้านี้นาจาทำความรู้จักกับเยี่ยนจ้าวเกออย่างจำกัด ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์เท่าเจ้าแม่อู๋ตัง เพราะฉะนั้นพอเห็นดังนี้ ยิ่งประหลาดใจกว่าเดิม เพียงแต่ไม่กล้าถาม
เยี่ยนจ้าวเกอน้ำเสียงราบเรียบ บนใบหน้าจงในแสดงความยินดีหลายส่วน “มีผลสำเร็จหลายส่วนจริงๆ เพียงแค่ยังไม่สมบูรณ์ดี มองเลศนัยออกแค่บางส่วน ยังห่างจากคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตของจริงไกลยิ่ง”
“ที่สะกดการเปลี่ยนเงาเป็นจริงของมารเงาได้ นับว่าเป็นการดำเนินแผนเสี่ยงอันตราย และเป็นความยินดีเหนือความคาดหมาย”
นาจาพอฟังก็รำพึงรำพัน “หมื่นเรื่องราวยากตอนเริ่ม วันนี้เริ่มไปแล้ว ไม่บอกสำเร็จครึ่งหนึ่งก็ใกล้เคียง”
“ด้วยพรสวรรค์ความสามารถและพลังศักยภาพของสหายน้อยเยี่ยนเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องมีสักวันที่อนุมานย้อนกลับถึงคัมภีร์นภาแรกเริ่มที่สมบูรณ์แบบได้”
“ก่อนที่บรมครูจะหลุดพ้นไป ไม่ได้ถ่ายทอดคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ภายหลังพวกอาจารย์ลุงก็เคยไปยังวังดุสิตเพื่อถามอาจารย์ลุงรุ่นปู่เหล่าจวิน แต่ไม่มีผลลัพธ์ใด หากข้าเห็นคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้งในตอนมีชีวิตอยู่ได้ นับว่าสมความปรารถนาแล้ว”
นาจาพูดมากอย่างหาได้ยาก เจ้าแม่อู๋ตังที่อยู่ด้านข้างกลับเข้าใจดี
นึกถึงสายเหนือพิสุทธิ์ของตัวเอง เป็นเพราะว่าเทวกษัตริย์วิเศษคณานับตายไปเร็ว ทั้งไม่มีใครทราบ ทำให้จนถึงหลายปีก่อนหน้านี้จึงค่อยได้การสืบทอดคัมภีร์โกลาหลสูญ เจ้าแม่อู๋ตังเองยังรู้สึกเสียดาย
แต่ยังดีที่ยังเหลือการสืบทอดไว้ มิใช่เหมือนทางหยกพิสุทธิ์ ที่เทวกษัตริย์บรรพกำเนิดไม่ได้ถ่ายทอดคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตก็หลุดพ้นไป
ดังนั้นต่อคำโอดครวญของนาจา เจ้าแม่อู๋ตังจึงทำความเข้าใจความรู้สึกของเขาได้
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านข้างยิ่งฟังยิ่งรู้สึกได้ถึงความไม่ถูกต้อง มาถึงตอนหลัง ในใจมีคลื่นโหมกระหน่ำอีกครั้ง
ความสงสัยส่วนหนึ่งที่ก่อนหน้ารบกวนจิตใจมาโดยตลอด ตอนนี้พลิกตัวขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจ
เปลือกนอกเขาสีหน้าเหมือนเดิม ตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าหากมีวันนั้นจริงๆ ข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่กล้ายึดความดีความชอบ สามารถรวบรวมคัมภีร์นภาแรกเริ่มเก้าม้วนที่เหลือได้ เป็นเพราะมีคนจำนวนมากช่วยเหลือ”
“คิดจะรวบรวมคัมภีร์นภาแรกเริ่มเก้าม้วนหลัง หลังมหาภัยพิบัติบางทีอาจยังต้องคิดหาวิธี ก่อนมหาภัยพิบัติสำหรับพวกเราถือว่าง่ายดายยิ่ง พวกอาจารย์ลุงกับอาจารย์ปู่ช่วยกันก็รวบรวมครบแล้ว นอกจากนี้ถึงแม้ไม่มีคัมภีร์โกลาหลสูญ แต่หมัดแปลงกำเนิดก็ไม่ได้ยากเย็นเช่นกัน” นาจาส่ายหน้าเอ่ย “ครั้งกระโน้นมิใช่ไม่เคยลอง แต่ยังมิใช่ไม่มีเส้นสนกลในหรอกหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “หลังมหาภัยพิบัติ สำนักเต๋าเราเสื่อมโทรมอยู่บ้าง การรวบรวมคัมภีร์นภาแรกเริ่มเก้าม้วนให้ครบไม่ง่ายจริงๆ ข้าผู้แซ่เยี่ยนตลอดทางที่เดินมาก็ค่อนข้างขลุกขลัก แต่พวกเราสุดท้ายก็ทำสำเร็จ การปรากฏขึ้นอีกครั้งของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตจะพิสูจน์ถึงแสงอรุณและความรุ่งเรืองของสำนักเต๋า”
“กล่าวได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดี และกล่าวได้ว่าเป็นเพราะความพยายามของผู้อาวุโสร่วมเส้นทางทุกท่าน จึงมีวันที่ข้าผู้แซ่เยี่ยอนุมานย้อนกลับถึงคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต”
นาจาหัวเราะฮ่าๆ “พูดถูกต้อง!”
เจ้าแม่อู๋ตังที่อยู่ด้านข้างยิ้มจางๆ เช่นกัน
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเหนือพิสุทธิ์จะสู้กับหยกพิสุทธิ์จนไร้สุขถึงขีดสุด แต่ว่ากาลเวลาผันผ่าน สภาพแวดล้อมใหญ่ไม่เหมือนเดิมมานานแล้ว ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายค่อยๆ ดีขึ้นเช่นกัน
ปัจจุบันเป็นเวลาลงเรือลำเดียวกัน คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นอีกครั้ง พลังโดยรวมของสำนักเต๋าฟื้นฟูเพิ่มพูดต่อเนื่อง เจ้าแม่อู๋ตังมิได้ยินดีเท่านาจา กระนั้นก็มีความรู้สึกปลอบประโลมหลายส่วน
เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอ ในดวงตาเต็มไปด้วยแววยิ้ม
ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ความว่างเปล่าตรงหน้าพลันสั่นไหว มีเสียงดังขึ้น
“คุยอะไรกันน่ายินดีขนาดนี้?”
เสียงไม่ทันขาดลง ร่างของหยางเจี่ยนก็โผล่ขึ้นตรงหน้าทุกคน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาขึ้นลง เห็นเขาปลอดภัยไร้เรื่องราว ต่างโล่งอก
ก่อนหน้านี้อย่างไรก็อยู่บนแดสุขาวดีตะวันตกของอามิตาภพุทธเจ้า หยางเจี่ยนอาละวาดรอบหนึ่ง มิใช่ไร้ความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง
“อามิตาภพุทธเจ้าลงมือปกป้องทีปังกร กลับไม่ได้สร้างความลำบากแก่ข้า ทั้งหมดต้องขอบคุณเจ้าแม่อวิ๋นเซียวควบคุมค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แต่ข้าก็ไม่อาจจับตัวทีปังกรไว้ไม่ปล่อย” หยางเจี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า นี่ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ก่อนหน้า
“ทีปังกรทำลายกฎก่อน อามิตาภพุทธเจ้านับว่ามอบคำว่ากล่าวแก่พวกเรา ไม่ได้ลงมือในทันที” หยางเจี่ยนตอนนี้มองนาจาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ด้งนั้นข้าทำร้ายเขา ช่วยเจ้าระบายโทสะชั่วคราว”
ถึงในเวลาส่วนใหญ่อามิตาภพุทธเจ้าจะสงบนิ่งไม่แก่งแย่ง แต่ถ้าไม่มีค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ผลลัพธ์ย่อมเป็นอีกแบบ
นาจาคารวะ “ขอบคุณพี่วร่วมเส้นทาง ต้องให้พี่ร่วมเส้นทางเหนื่อยแทนข้า น่าละอายจริงๆ”
“มิได้ ทุกคนเป็นพวกเดียวกัน ใยต้องกล่าวขอบคุณ?” หยางเจี่ยนเอ่ย “แต่ว่าในแดนสุขาวดีตะวันตกมีอามิตาภพุทธเจ้าอยู่ ข้ายากจะทำร้ายถึงรากฐานของทีปังกรจริงๆ ตอนนี้ยังไม่อาจแยกแยะว่าจะส่งผลต่อการวางหมากบนนพยมโลกในภายหลังของเขาหรือไม่”
“ตามการคาดเดาของข้า ถ้าหากว่านพยมโลกไม่มีการเคลื่อนไหวในเวลาสั้นๆ เช่นนั้นทีปังกรสมควรฟื้นตัวทัน แน่นอนว่าเจ้าสามารถไปแก้แค้นเขาได้”
ได้ยินคำพูดของหยางเจี่ยน นาจาก็พยักหน้า “แก้แค้นด้วยตัวเองได้ย่อมประเสริฐสุดแล้ว นี่ตรงกับความคิดข้าพอดี”
เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “สงครามก่อนหน้านี้ข้าถูกมารจิตแรกเริ่มลอบทำร้าย ไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะอย่างแท้จริง เรื่องนี้ไม่นับว่าจบ ข้าต้องจับตาดูโจรหัวล้านทีปังกรนั่น สู้กันอีกสักรอบ”
“ทีปังกรบาดเจ็บเพราะข้า ครั้งนี้มีเหตุผลเต็มเปี่ยมในการแขวนป้ายหลีกเลี่ยงการรบ ไม่สนใจคำท้าของเจ้า” หยางเจี่ยนพูด “ต่อให้อาการบาดเจ็บเขาหายดี แต่ยังคงจะใช้ข้ออ้างนี้ถ่วงเวลาต่อไป เจ้าต้องการหาตัวเขา เกรงว่าสุดท้ายจะเป็นตอนการวางหมากบนนพยมโลก เขาไม่อาจไม่ออกเขา”
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ด้วยนิสัยของทีปังกรพุทธะ พี่ร่วมเส้นทางหยางท่านไม่ทำร้ายเขา ต่อจากนี้เขาจะต้องเข้าฌานไม่ออกมา ไม่รับคำท้าของพี่ร่วมเส้นทางนาจาอยู่ดี”
“นอกจากว่าเขาจะมีความต้องการใดเหมือนครั้งนี้”
ทุกคนได้ยิน ต่างแสดงสีหน้ากระจ่างแจ้ง
นาจากล่าวอย่างเคียดแค้น “ไม่กลัว ข้าจะผลาญพลังกับมันเอง ก่อนหน้าข้าขวางมันมาสองร้อยปี ต่อจากนี้ก็ขวางมันต่อไป จะต้องลอกหนังหน้ามันออกมาจนหมดให้จงได้ กลับอยากจะเห็นว่ามันจะซ่อนตัวได้นานเท่าไหร่!”
พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับหยางเจี่ยนต่างหัวเราะขึ้นมา
“ดูท่าทางของพวกเจ้า ก็ทราบแล้วว่าการดีดลูกคิดรางแก้วในครั้งนี้ของทีปังกรล้มเหลวแล้ว” หยางเจี่ยนถาม “เป็นธงเหลืองโบ่วกี้จริงๆ หรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “มิผิด เป็นธงเหลืองโบ่วกี้ ก่อนหน้านี้ถูกไท่อี้จินหยินนำไป กลับคืนสู่สายหยกพิสุทธิ์ของพวกเรา”
“เช่นนี้ทีปังกรพุทธะจึงแพ้ศึกนี้จริงๆ แล้ว” หยางเจี่ยนปรบมือเอ่ยชมเชย “ธงเหลืองโบ่วกี้กลับสู่ศิษย์หยกพิสุทธิ์ บูรพาจารย์ในปรโลกทราบ จะต้องปลาบปลื้มแน่”
“อาจารย์อาอวี้ติ่งที่อยู่ในปรโลกทราบ ยังมีเรื่องราวที่น่าปลาบปลื้มกว่า” นาจายักคิ้วหลิ่วตากล่าวว่า “สหายน้อยเยี่ยนรวบรวมคัมภีร์เก้าม้วนครบแล้ว ทั้งฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน มีความหวังที่จะอนุมานย้อนถึงคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ปฐมคัมภีร์แรกเริ่มแห่งหยกพิสุทธิ์ของพวกเราได้!”
หยางเจี่ยนประหลาดใจ มองเยี่ยนจ้าวเกอ “มีวี่แววแล้ว?”
“มีเงื่อนงำช่วงต้นแล้ว แต่ยังคงมีภาระหนักและหนทางยาวไกล” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
………………..
Comments for chapter "บทที่ 1725 คลื่นโหมกระหน่ำบนทะเลใจ"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Joe
สรุปคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต เยี่ยนจ้าวเกอต้องอนุมานเองหรอ งง…ทีแรกตอนฝึกก็ฝึกนภาไร้ขอบเขตนิ