ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1726 หวนคิดถึงอดีตความคิดยากสงบ
“ถ้าหากทำให้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตโผล่ขึ้นมาได้อีกครั้ง ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างใหญ่หลวงสำหรับสำนักเต๋าของพวกเรา” หยางเจี่ยนกล่าว “แต่ว่าบรมครูใช้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตหลุดพ้น พวกเราคนรุ่นหลังถ้าหากเดินบนเส้นทางนี้อีก จะโดนเจ้ามรรคาคนอื่นหมายหัวได้ง่ายดายยิ่ง สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน แผ้วทางขึ้นมาใหม่ หลบเลี่ยงความขัดแย้งนี้ก่อน นับว่าเป็นเรื่องดี”
“กล่าวเรื่องนี้ในตอนนี้ยังเร็วเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หยางเจี่ยนว่า “คนไร้กังวลไกลย่อมมีกังวลใกล้”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาที่ถือกำเนิดจากสำนักเต๋าย่อมทราบเรื่องนี้อย่างล้ำลึก
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นด้วยกับคำพูดของหยางเจี่ยนเช่นกัน ดังนั้นความรู้สึกของเขาในตอนนี้จึงมิได้สงบอย่างภายนอก
เขามีความสงสัยต่อคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ
เพียงแต่ว่าตอนนั้นข้อมูลในมือน้อยเกินไป ทุกอย่างพร่ามัวไม่ชัดเจน เหมือนมองบุปผาในม่านหมอก
สาเหตุที่ไม่เคยเผยความลับที่ตนครบครองคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผล
จนกระทั่งให้หลัง เรื่องราวที่ทราบมากขึ้น คล้ายพิสูจน์ความระมัดระวังในหลายปีมานี้ของเยี่ยนจ้าวเกออย่างต่อเนื่องว่าเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง หากแต่ ความสงสัยไม่เคยได้รับการแถลงไข กลับยิ่งมายิ่งกระตุ้นให้คนใคร่ครวญ
หลายปีมานี้ ทุกคนคาดหวังว่าเขาที่รวบรวมเก้าคัมภีร์ครบ ทั้งฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน จะอนุมานย้อนกลับถึงคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตได้ ทำให้วรยุทธ์ชนิดนี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง นี่กลับทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกตกตะลึง
เป็นเพราะตามคำพูดของคนอื่นๆ คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตหายสาบสูญมาโดยตลอด หลังจากบรมครูเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดหลุดพ้นไป มิใช่ไม่มีคนฝึกฝนวรยุทธ์นี้จนสำเร็จ แต่ไม่มีคนล่วงรู้
เจ้าแม่อู๋ตังกับไท่อี้จินหยินต่างไม่ได้อยู่บนวังเทพยังพอทำเนา
หยางเจี่ยนมีหน้าที่อยู่บนวังเทพตามความหมาย แต่ว่ามีนิวาสสถานของตัวเองอยู่ด้านนอก ฟังคำสั่งโยกย้ายไม่ฟังโองการ น้อยครั้งยิ่งที่จะถามเรื่องราวในวังเทพ
แต่ว่าจักรพรรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉินคล้ายกับไม่ทราบเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอได้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตมาจากหอเก็บหนังสือของวังเทพ แสดงให้เห็นว่าคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตหายสาบสูญมาโดยตลอด ค่อนข้างคาดหวังต่อการอนุมานย้อนกลับถึงคัมภีร์ของเยี่ยนจ้าวเกอ สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังทำให้เยี่ยนจ้าวเกอมิอาจไม่คิดมาก
ตอนนี้ยังมีนาจาที่อยู่บนวังเทพมาโดยตลอดยืนยันอีกครั้ง
เทียบกันแล้ว คำพูดของนาจายังน่าเชื่อถือยิ่งกว่าจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋และจักรพรรดิโกวเฉิน
เยี่ยนจ้าวเกอจะสงบใจได้อย่างไร?
กระนั้นยิ่งอารมณ์ไม่มั่นคง เปลือกนอกของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งเป็นความสงบนิ่งที่พยายามแสดงออกสุดความสามารถ มีทั้งความมั่นอกมั่นใจ และการคาดหวังรอคอย ดูปกติยิ่ง
“จริงด้วย พี่ร่วมเส้นทาง” นาจาพูดกับหยางเจี่ยน “นอกจากธงเหลืองโบ่วกี้กับคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเรื่องน่ายินดีสองเรื่องแล้ว ยังมีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่อง”
“อ้อ? เช่นนั้นรีบบอกออกมาฟังดู” หยางเจี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
นาจาขยิบตาให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง “สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนกับสหายร่วมเส้นทางเฟิงอวิ๋นจะจัดพิธีวิวาห์แล้ว นี่มิใช่เรื่องน่ายินดีอีกเรื่องหรอกหรือ?”
“นั่นน่ายินดีโดยแท้” หยางเจี่ยนได้ยินก็แสดงความยินดีกับเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิงทันที “ต้องดื่มสุราฉลองถ้วยหนึ่งแก่พวกท่านสามีภรรยาแล้ว”
“กล่าวไปน่าละอาย จนกระทั่งวันนี้ค่อนกำหนดวันได้ มีเวลาเหลือจัดการพิธีใหญ่” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะพลางคารวะคืนหยางเจี่ยน “อย่างไรก็ไม่ขาดสุราของพี่ร่วมเส้นทาง พี่ร่วมเส้นทางรับคำเชิญย่อมประเสริฐ”
“พวกเราไปเถอะ ระหว่างทางกลับค่อยคุยพลางเดินพลาง” หยางเจี่ยนกล่าวกับนาจาอีกว่า “ทีปังกรถูกข้าเล่นงานได้รับบาดเจ็บ มีข้ออ้างที่ดี เจ้ายากจะสมหวังชั่วคราว มิสู้กลับไปพักผ่อนก่อน ภายหลังค่อยหาเรื่องเขาใหม่”
“รอหลังจากงานวิวาห์ของสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนกับสหายร่วมเส้นทางเฟิง ข้าค่อยขวางมันอีกรอบ” นาจาว่า “น่าเสียดายในสงครามก่อนหน้าไม่ได้แย่งมุกค้ำทะเลมาจากมันสักชิ้น ไม่อย่างนั้นนำมาเป็นของขวัญอวยพรได้”
เยี่ยนจ้าวเกอชี้นาจาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ร่วมเส้นทางวาจานี้ข้าจดจำไว้แล้ว ตอนนี้ไม่ต้องรีบ ภายหลังต้องชดเชย”
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเขาอย่างจนปัญญา “ท่านนี่!”
“จำไว้แล้ว ข้าจะต้องชดเชยแน่” นาจาไม่ว่าอะไร กล่าวอย่างทะนงตน
ทุกคนประสานมือไปทางแดนสุขาวดีตะวันตกตามมารยาท จากนั้นก็หมุนตัวจากไป กลับสวรรค์สำนักเต๋าด้วยกัน
ในแดนสุขาวดีตะวันตก พุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกทั้งหลายได้แก่ทีปังกรพุทธะ วัชรอภิณฑ์พุทธะ พระโพธิสัตว์กวนอิม มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ ใช้สายตาส่งพวกเยี่ยนจ้าวเกอจาไปไกล ล้วนไม่พูดอะไร
ทีปังกรพุทธะภายนอกมองไปไร้ความผิดปกติ
ทว่าในแสงพุทธกลมสมบูรณ์หลังศีรษะท่าน ไฟตะเกียงดวงหนึ่งตอนนี้เสียหายมืดสลัว สั่นไหวเหมือนกำลังจะร่วงตก คล้ายว่าจะมอดดับได้ทุกเวลา
“น่าเสียดายวางหมากพลาด ถึงจะเจอธงเหลืองโบ่วกี้ แต่ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ก็มีการเตรียมตัวแต่แรกแล้ว” ทีปังกรพุทธะสุดท้ายถอนใจเบาๆ “ในที่สุดธงเหลืองโบ่วกี้ก็กลับไปอยู่ในมือของผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์”
มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ถาม “อดีตพุทธะอาการบาดเจ็บเป็นอย่างไร?”
“ทำให้พระโพธิสัตว์เป็นห่วงแล้ว หยางเจี่ยนลงมือ ย่อมมิอาจดูแคลน” ทีปังกรพุทธะตอบ “แต่ว่าไม่ถึงกับส่งผลต่อการใหญ่ พวกเรามีเวลามากพอ”
พระโพธิสัตว์และพุทธะองค์อื่นต่างพยักหน้า
เปลือกร่างของมารดินโบ่วรุ่นใหม่อยู่ภายใต้การควบคุมของศาสนาพุทธสายหลักแล้ว
เมื่อไม่มีธงเหลืองโบ่วกี้ และไม่มีธงวิเศษบัวเขียว นพยมโลกจะต้องคิดหาวิธีการอื่น จึงจะแลกเอาการคืนชีพสำเร็จของมารดินโบ่วที่อยู่ที่แดนสุขาวดีตะวันตกได้
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มีธงเหลืองโบ่วกี้จริงๆ ทีปังกรพุทธะก็เป็นไปได้ว่าจะลากถ่วงเวลา รออาการบาดเจ็บของตนฟื้นฟู ค่อยแลกเปลี่ยนกับนพยมโลกอีกครั้ง เพื่อควบคุมจังหวะเวลาที่ทางนพยมโลกเตรียมการไว้ดีแล้ว
แน่นอนว่าถ้าหากนพยมโลกหาเปลือกร่างที่เหมาะแก่การคืนชีพของมารดินโบ่วเจอในช่วงเวลานี้ เช่นนั้นเรื่องราวต้องว่ากันอีกแบบ
เพียงแต่ว่าความเป็นไปได้ทางด้านนี้มีต่ำยิ่ง
ตอนนี้เวลาห่างจากอิ๋งอวี่เจินในตอนนั้นแค่สี่ร้อยปี
เวลาไม่กี่ร้อยปี รอจนเปลือกร่างที่เหมาะสมรุ่นใหม่ปรากฏ ความจริงเป็นเวลาสั้นๆ ที่หายากแล้ว
ในเวลาอันสั้นยังปรากฏเปลือกร่างใหม่ที่เหมาะสมทันที ความเป็นไปได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย โดยพื้นฐานแล้วไม่ต้องคำนวณก็ได้
สถานการ์อย่างเฉินเสวียนจง ฉู่หวน และฉู่หลีหลีในตอนนี้หายากจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเฉินเสวียนจงกับฉู่หวนยังมีความแตกต่างด้านอายุกับฉู่หลีหลีด้วย
ถ้ามิใช่เช่นนี้ เปลือกร่างของมารดินโบ่วรุ่นใหม่นตอนนี้ ไม่ถึงกับกลายเป็นแต้มต่อของแดนสุขาวดีตะวันตก ทำให้นพยมโลกช่วยพวกเขาค้นหาธงเหลืองโบ่วกี้
สิ่งที่ส่งผลต่อสถานการณ์ใหญ่อย่างแท้จริง คือธงเหลืองโบ่วกี้
การสูญเสียธงวิเศษบัวเขียว และการไม่ได้ธงเหลืองโบ่วกี้ ครั้งนี้ก็ยังสิ้นเปลืองวัชระปลุกเสกที่สะกดควบคุมมหาวิทยราชมยุรีได้ชิ้นสุดท้ายไป
รอครั้งหน้าเกิดว่าเผชิญกับมหาวิทยราชมยุรีอีก ทีปังกรพุทธะต้องปวดศีรษะคิดหาวิธีจริงๆ แล้ว
นี่มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แดนสุขาวดีบัวขาวกับเขาดาราทะเลดวงดาวแยกกันมีสารีริกธาตุศากยมุณีหนึ่งชิ้นอยู่ในมือ
“วิทยราชยังไม่กลับมา?” ทีปังกรพุทธะถอนใจพลางถาม
พระโพธิสัตว์กวนอิมส่ายหน้า “ไม่ได้กลับมา”
ทีปังกรพุทธะใคร่ครวญครู่หนึ่ง สีหน้าสงบดุจเดิม หันไปพยักหน้าพูดกับพวกมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์กับสมันตภัทรโพธิสัตว์ “ครั้งนี้ลำบากทุกท่านวิ่งวุ่นแล้ว”
พวกมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ต่างส่ายหน้า “อดีตพุทธะกล่าวอันใด? น่าเสียดายสุดท้ายไม่อาจนำธงเหลืองโบ่วกี้กลับมาได้”
“ข้าได้ยินพระโพธิสัตว์เมื่อครู่บอกว่า เยี่ยนจ้าวเกอเทวกษัตริย์น้อยอนุมานย้อนกลับจนได้ความลี้ลับของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตแห่งหยกพิสุทธิ์มาแล้วจริงๆ?” ทีปังกรพุทธะไม่พูดถึงเรื่องธงเหลืองโบ่วกี้ต่ออีก หันเหหัวข้อ
………………..