ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1727 มหาชาลนับวันรอได้
“อาตมาไม่มีทางมองผิด” มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์กล่าว “ถึงไม่สมบูรณ์ แต่พอเห็นเค้าโครงแรกแล้ว เป็นปฐมคัมภีร์แรกเริ่มหยกพิสุทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย”
“อาตมาเคยเห็นเจ้ามรรคาหยกพิสุทธิ์ลงมือด้วยตัวเองในยุคโบราญตอนต้นตอนเป็นโพธิสัตว์เช่นกัน ย่อมไม่มีทางดูผิด ไหนเลยกล้าสงสัย” ทีปังกรพุทธะส่ายหน้า “คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นบนโลกจริงๆ เดิมไม่ได้สำคัญนัก คัมภีร์โกลาหลสูญเหนือพิสุทธิ์ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแล้ว หยกพิสุทธิ์เพียงมีความสามารถเพิ่มขึ้นตาม”
“เพียงแต่ในนี้อาตมาสัมผัสได้ว่ามีจุดที่มีเลศนัยส่วนหนึ่ง ดังนั้นมีความกังวลอยู่บ้าง”
ทีปังกรพุทธะพูด ไฟตะเกียงในแสงพุทธกลมสมบูรณ์หลังศีรษะท่านค่อยๆ ปรากฏแสงสีม่วงหลายส่วน กะพริบเบาๆ
“อดีตพุทธะมีการค้นพบแล้ว?” มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ถาม
“ยังจำเป็นต้องสะสาง” ทีปังกรพุทธะขบคิดครู่หนึ่งค่อยเอ่ย “แต่มิพักเอ่ยถึงเรื่องที่ยังมองไม่ออกเหล่านั้น เพียงแต่ถ้าคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นมาจริงๆ อยู่กับคนอื่นๆ ถึงแม้จะเป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน แต่พออยู่กับตัวเยี่ยนจ้าวเกอเทวกษัตริย์น้อย กลับย่ำแย่สุดขีด”
ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอซึ่งเป็นเป้าหมายที่ถกกันอยู่ตอนนี้ยังไม่ขึ้นสู่มหาชาล แต่ขณะนี้ผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของทีปังกรพุทธะ ต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยยิ่ง
“หยางเจี่ยนกับซุนหงอคงในตอนนั้นต่างมิได้มีสภาวะรวดเร็วรุนแรงเท่าเขา” ทีปังกรพุทธะกล่าวอย่างผ่อนคลาย “ความกังวลก่อนหน้ามิใช่สิ่งที่เกินความจำเป็นจริงๆ”
ต่อสู้ติดต่อกันสามรอบ เล่นงานมารไม้อิกหนึ่งในหกสุดยอดมารนพยมโลกก่อน จากนั้นก็สังหารฉวีซูบุคคลหมายเลขหนึ่งในชั้นมหาชาลของแดนสุขาวดีบัวขาวซึ่งพลังเหนือกว่าพุทธะของศาสนาพุทธสายหลัก สุดท้ายยังฆ่าหนอนเก้าเศียรจอมปีศาจที่ชื่อเสียงกระเดื่องเลื่องลือในยุคโบราณตอนกลาง
ต่อสู้สามครั้ง เอาชนะติดต่อกัน
นี่ทำให้ชื่อเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอเหนือกว่าสั่วหมิงจางที่ครั้งกระโน้นก็สู้ตัดสินกับผู้เข้มแข็งจากฝั่งปีศาจ พุทธ มารติดต่อกันสามรอบในวันเดียวเช่นกัน
ตอนนั้นสั่วหมิงจางต่อสู้กับสามผู้เข้มแข็งได้แก่มารเงา เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ วัชรอภิณฑ์พุทธะติดต่อกัน เทียบพลังของศัตรูกับคู่ต่อสู้ของเยี่ยนจ้าวเกอเหนือกว่าขุมหนึ่ง คู่ต่อสู้มีราศีเหนือกว่า
แต่ปัญหาก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอในวันนี้ยังเป็นแค่เซียนกำเนิดสุญญตา มิใช่เซียนสวรรค์มหาชาล
นี่ทำให้ผลการรบของเขาทำให้คนที่ได้ยินตกตะลึงยิ่งกว่า
เชื่อมโยงถึงอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ นันทิเกศวรติ้งกวง ยังมีปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะที่มรณะเพราะเขา ก็ยิ่งทำให้คนแตกตื่นตะลึงลานกว่าเดิม
“ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน มีพลังล้ำเลิศ แต่ความยากก็มากกว่าเส้นทางทั่วไป” พระโพธิสัตว์กวนอิมกล่าวอย่างแช่มช้า “กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอสามารถประกอบวีรกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างการอนุมานย้อนถึงคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต บ่งบอกว่าเขาไม่เพียงแต่มีความสามารถสะท้านฟ้า มีสติปัญญาล้ำเลิศ ขณะเดียวกันยังศึกษาหลักมรรคาอย่างลึกซึ้ง มีพื้นฐานแข็งแกร่ง”
“ดูจากสิ่งนี้ สำหรับเขาแล้ว ภัยพิบัติฟ้ากำเนิดมิใช่อุปสรรคที่ไม่อาจข้ามได้ ยากยิ่งที่จะหวังให้เขาพบเจอคอขวดใหญ่ ติดอยู่ในระดับเซียนกำเนิดสุญญตาเป็นเวลานาน”
พระโพธิสัตว์กวนอิมคล้ายชมเชยคล้ายถอนใจ “ถ้าหากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย อุปสรรคที่ขวางอยู่ตรงหน้าเขาก็มีแค่กาลเวลาเท่านั้น ขอแค่ให้เวลามากพอแก่เขา รวบรวมเวลาตกตะกอน การขึ้นสู่มหาชาลก็นับวันรอคอยได้”
พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ที่อยู่ด้านข้างแม้ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วย
พวกท่านสองคนต่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์หันมานับถือศาสนาพุทธ การแยกแยะต่อการเลื่อนระดับของเยี่ยนจ้าวเกอ ย่อมน่าเชื่อถือ
เทียบกับพลังในระดับเซียนกำเนิดสุญญตา ณ เวลานี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วนึกถึงการขึ้นสู่มหาชาลในภายหลังของเขา ทุกคนต่างแยกแยะออกคร่าวๆ ว่า จะเป็นภาพอย่างไร
“เทวกษัตริย์น้อย ชื่อสมกับความจริง” มหาสถามปราปต์ถอนใจ “ครั้งนี้ยังปล่อยให้พวกเขาได้ธงเหลืองโบ่วกี้กลับไป เหมือนเสือติดปีก”
“ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ครั้งนี้แม้ไม่ได้ธงเหลืองโบ่วกี้มา แต่พวกเราก็ไม่มีพวกเดียวกันประสบภัยพิบัติ นับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย” ทีปังกรพุทธะยิ้มพลางเอ่ย “ทางด้านเผ่าปีศาจกับเส้นทางนอกรีตปวดศีรษะกว่าพวกเราอีก”
แดนสุขาวดีตะวันตกไม่ได้ธงเหลืองโบ่วกี้ไปจริงๆ แต่เผ่าปีศาจก็ทำไม่สำเร็จเช่นกัน
ถึงขั้นที่ยังเสียมหาเทวะเผ่าปีศาจตนหนึ่งคือหนอนเก้าเศียร
แดนสุขาวดีบัวขาวยิ่งเสียหายจนต้องกระอักเลือด สูญเสียพระสมันตภัทรโพธิสัตว์
ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะกับฉวีซูติดต่อกัน
ต่อให้พัฒนาการของเส้นทางนอกรีตเปรียบเทียบแล้วจะง่ายดายและรวดเร็วกว่า แต่หลังถึงระดับมหาชาล ความยากจะสูงถึงขีดสุด ทบสอบเงื่อนไขส่วนตัวของคนคนหนึ่ง
จินจา ก่อนที่จะเปลี่ยนจากผู้พิทักษ์ธรรมส่วนหน้าของเขาหลิงซานมาเป็นปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะ ก็เคยเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สามแห่งหยกพิสุทธิ์ของสำนักเต๋าที่แท้จริง รากฐานและความเฉลียวฉลาดล้วนเหนือกว่าคนธรรมดา แต่เป็นเพราะสาเหตุหลายประการ ก่อนหน้านี้จึงติดอยู่ในสุญญตามาโดยตลอด ไม่เคยสำเร็จมรรคผลศาสนาพุทธ ภายหลังหันไปเข้ากับเส้นทางนอกรีต
ส่วนฉวีซูกระบี่พุทธะรุ่นที่สอง ยิ่งได้แต่เจอมิอาจค้นหา
ถ้าหากบอกว่าการมรณะของปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะยังมีโอกาสที่แน่นอนที่จะชดเชยได้ในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนั้นการมรณะของฉวีซูก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะก่อให้เกิดความว่างเปล่าในเวลาอันยาวนาน
อย่าว่าแต่แดนสุขาวดีบัวขาวที่เดียว นับรวมขุมกำลังอื่นๆ ด้วย การให้กำเนิดบุคคลมากพรสวรรค์แบบนี้สักคนจากในคนร้อยล้านหมื่น ก็เป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ต่ำยิ่ง
การมรณะของฉวีซู สำหรับแดนสุขาวดีบัวขาวแล้ว ถึงขั้นนับได้ว่าเป็นปราณกำเนิดเสียหาย
ในสถานการณ์ที่ไม่มีแรงภายนอกเข้าร่วม อาจถึงขั้นเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้เปรียบที่แดนสุขาวดีบัวขาวเล็งเป้าไปยังโถงเซียนในตลอดเวลาที่ผ่านมา
“ให้ความสนใจทิศทางล่าสุดของเส้นทางนอกรีตและโถงเซียน” วัชรอภิณฑ์พุทธะพูด “ทางลู่ยายังพอว่า แต่ว่าสารีริกธาตุศากยมุณีชิ้นนั้นในมือเมตไตรย ต้องจับตาเป็นการพิเศษ”
ทีปังกรพุทธะพยักหน้า “กล่าวถูกต้องที่สุด”
พูดจบท่านก็คิดเล็กน้อย แล้วหันไปกล่าวกับมหาสถามปราปต์ด้วยรอยยิ้มว่า “เทวกษัตริย์น้อยบอกว่าจะแต่งงานกับเทวกษัตริย์หุบเหวปัจฉิมธรรม ดูไม่เหมือนล้อเล่น?”
“กล่าวต่อหน้าทุกคน ย่อมมิใช่การล้อเล่น” มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ตอบ
ทีปังกรพุทธะพยักหน้า จากนั้นพูดกับพระโพธิสัตว์กวนอิมว่า “ไม่ว่าจุดยืนจะเป็นอย่างไร สองฝ่ายที่แต่งงานล้วนเป็นสุดยอดอัจฉริยะ พวกเราสมควรแสดงความยินดี ไม่ทราบพระโพธิสัตว์ลำบากไปได้หรือไม่?”
พระโพธิสัตว์กวนอิมกับพระสมันตภัทรโพธิสัตว์สบตากัน พระสมันตภัทรโพธิสัตว์กล่าว “ด้านไท่อี้กับนาจาอาตมาไม่สะดวกกับการพบหน้า ศิษย์พี่ตัดสินใจเองได้เลย”
ในยุคโบราณตอนต้น มู่จาเป็นศิษย์ของผู่เสียนจินหยิน ภายหลังศิษย์อาจารย์เข้าสู่ศาสนาพุทธพร้อมสือหางจินหยิน
ผู่เสียนจินหยินกลายเป็นพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ สือหางจินหยินกลายเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม มู่จาเป็นนักบวชฮุ่ยอั้น
หลังเข้าสู่ศาสนาพุทธ กลับฟังคำสอนของพระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นหากจะนับจริงๆ มู่จานับได้ว่ามีอาจารย์สองคน
มู่จาตายเพราะนาจากับไท่อี้จินหยิน พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ไม่ต้องการไปสวรรค์สำนักเต๋า พระโพธิสัตว์กวนอิมใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าแช่มช้า “ข้าไปสักเที่ยวแล้วกัน”
“รบกวนพระโพธิสัตว์ด้วย” ทีปังกรพุทธะพนมมือ
“อดีตพุทธะเกรงใจแล้ว” พระโพธิสัตว์กวนอิมส่ายหน้ากล่าว
เรื่องราวตกลงกันเสร็จ นักบวชศาสนาพุทธก็แยกย้ายทางใครทางมัน
ตอนนี้แดนสุขาวดีตะวันตกกลับคืนสู่ความสงบ ไม่เหมือนกับตอนที่หยางเจี่ยนลงมือเมื่อก่อนหน้า ไล่ล่าทีปังกรพุทธะ ทำให้ที่นี่เกิดสภาพฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ
มีแต่แดนสุขาวพุทธเกษตรของทีปังกรพุทธะล่มสลาย ตอนนี้สร้างขึ้นใหม่ สภาพยุ่งเหยิง พินาศย่อยยับ
ทีปังกรพุทธะนั่งอยู่ด้านใน หลังจากครุ่นคิดอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ก็เรียกศิษย์ในสำนักมา ส่งแผ่นไม้ไผ่แผ่นหนึ่งให้ ทั้งกำชับว่า “โยมไปยังโถงเซียน มอบสิ่งนี้ให้เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ แล้วนำคำตอบของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกลับมาให้อาตมา”
………………..