ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1729 ผู้มาภายหลังไร้ความหวังตลอดกาล
“ผู้อาวุโสสั่วกับ…” หลังเยี่ยนจ้าวเกอสบตากับเฟิงอวิ๋นเซิง ก็มองหยางเจี่ยนใหม่ “…กับบิดา?”
“ดูเหมือนสหายร่วมเส้นทางสองคนจะสัมผัสได้แล้ว?” หยางเจี่ยนถาม
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเงียบงันเล็กน้อย จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็พยักหน้าแช่มช้า “สัมผัสได้บ้าง แต่ว่าไม่อาจยืนยัน เตรียมรอหลังจากบิดาฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดขึ้นสู่ระดับเซียนสวรรค์มหาชาล ค่อยแยกแยะอีกที”
“บิดาเจ้าดูเหมือนจะสัมผัสได้เช่นกัน” หยางเจี่ยนเอ่ย “ทางสหายร่วมเส้นทางสั่วเชื่อว่าเป็นเหมือนกัน เพียงแต่ไม่เคยพูดถึงเท่านั้น”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างเงียบงัน
ตอนนี้เขาทราบว่าสิ่งที่หยางเจี่ยนกังวลคืออะไรแล้ว
อาจจะอีกนาน แต่เหมือนที่คำกล่าวโบราณในอดีตว่าไว้ คนไร้ความกังวลไกลย่อมมีความกังวลในเมื่อมีปัญหาบางอย่างค่อยๆ แสดงออกมา เช่นนั้นทางที่ดีที่สุดยังเป็นการไม่เอาหัวมุดลงในดินเหมือนนกกระจอกเทศ
ลูกศิษย์ของสำนักเต๋าสายหลังที่กำเนิดหลังมหาภัยพิบัติ เรียกได้ว่ามีคนมากฝีมือทยอยถือกำเนิดขึ้นจริงๆ
คลื่นยักษ์ล้างทราย หลังจากฝึกฝนขัดเกลา บางคนล้มเหลวกลางทาง บางคนโดดเด่นขึ้นมา สามารถขนานนามเคียงบ่าเคียงไหล่ ตั้งป้อมประจัญกับผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงในหนังสือประวัติศาสตร์เหล่านั้นได้อย่างแท้จริง
นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอที่ปัจจุบันเพิ่งสร้างชื่ออีกครั้งแล้ว สั่วหมิงจางกับเฟิงอวิ๋นเซิงขึ้นสู่ระดับเซียนสวรรค์มหาชาลก่อนก้าวหนึ่ง
นอกจากนี้อัจฉริยะบุคคลที่เป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า เหนือกว่าคนรุ่นก่อน ยังมีเยี่ยนตี๋ เนี่ยจิงเสิน กับอวี่เย่
อวี่เย่สืบเนื่องจากรับบาดเจ็บสาหัสในตอนนั้น แม้ศักยภาพจะยังแกร่งเหมือนเดิม แต่เสียเวลาไปส่วนหนึ่ง ตามหลังคนอื่นก้าวหนึ่ง จำเป็นต้องใช้เวลาที่สอดคล้องกันแสดงศักยภาพของตัวเองออกมา
ตัวนางมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ทั้งฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญ คนทุกคนต่างเล็งผลเลิศ
แต่เป็นเพราะคัมภีร์โกลาหลสูญ ดังนั้นเส้นทางของนางจึงกระจ่างชัดเห็นได้ ขอแค่พัฒนาตามลำดับขั้นตอนก็พอ
สถานการณ์ของคนอื่นๆ จะมากจะน้อยล้วนมีความแตกต่างกับนาง
มรรคากระบี่ของเนี่ยจิงเสินเป็นอีกแบบหนึ่ง ขึ้นสู่มหาชาลแล้วเหมือนสั่วหมิงจางและเฟิงอวิ๋นเซิง แต่นั่นเป็นเพราะเทพมารนพยมโลกกรอกศีรษะ กลายร่างเป็นมากระบี่
ถึงจะไม่มีเรื่องนี้เขาก็รอคอยมหาชาลได้ แต่ว่าปัจจุบันหากกล่าวกันจริงๆ เขามิอาจนับว่าเป็นอัจฉริยะที่สำนักเต๋าสร้างขึ้นมาได้อีกแล้ว
เฟิงอวิ๋นเซิงความจริงมีสถานการณ์คล้ายกัน ถึงตอนนี้จะกลับคืนสู่สำนักเต๋า แต่ก่อนที่นางจะทะลวงภัยพิบัติฟ้ากำเนิด ก็เป็นเพราะผลกระทบจากเทพมารกรอกศีรษะจึงพุ่งทะยานได้ เดินผ่านเส้นทางที่คนจำนวนมากไม่อาจเดินจนจบได้ตลอดชีวิตในระยะเวลาอันสั้น
จนกระทั่งถึงตอนที่นางอยู่บนจุดสูงสุดของระดับสุญญตา ทะลวงภัยพิบัติฟ้ากำเนิดแล้วสำเร็จเป็นมหาชาล ผลกระทบของนพยมโลกค่อยเจือจางลง ทั้งยังแผ้วเส้นทางใหม่เส้นหนึ่งขึ้น ทว่ายังคงไม่ไร้การเชื่อมต่อกับนพยมโลก
สั่วหมิงจางกับเยี่ยนตี๋ต่างก็บุกเบิกเส้นทางของตัวเองขึ้นเหมือนกับเฟิงอวิ๋นเซิงและเนี่ยจิงเสิน แต่งต่างกับคนรุ่นก่อน
เบื้องหลังพลังอันน่ายำเกรงของพวกเขา เป็นกระบวนการคลำทางไปด้านหน้าไม่หยุดยั้งของตัวเอง
สั่วหมิงจางฝึกฝนคัมภีร์นภาแรกเริ่มย้อนกลับ ทั้งพัฒนาขึ้นก้าวหนึ่งจากพื้นฐานนี้ สร้างคัมภีร์ตัดนภาที่เป็นของตัวเองเพียงผู้เดียว
คัมภีร์ตัดนภา เป็นการตัดท้องฟ้าตรงความหมายตามตัวอักษร
หากต้อง ‘ตัดท้องฟ้า’ อันดับแรกต้อง ‘รู้จักท้องฟ้า’ เสียก่อน
ต่างกล่าวกันว่า ทำลายง่ายกว่าสร้าง แต่การทำหนักให้เหมือนเบา กระทำตามใจชอบเหมือนสั่วหมิงจาง จะต้องรู้จักการดำรงอยู่ที่ตนจะทำลายเป็นอย่างดี จึงจะใช้พลังปราณที่น้อยที่สุด สร้างการทำลายล้างขั้นพื้นฐานได้โดยไม่มีผลข้างเคียง
คัมภีร์ตัดนภาของเขาเปลี่ยนยุ่งยากเป็นเรียบง่าย ความจริงครอบจักรวาล
เพียงแต่ว่าการแสดงออกในตอนสุดท้าย อยู่ที่คำว่า ‘ตัด’
เยี่ยนตี๋รับสืบทอดการถ่ายทอดของเยี่ยนซิงถางและตี๋ชิงเหลียนบิดามารดาของเขา หลอมรวม ‘เริ่มต้น’ และ ‘สิ้นสุด’ บรรยายกระบวนการการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ
เหมือนกับคัมภีร์กระบี่สังสารวัฏของฉวีซูกระบี่พุทธะ ที่อาศัยพลังสู้พลัง หลังจากชักนำกรรมของอีกฝ่าย ก็หาวิธีดึงอีกฝ่ายเข้าไปในสังสารวัฏหกวิถี
ถ้าหากสำเร็จ สังสารวัฏหกวิถีจะเป็นศัตรูร้ายกาจที่คู่ต่อสู้ของท่านต้องเผชิญอย่างแท้จริง และยากจะสู้ชนะ
ถ้ามิใช่ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาจะมีสักกี่คนที่ต้านทานการกดดันอันน่าสะพรึงจากธรรมชาติฟ้าดิน และสังสารวัฏไร้สิ้นสุดนี้ได้?
เพียงแต่ว่าที่สุดแล้วฉวีซูยืมพลังสู้พลัง ตัวท่านไม่อาจกลายเป็นสังสารวัฏหกวิถีได้จริงๆ
กระบี่พุทธะรุ่นก่อนอาจารย์ของท่านแปลงกายเป็นหกวิถี ก็ได้แต่เปิดประตูที่เชื่อมสู่สังสารวัฏที่แท้จริงเท่านั้น
สาเหตุที่ดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋แข็งแกร่ง เป็นเพราะว่าเขาประสานกับหลักการสภาวะของฟ้าดิน ได้แก่การมุ่งไปด้านหน้าของธรรมชาติ และการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยได้อย่างลงตัว ถึงกับแสดงปรากฏกาณณ์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติฟ้าดินแห่งนี้ได้หลายชนิด
นั่นรวมถึงสังสารวัฏหกวิถี รวมถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของทุกสิ่งตั้งแต่มีการเปิดเผ่าฟ้าดินเป็นต้นมา ทั้งเชื่อมไปยังอนาคต จนบรรลุถึงจุดจบ
นอกจากผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคา ยังมีใครป้องกันได้?
แน่นอนว่าเยี่ยนตี๋ทำทุกอย่างอย่างสมบูรณ์ไม่ได้ ไม่อาจใช้ธรรมชาติฟ้าดินมาเสริมพลังให้กับตัวเองจนหมด
แต่พร้อมกับที่ระดับของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้น การแสดงออกทางด้านนี้ก็ยิ่งมายิ่งมาก จากทีละนิดทีละน้อยในตอนแรก ภายหลังเริ่มกลายเป็นรูปเป็นร่าง
หลักการทางด้านนี้เป็นเส้นทางที่เยี่ยนตี๋ศึกษาทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่องในกระบวนการการฝึกฝน จนค่อยๆ กระจ่างชัด ชี้ถึงการมุ่งหน้าไปยังอนาคตของเขา
แต่ว่าพร้อมกับกระบวนการนี้ ตัวเขารวมถึงพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่มักแลกเปลี่ยนกับเขาเป็นปกติ ก็พบปัญหาที่อาจคงอยู่อย่างหนึ่ง
ดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋ คัมภีร์ตัดนภาของสั่วหมิงจาง เป็นคมเข็มหันเข้าหากัน เหมือนสิ่งที่คล้ายกับคู่อริ
ปัจจุบัน ทุกคนแยกกันเดินตามทางของใครของมัน ไม่ส่งผลกระทบต่อกัน
แต่พอพลังฝึกปรือของเยี่ยนตี๋ค่อยๆ สูงขึ้น เส้นทางค่อยๆ ชัดเจนขึ้น มองดูเส้นทางมุ่งสู่ด้านหน้า ปรากฏลางสังหรณ์ขึ้นมาเลือนราง
ตอนที่ทะลวงสู่ระดับมรรคา ระหว่างเขากับสั่วหมิงจางคล้ายมีการขัดแย้งกัน
หลังจากมาถึงระดับของพวกเขา การศึกษาหลักการฟ้าดินจะได้รับการตอบแทน จิตใจเกิดกระแสคลื่น อันคำว่าลางสังหรณ์ น้อยครั้งจะไม่แม่นยำ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
แต่สิ่งที่โชคร้ายก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอที่ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน ตอนนี้มีพลังน่าตกตะลึง กับเฟิงอวิ๋นเซิงที่ขึ้นสู่มหาชาลแล้ว ก็มีความรู้สึกเดียวกัน
“พี่ร่วมเส้นทางเป็นหนึ่งในตัวตนระดับสุดยอดรองจากระดับมรรคาในตอนนี้ เดิมทีข้าคิดรอหลังบิดาย่ำทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิดก่อน ค่อยเชิญพี่ร่วมเส้นทางมาร่วมพิจารณา” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้มหนักใจ
“ไม่ว่าเป็นบิดาเจ้า หรือสหายร่วมเส้นทางสั่วต่างก็มีความคิดต่างจากคนอื่น สร้างวรยุทธ์เลิศภพจบแดนขึ้นใหม่ ในสถานการณ์ที่ข้าไม่ได้ทำความเข้าใจลึกล้ำ มิอาจให้คำตอบที่แน่นอนได้” หยางเจี่ยนเอ่ย “แต่ในเมื่อบิดาเจ้ามีความรู้สึกนี้อยู่แล้ว สองอย่างยืนยันกันและกัน ความเป็นไปได้ก็มีมากจริงๆ”
“สถานการณ์ที่แย่ที่สุดคือ พวกเขาสองคนผู้ใดขึ้นสู่ระดับมรรคาได้ก่อน จะขวางเส้นทางของอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายไม่มีความหวังในระดับมรรคาตลอดกาล” หยางเจี่ยนถอนใจ “ถึงมิใช่เส้นทางเดียวกัน กลับเป็นผลลัพธ์ของการถึงก่อนได้ก่อน นอกเสียจากว่าคนเดินนำไม่อยู่แล้ว คนอยู่ด้านหลังจึงค่อยเดินต่อไปได้”
เจ้ามรรคาคนหนึ่งไม่อยู่ เช่นนั้นมีแค่ความเป็นไปได้สองประการ
หนึ่งคือตกตาย หนึ่งคือหลุดพ้น
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมองหน้ากัน ต่างส่ายหน้าพลางยิ้มหนักใจ
“ผู้อาวุโสสั่วใจกว้างยิ่ง ครั้งกระโน้นเขาเห็นบิดาครั้งแรกใช่ว่าจะสัมผัสไม่ได้ หากไม่ถือสากับการชี้แนะ”
“ข้าสมควรบอกว่า โชคดีที่ไม่ส่งผลต่อการฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดของบิดากระมัง?” เยี่ยนจ้าวเกอตบหน้าผาก หัวเราะขื่นขม “โชคดีที่ไม่ส่งผลต่อการสำเร็จระดับเซียนสวรรค์มหาชาลของพวกเขา”
………………..