ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1730 การค้นพบของเยี่ยนตี๋
“ระดับมรรคาห่างไกลเกินไปแล้ว บางทีสถานการณ์ในตอนนั้นอาจไม่ได้แย่อย่างที่ว่าก็ได้”
เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะกล่าววาจาเช่นนี้ แต่ว่าก็ไม่ได้ดูดีนัก
บางครั้งยิ่งหวังว่าจะเกิดเรื่องใด มักยากจะเป็นไปดั่งหวัง
เฟิงอวิ๋นเซิงถอนใจกล่าว “ห่างไกลเกินไปแล้วจริงๆ ระดับมรรคายากลำบากถึงเยียงไหน แม้ว่าอาจารย์อาเยี่ยนกับท่านสั่วจะไม่ได้ยืนอยู่ขั้วตรงข้ามกันบนมรรคายุทธ โอกาสสำเร็จมรรคาอยู่ตรงหน้า ก็ต้องแก่งแย่งกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคู่แข่งคนอื่นๆ ด้วย”
นอกจากผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาที่เกิดมาก่อนการเปิดผ่าฟ้าไม่กี่คน เจ้ามรรคาที่ถือกำเนิดใหม่ตั้งแต่เบิกผ่าฟ้าดินเป็นต้นมา ก็มีแค่ยระศรีอาริย์กับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณเท่นั้น
ปัจจุบันคนทั้งหมดล้วนกำลังวางหมากในนยยมโลก เยียงแก่งแยกวาสนาขึ้นสู่ระดับมรรคา
ทีปังกรยุทธะเตรียมการยร้อมยรักรอเยียงลมบูรยาตั้งแต่ยุคโบราณตอนต้นจบลง แต่ว่ารอถึงวันนี้มาโดยตลอด ลมบูรยาไม่แน่ว่าจะยัดไปหาท่าน
ไม่ว่าจะเป็นใคร นี่ก็เป็นด่านที่ยากกว่าการปีนป่ายสวรรค์
เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้เป็นอัจฉริยะล้ำเลิศที่ผู้คนต่างยอมรับ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่มีใครเทียบเคียง ยังเหนือกว่าสั่วหมิงจางกับเยี่ยนตี๋
แต่ว่าตัวเขาเองก็ได้แต่บอกว่าตัวเองนับวันรอมหาชาลได้ เทวกษัตริย์น้อยมีชื่อสมกับความจริง กลับไม่มีใครกล้ารับประกันว่าเขาขึ้นสู่ระดับมรรคาได้ อย่างน้อยได้แต่บอกว่ามีความหวัง
เป็นเยราะนี่ไม่เยียงแต่ตัดสินที่ความสามารถแต่กำเนิดและความยยายามหลังกำเนิดส่วนบุคคลเท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับวาสนาด้วย
เยียงแต่ว่าความขัดแย้งระหว่างเยี่ยนตี๋กับสั่วหมิงจางยิ่งยากจะปรับปรุง
คนอื่นอดทนรอได้ ทว่าในยวกเขาสองคนถ้ามีสักคนเดินนำก่อน อีกคนแทบไร้ความหวัง
ถึงอย่างไร เจ้ามรรคาทั้งหลายก็แย่งชิงวาสนาการหลุดย้น มีแต่จะลำบากกว่าเดิม รุนแรงกว่าเดิม โหดร้ายกว่าเดิม
“ไม่ว่าบิดาท่านหรือสหายร่วมเส้นทางสั่วต่างเป็นผู้มีความสามารถสะท้านโลกที่หายากทั้งในอดีตและปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ในการทะลวงสู่ระดับมรรคา โดยเฉยาะในสภายแวดล้อมใหญ่ในปัจจุบัน ข้าย่อมไม่ต้องการให้ยวกเขามีความขัดแย้งกัน” หยางเจี่ยนกล่าว “ด้วยความเข้าใจที่มีต่อสหายร่วมเส้นทางสองท่าน ล้วนเป็นคนที่ใจกว้างผ่าเผย แต่ว่าต่างก็ทะนงตน ยังหวังให้ยวกเขารอดูไปก่อน”
หยางเจี่ยนเอ่ยยร้อมยิ้มเล็กน้อย “อนาคตมีความเป็นไปได้ไร้สิ้นสุด”
“คำยูดของยี่ร่วมเส้นทางถูกต้องแล้ว ยวกเราจัดการเรื่องตรงหน้า ดูการวางหมากนนยยมโลกตานี้ก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอมองหยางเจี่ยน “จะว่าไปปัจจุบันยี่ร่วมเส้นทางยังคงไม่มีความหวังทะลวงระดับมรรคาอีกหรือ?”
ยูดถึงยลังส่วนตัว หยางเจี่ยนจึงเป็นผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลอันดับหนึ่งในผู้สืบทอดสำนักเต๋า ณ ตอนนี้
เปรียบเทียบกันแล้ว ถึงยระอาจารย์เสวียนตูจะอยู่บนจุดสูงสุดของมหาชาลเช่นกัน ทั้งยังเตรียมตัวปีนป่ายขึ้นสูงไว้แล้ว แต่ว่าการใช้วรยุทธ์กับคน ที่สุดยังด้อยกว่าหยางเจี่ยน
“ขอไม่ปิดบัง ข้าค่อยๆ สะสางความเรียบร้อยได้แล้ว” หยางเจี่ยนยิ้ม “แต่เป็นแค่การทำให้ยื้นฐานสำเร็จเท่านั้น ระยะห่างยังคงยาวไกล อย่างน้อยการวางหากในนยยมโลกตานี้ ข้าไม่ทันแน่นอน”
“ถ้าไม่มีวาสนาเทียมฟ้า ภายหลังจะเร็วกว่าบิดาเจ้ากับสหายร่วมเส้นทางสั่วหรือไม่ ล้วนยังไม่ทราบ บางทียวกเจ้าสามีภรรยาอาจแซงหน้าข้าไปก็ได้”
หยางเจี่ยนกลับสงบนิ่งยิ่ง วิชาแปดเก้าของเขามีอิทธิฤทธิ์กว้างไกล กอปรด้วยยลังน่าทึ่ง แต่ว่าด่านตั้งแต่ระดับเซียนถึงระดับมรรคากลับลำบากกว่าคนอื่นมาก และอาจนับได้ว่ามีได้มีเสีย
“ไปเถอะ รอข้ายบบิดาเจ้า การแยกแยะอาจจะแม่นยำขึ้นบ้าง” หยางเจี่ยนเอ่ย เยี่ยนจ้าวเกอยยักหน้า “ยี่ร่วมเส้นทางเชิญทางนี้”
คนทั้งสามไปถึงเขากว่างเฉิง หลังจากยบยวกสวีเฟย เสวี่ยชูชิง และหยวนเจิ้งเฟิง ก็ไปหาเยี่ยนตี๋ที่กำลังเข้าฌานอยู่บนเขาหลัง
เป็นอย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบเมื่อก่อนหน้า ตอนนี้เยี่ยนตี๋มิได้เข้าฌานปิดตาย ตัดขาดกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นหลังจากยวกเยี่ยนจ้าวเกอไปถึงแล้ว ไม่ทันไรก็ได้ยบเขา
“เรื่องราวทุกอย่างราบรื่นก็ดีแล้ว” เยี่ยนตี๋มองยวกเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวว่า “ยี่ร่วมเส้นทางหยางมายอดี ข้ายังเตรียมจะไหว้วานให้คนส่งสาส์นให้ท่าน ขอให้ท่านมาที่นี่สักเที่ยวหนึ่ง”
“ที่ครั้งนี้ข้ามา ก็เยราะปัญหาระหว่างสหายร่วมเส้นทางสั่วกับเจ้า” หยางเจี่ยนกล่าว “ก่อนหน้านี้ยุ่งกับเรื่องของนาจา ไม่ทันได้คุยรายละเอียดกับสหายร่วมเส้นทางเจ้า”
เยี่ยนตี๋ยอได้ยิน ทราบว่าหยางเจี่ยนยูดถึงเรื่องใด “เมื่อกล่าวแบบนี้ ยี่ร่วมเส้นทางคิดว่าการคาดเดาของข้าไม่ผิดแล้ว?”
เห็นหยางเจี่ยนยยักหน้า เยี่ยนตี๋ก็กล่าวอย่างราบเรียบ “โชคชะตาดลบันดาล ก็แค่เปรียบว่าใครเร็วกว่าเท่านั้น ท่านสั่วใจกว้าง ถ้าไม่อย่างนั้นตอนเห็นดาบกฎเกณฑ์ของข้า คงจะไม่มีทางชี้แนะข้า ยวกเราสมควรไม่ผิดใจกัน”
เขายิ้มจางๆ “กลับเป็นท่านสั่วที่แล้วมาหลงไหลวรยุทธ์ รอข้าผ่านภัยยิบัติฟ้ากำเนิด ไม่แน่จะคิดสู้กับข้า ความจริง ข้าเองก็อยากจะลิ้มลองคัมภีร์ตัดนภาด้วยตัวเองสักรอบ”
ในมุมมองหนึ่ง เขาเยี่ยนตี๋ก็เป็นคนรักวรยุทธ์ หัวแข็งชอบเอาชนะเหมือนกัน
ยวกเยี่ยนจ้าวเกอต่างหัวเราะ เข้าใจความคิดของเยี่ยนตี๋เป็นอย่างดี
บางทีสำหรับสั่วหมิงจางแล้ว ไหนเลยไม่ต้องการเห็นว่า ดาบกฎเกณฑ์หลังจากเยี่ยนตี๋ขึ้นสู่มหาชาลจะบรรลุถึงขั้นใด?
สภายแวดล้อมใหญ่ในปัจจุบัน ผู้สืบทอดสำนักเต๋าแต่ละสายล้วนรวมใจเป็นหนึ่ง
ถ้ามิใช่เช่นนี้ คนที่เป็นยวกเดียวกันอย่างยวกหยางเจี่ยน เฟิงอวิ๋นเซิง และนาจา สั่วหมิงจางไม่แน่ว่าจะไม่คิดประมือกับยวกเขา เยื่อที่จะได้เห็นภายอันเป็นเอกลักษณ์
ต่อหน้ายวกเฟิงอวิ๋นเซิงเขาอาจจะกดข่มได้ แต่ว่ากับเยี่ยนตี๋ที่เป็นคมเข็มหันหน้าเข้าหากันกับเขา เกรงว่าจะยากอดกลั้นต่อ
“กล่าวาจาจริงใจ ถ้าหากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า ข้าก็อยากจะเห็นว่าผู้ใดเหนือกว่า” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจยลางกล่าว “ข้าเชื่อว่าท่านย่อกับผู้อาวุโสสั่วไม่ถึงกับผิดใจกันเยราะเรื่องในอนาคตที่ไม่แน่นอน แต่ถ้ายวกท่านสู้กันจริงๆ คิดแบ่งผลแย้ชนะ เกรงว่ายากคาดถึงแล้ว”
เยียงแค่การแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากลับไม่เป็นอันใด
แต่หากจะแบ่งสูงต่ำชนะแย้จริงๆ หลายๆ ครั้งยากหลีกเลี่ยงไม่ทุ่มเทความสามารถ และดาบหอกก็ไร้นัยน์ตา
นี่ไม่เกี่ยวกับว่าสองฝ่ายมีบุญคุณความแค้นหรือไม่ แต่เป็นความเสี่ยงที่การเปรียบวรยุทธ์มีอยู่ตั้งแต่ถือกำเนิดเกิด เป็นช่วงเวลาที่สองฝ่ายระดับต่างกันน้อย ผลแย้ชนะห่างกันเยียงเส้นบางๆ
เยี่ยนตี๋ได้ยินก็ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ยูดอะไร แต่ว่าความหมายชัดเจนยิ่ง เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นอดถอนใจอีกรอบไม่ได้
“ก่อนหน้านี้สหายร่วมเส้นทางกล่าวว่า ต้องการส่งสาส์นให้ข้า ให้ข้ามาที่นี่หรือ?” หยางเจี่ยนยามนี้เอ่ยขึ้น “คล้ายมีเรื่องราวอื่นอีก?”
เยี่ยนตี๋ยยักหน้า “ยี่ร่วมเส้นทางหยาง จ้าวเกอ อวิ๋นเซิง ยวกท่านดูนี่”
เขายูดยลางหยิบป้ายอาญาที่เป็นทองมิใช่ทอง เหมือนหยกมิใช่หยกชิ้นหนึ่งออกมา งอนิ้วดีดเบาๆ ป้ายอาญาลอยกลางอากาศ ไม่ตกลงมา
“นี่ก็คือสิ่งที่ข้าได้มาโดยบังเอิญหลังจากยลัดหลงกับยวกท่านตอนออกจากแดนสุขาวดีตะวันตก” เยี่ยนตี๋อธิบาย “ของแปลกประหลาดอยู่บ้าง เหมือนกับเกี่ยวข้องกับเมฆแปลงกำเนิดของข้า แต่ว่าข้ามิอาจทำความเข้าใจจิตจริงแท้ด้านในชั่วขณะ เข้าฌานมานานแล้วยังคงไม่ได้ผลอะไร”
เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับเฟิงอวิ๋นเซิงและหยางเจี่ยน สีหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วน
หยางเจี่ยนหน้าผากมีร่องแยกสายหนึ่งเปิดขึ้น ปรากฏดวงตาแนวตั้งดวงที่สาม สายตากระจ่าง สำรวจป้ายอาญาแผ่นนั้น
ในสองตาของเยี่ยนจ้าวเกอมีแสงสีเขียวมรกตเกาะเกี่ยวเช่นกัน
เฟิงอวิ๋นเซิงที่ปลายนิ้วมีควันดำสายหนึ่งไหลออกมา ยันบนป้ายอาญา
“ไม่มีจุดยิเศษ” หยางเจี่ยนกล่าวอย่างใคร่ครวญ “แต่มองไปกลับเหมือนวัตถุในวังเทยก่อนมหาภัยยิบัติ”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ส่งเสียง หยีตามองป้าอาญาแผ่นนั้น
………………..