ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1732 ความยากของฟ้ากำเนิด
“พี่ร่วมเส้นทางกล่าวถูกต้องที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เรื่องราวอยู่ที่คน ข้าจะพยายามสุดความสามารถ”
ภัยพิบัติฟ้ากำเนิดจากเซียนกำเนิดสุญญตาถึงเซียนสวรรค์มหาชาล ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สร้างความลำบากแก่อัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วน
ตัวอย่างไกลไม่พูดถึง เช่นนักบวชฮุ่ยอั้นมู่จาแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกก่อนหน้านี้
จ้าวปีศาจร้อยตาแห่งเผ่าปีศาจที่โด่งดังในยุคโบราณตอนกลาง มีความสามารถต่อสู้กับผู้เข้มแข็งระดับมรรคาส่วนหนึ่ง
บุคคลที่เป็นเช่นนี้มีมากมายเกินจะนับไหว
ไม่อย่างนั้น ในอดีตก็ไม่ถึงกับมีบุคคลโดดเด่นระดับสุญญตาจำนวนมากอย่างจินจา หลี่ว์เยว่ กระบี่พุทธะ พากันหันไปเข้าร่วมกับแดนสุขาวดีบัวขาวและโถงเซียน
พวกหยางเจี่ยน นาจา ซุนเห้งเจีย จักรพรรดิจื่อเวยในอดีต พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ สั่วหมิงจางในปัจจุบัน ย่อมขึ้นเป็นเซียนสวรรค์มหาชาล หรือว่ามีความหวังได้เป็นเซียนสวรรค์มหาชาล มองไปเหมือนผู้ประสบความสำเร็จไม่น้อย
แต่นั่นกลับเป็นคนจำนวนน้อยนิดไม่กี่คนที่ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางคนมากมายเหลือคณานับในกาลเวลาอันแสนยาวนาน
สำหรับคนส่วนใหญ่ พอพูดถึงภัยพิบัติฟ้ากำเนิด อาจะเป็นร่องน้ำธรรมชาติที่ยากข้ามผ่าน
เซียนสวรรค์มหาชาลที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ถ้าหากไม่นับเส้นทางนอกรีต ความจริงส่วนใหญ่ล้วนเป็นยอดฝีมือผู้เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ผ่านลมผ่านฝนมานานปี
คนแรกๆ ถึงขั้นสืบสาวย้อนไปถึงก่อนที่ฟ้าดินจะถูกเปิดผ่า กำเนิดขึ้นก่อนการเบิกฟ้า
พวกเขาถูกโชคชะตาแห่งยุคสมัยเป็นคลื่นชะล้าง และค่อยๆ สั่งสมทีละนิดๆ ผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด
คนที่ถือกำเนิดหลังเข้าสู่ยุคสมัยนี้ จากนั้นขึ้นสู่ระดับมหาชาล ความจริงมีจำกัดยิ่ง
ส่วนคนที่ถือกำเนิดหลังมหาภัยพิบัติ เหยียบย่ำบนเส้นทางบำเพ็ญสายนี้ ทั้งสำเร็จร่างมหาชาล ยิ่งมีน้อยกว่า
พวกเยี่ยนจ้าวเกอต่างยินดีที่สำนักเต๋าค่อยๆ มีสภาพรุ่งเรือง อัจฉริยะทยอยโผล่มา คนรุ่นหลังที่โดดเด่นปรากฏไม่ขาดสาย
ทว่าความจริงทุกคนก็เข้าใจดีว่า ในคนจำนวนมากมายนี้ ผู้ที่เหยียบย่ำระดับเซียน ภายใต้การสั่งสมเวลา บางทีไม่ขาดแคลน แต่คิดจะทำให้ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด สามบุปผาบนกระหม่อม คนส่วนใหญ่ในส่วนใหญ่ต่างไร้ความหวังตลอดชีวิต
เขากว่างเฉิงที่ปัจจุบันชื่อเสียงลือเลื่ยง ได้รับการกำหนดตำแหน่งโดยพวกเยี่ยนจ้าวเกอ รับลูกศิษย์ลูกหามากมาย มีอัจฉริยะรวมตัวกัน ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
ต่อให้เป็นการสืบทอดวรยุทธ์ที่สุดยอดยิ่งกว่า มีเงื่อนไขทรัพยากรที่สมบูรณ์กว่า การสั่งสมกาลเวลาเพียบพร้อมกว่า ก็เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ไม่ได้
คำกล่าวที่ว่ายิ่งใกล้ระดับมรรคายิ่งลำบาก เป็นเช่นนี้เอง
มียอดคนแค่หยิบมือ อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ คนร้ายกาจในหมู่คนร้านกาจ จึงจะมีความเป็นไปได้เล็กน้อย ฝ่าฟันขวากหนาม เดินไปถึงตอนท้ายได้
ความเป็นไปได้ที่มากยิ่งกว่าคือได้รับการขัดขวางกลางทาง ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์
ในนี้ย่อมไม่ขาดสหายร่วมสำนักของเยี่ยนจ้าวเกอ หรือคนที่เขามีความสัมพันธ์อันดี
ถึงขั้นกล่าวได้ว่าส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้
แม้แต่ตัวเยี่ยนจ้าวเกองเอง เทวกษัตริย์น้อยที่ศักยภาพพรสวรรค์เป็นอันดับหนึ่ง แทบกำหนดตำแหน่งแห่งมหาชาลได้ซึ่งผู้คนยอมรับกัน กล่าวอย่างปากไม่ดีสักประโยค ถ้าหากเขาประสบภัยพิบัติใหญ่หลวงอย่างเหนือความคาดหมาย รากฐานเสียหาย ระดับเซียนสวรรค์มหาชาลนั้นอาจจะห่างออกจากเขา จากสิบได้เก้ามั่นคงเป็นอยู่ไกลมิอาจเอื้อมถึง เกิดเป็นเรื่องน่าเสียดายแห่งยุคสมัย
พวกมารเงากับหนอนเก้าเศียรเมื่อก่อนหน้าสู้กับเขา ไม่แน่ว่าจะมีความหวังสังหารเขาตายคาที่ได้แน่นอน
หากสร้างความเสียหายให้แก่เขาได้ พวกคู่ต่อสู้ก็พอใจแล้ว
ที่ก่อนหน้านี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอและเกาชิงเสวียนอดทน ไม่ปลุกอวี่เยว่ขึ้นมา ใช้ความคิดและเวลามากมาย ค้นหาของวิเศษอย่างหยกหยุดวิญญาณ ก็เพื่อให้อวี่เย่ไม่เหลือเพทภัยหลังจากหายดี และเพื่อสาเหตุนี้
คนที่มีศักยภาพมีน้อยสุดขีดอยู่แล้ว ผลกระทบที่เล็กน้อยใดๆ ก็ตาม อาจทำให้ศักยภาพมิอาจแสดงออกมา
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหยางเจี่ยนไม่ถือสากับการชี้แนะ ต้องการช่วยร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกออีกแรง
โอกาสมีน้อย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอมีพื้นฐานดีพออยู่แล้ว ทั้งยังสอดประสานกับวิชาแปดเก้าขนาดนี้
แข็งแกร่งแข็งแกร่งผสมกัน เหมือนกับพยัคฆ์ติดปีก มีความหวังมากกว่าเดิมในการทะลวงข้ามร่องน้ำธรรมชาติอย่างภัยพิบัติฟ้ากำเนิด
ถึงจะเป็นเช่นนี้ จะสำเร็จหรือไม่ ยังคงอยู่ระหว่างสองความเป็นไปได้
“ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเจ้ามีพื้นฐานดียิ่ง กายเนื้อเลือดลมเดิมทีแข็งแกร่ง ทั้งยังผสมผสานหลอมเปลี่ยนเลือดปีศาจหลายชนิด บรรลุเส้นทางการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง หากฝึกฝนวิชาแปดเก้าอีก เรื่องราวจะง่ายดายกว่าเดิม” หยางเจี่ยนพูด “เพียงแต่ความสามารถเล็กๆ น้อยจำนวนมาก ยังต้องตั้งใจรวบรวม กลับไม่อาจรีบร้อน ไม่อย่างนั้นรากฐานไม่มั่นคง สามบุปผาก็ไร้ความหวัง”
“พี่ร่วมเส้นทางกล่าวถูกต้องที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกอขอบคุณหยางเจี่ยน จากนั้นร่างของเขาก็ส่ายเล็กน้อย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกโผล่ขึ้นด้านข้าง
ร่างจริงกับร่างแยกนั่งขัดสมาธิในนิวาสสถานของเยี่ยนตี๋ ฟังหยางเจี่ยนถ่ายทอดอธิบายความลี้ลับของวิชาแปดเก้า
เฟิงอวิ๋นเซิงกับเยี่ยนตี๋ลุกขึ้นจากไป
หยางเจี่ยนปากบรรยายความลี้ลับหลักของวิชาแปดเก้าเสร็จ ก็มอบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งแก่เยี่ยนจ้าวเกอ ด้านในบันทึกรายละเอียดของวิชา ให้เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ ศึกษาค้นคว้าต่อจากนี้
หลังจากเตร็ดเตร่หลายวัน สนทนาถกเต๋าทุกวัน หยางเจี่ยนก็บอกลาพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ออกจากเขากว่างเฉิง ผละจากฟ้าเหนือฟ้า ไปจากสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย
เขานำป้ายอาญาแผ่นนั้นไปยังวังดุสิต หวังว่าจะได้พบเหล่าจวิน
ไม่ทราบว่าสมควรบอกว่าไม่เหนือความคาดหมายหรือไม่ หยางเจี่ยนไปแล้วกลับมา ส่งคืนป้ายอาญาอย่างรวดเร็ว
การไปในครั้งนี้ยังคงไม่อาจพบเหล่าจวิน เกี่ยวกับป้าอาญาและเมฆแปลงกำเนิดมีความเกี่ยวข้องกับเหล่าจวินหรือไม่ ยังคงไม่ชัดเจน
พระอาจารย์เสวียนตูกลับบอกว่าตนไม่ทราบเรื่องนี้แม้แต่น้อย แต่ว่าทางเหล่าจวินถึงอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน
“ของสิ่งนี้…” หลังจากส่งหยางเจี่ยนไปแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ชั่งน้ำหนักป้ายอาญาในมือ ครุ่นคิดไม่พูดจา
“ให้ข้าลองอีกครั้งเถอะ ฝึกฝนร่วมเมฆแปลงกำเนิดในยามปกติได้ ไม่เสียเวลา” เยี่ยนตี๋กล่าว
เยี่ยนจ้าวเกอเม้มปาก มอบป้ายอาญาให้เยี่ยนตี๋
ชายหนุ่มออกมาจากนิวาสสถานของเยี่ยนตี๋ ทางหนึ่งออกจากสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย ทางหนึ่งใคร่ครวญ
ด้านนอกสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด เฟิงอวิ๋นเซิงเข้ามาหา “ท่านสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ”
“ถึงอย่างไรก็อาจเกี่ยวพันกับเจ้ามรรคาสักคน กลับไม่ทราบว่าอีกฝ่ายคิดทำอะไร เป็นมิตรหรือศัตรู” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “แต่ว่าเบาะแสในมือมีน้อยเกิดไป ยากจะแยกแยะ”
เขาส่ายหน้า “ช่างเถอะ ไม่คิดแล้ว”
“ต้องการไปสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อไหม?” เฟิงอวิ๋นเซิงเปลี่ยนหัวข้อ “ก่อนหน้านี้ยุ่งกับเรื่องที่พี่ร่วมเส้นทางนาจาท้าสู้ทีปังกรพุทธะ ยังมีการปรากฏขึ้นอีกครั้งของธงเหลืองโบ่วกี้ ครั้งนี้หลังท่านออกฌาน ก็ไม่มีเวลาไปทางสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่ออีก”
“กำลังจะไปที่นั่นพอดี” เยี่ยนจ้าวเกอใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่าฮานหลงเอ๋อร์อยู่ที่นั่นปรับตัวให้ชินได้หรือไม่?”
“ไปด้วยๆ” พูดถึงอิงหลงถูก เฟิงอวิ๋นเซิงก็หัวเราะขึ้น “ท่านให้ภารกิจที่ยากจัดการแก่เขา เขาคงกลุ้มยิ่ง”
“ศิษย์พี่สวีเป็นเจ้าสำนัก ย่อมมิอาจปลีกตัวได้ ศิษย์น้องซือคงเกี่ยวพันกับเศษศิลาฟ้ากำเนิด ไม่สะดวกเฝ้าที่นี่คนเดียว” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ศิษย์น้องเซี่ยกับจวินเอ๋อร์ยินดีจะออกท่องโลกมากกว่า ข้าไม่อาจรั้งพวกเขาไว้ที่นี่ ฮานหลงเอ๋อร์ชอบอยู่นิ่งๆ ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดมีแค่เขาแล้ว”
“นี่ความจริงเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งต่อเขา ส่งผลดีต่อการฝึกฝนของเขา”
คนทั้งสองพลางหนึ่งพูดคุย ทางหนึ่งเข้าไปในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ
ในจักรวาลแห่งนี้ ตอนนี้มีแสงดาวสว่าง โลกจำนวนมากจัดเรียงอยู่ด้านใน
………………..