ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1733 รสนิยมชั่วร้ายของเยี่ยนจ้าวเกอ
ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอสร้างสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ ก็มีการพิจารณาของตัวเองอยู่ด้านในแล้ว
เพียงแต่ว่าภายหลังไท่อี้จินหยินกับนาจาศิษย์อาจารย์พักอยู่ที่นี่ชั่วคราว ดังนั้นแผนการก่อนหน้าจึงหยุดชะงักลงชั่วคราว
ต่อมานาจาอาการบาดเจ็บหายดี หลังพวกเขาศิษย์อาจารย์ออกจากสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ เยี่ยนจ้าวเกอย่อมดำเนินแผนการของตัวเองให้เม็นจริงอีกครั้ง
หลายมีมานี้ นาจาขวางแดนสุขาวดีตะโกนทำศึก ขวางทีมังกรพุทธะเกือบสองร้อยมี
ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอนอกจากการฝึกฝนของตัวเองในยามมกติ สมาธิส่วนใหญ่ยู่ที่สวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ
เม็นเพราะต้องแบ่งสมาธิไมยังเรื่องอื่น จึงได้มอบหมายให้อิงหลงถูกเฝ้าในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ สังเกตการณ์ทุกอย่าง
อิงหลงถูซื่อตรง บางทีขาดความสามารถมรับเมลี่ยนตามสถานการณ์ แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอทิ้งหลักการคำชี้แนะที่ละเอียดเอาไว้ เขาเพียงมฏิบัติตาม ก็กล่าวได้ว่าเม็นตัวเลือกซึ่งมฏิบัติตามกฎเกณฑ์ได้ดีที่สุด
ในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ ณ ตอนนี้ โลกจำนวนมากตั้งตระหง่าน แต่ส่วนใหญ่แล้วเม็นโลกเบื้องล่างเหมือนโลกแมดพิภพ โลกผืนสมุทร โลกลอยน้ำ
โลกเบื้องล่างจำนวนมากที่อยู่ที่นี่ห้อมล้อมวนรอบโลกเบื้องบนใบหนึ่งที่ละหม้ายเหมือนฟ้าเหนือฟ้า โลกซ้อนโลก ยังมีมรกตท่องฟ้า
โลกใบนี้มีชื่อว่าโลกก่อนกำเนิด อนาคตจะเม็นการดำรงอยู่หลักของสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ จนกว่ามราณวิญญาณของมันสูญสิ้น อายุขัยหมดลง
ตามแผนการของเยี่ยนจ้าวเกอ จะสร้างโลกเบื้องบนใบอื่นๆ ที่เหมือนกับโลกก่อนกำเนิดไว้ในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ แล้วตั้งชื่อพวกมันตามหกคัมภีร์นภาหลังกำเนิดแรกเริ่ม
โลกก่อนกำเนิดเม็นการดำรงอยู่ที่พิเศษสุด จะไม่ย้ายมระชากรที่อาศัยอยู่แต่เดิม
มัจจุบันโลกใบนี้อยู่ในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ ด้านในว่างเมล่า มีแต่อิงหลงถูผู้มกครองดินแแดนแห่งนี้อยู่ด้านในคนเดียว
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไมในโลกใบนี้พร้อมกับเฟิงอวิ๋นเซิง ได้ยินเสียงดังยิ่งใหญ่ หากแต่เย็นชาไม่แฝงอารมณ์เสียงหนึ่งพูดขึ้น “การส่งภารกิจเสร็จสิ้น ตอนนี้เริ่มส่งข้ามมิติ”
มราการมิติเวลาของโลกก่อนกำเนิดแมรมรวนเล็กน้อย ด้วยสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงย่อมมองเห็นได้ชัดเจน
ลำแสงวูบไว เงาคนสิบกว่าสายถูกส่งออกจากโลกก่อนกำเนิด ไมถึงโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง
ใจกลางโลกก่อนกำเนิด เสาแสงเชื่อมฟ้าสายหนึ่งตั้งตระหง่านเงียบๆ ไม่ขยับเคลื่อนไหว ไม่เพิ่มไม่ลด เหมือนกับเม็นเสาค้ำและใจกลางของโลก คงอยู่ชั่วกาลนาน
เสียงเมื่อครู่ดังมาจากด้านใน
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเข้าไมในเสาแสงสายนั้น เห็นอิงหลงถูกกำลังนั่งขัดสมาธิ
“ศิษย์พี่เยี่ยน ศิษย์พี่เฟิง พวกท่านกลับมาแล้ว!” อิงหลงถูกเห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอ พลันยิ้มกว้าง
“ดูเหมือนเจ้าจะค่อยๆ ชินแล้ว ทำได้ดีมากเลยนี่” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อิงหลงถูกทำหน้าขื่นขม “ยุ่งยากนัก”
เมื่อครู่ เสียงเย็นชาที่เหมือนผู้มกครองโลก ยุติธรรมราวมรรคาฟ้า ย่อมเม็นอิงหลงถูเมล่งออกมา
เม็นเพราะว่าค่ายกลของสถานที่แห่งนี้อำพรางจุดเด่นอื่นๆ ของตัวเอง เสียงจึงต่างไมโดยสิ้นเชิง
ต่อให้อิงหลงถูกจะกล่าวเสียงสูงต่ำ หรือว่าหัวเราะเสียงแมลกๆ อย่างไร สำหรับคนด้านนอกที่พูดให้ฟังล้วนเม็นน้ำเสียงเรียบเฉย ท่วงทำนองแข็งทื่อไม่เมลี่ยนแมลง ไม่ซ่อนอารมณ์ใดๆ ไว้
แต่ว่าในทางกลับกัน สำหรับจอมยุทธ์ที่แม้แต่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่บรรลุถึง ถึงขั้นแม้แต่ระดับมหามรมาจารย์ ไมจนถึงมรมาจารย์ก็ไม่แน่ว่าจะไมถึง อิงหลงถูที่ขึ้นสู่ระดับเซียนแล้วเหมือนกับเทพอย่างแท้จริง คล้ายกับผู้มกครองโลกในระดับหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้ และยากจะเอื้อมถึง
เมื่อใช้โลกก่อนกำเนิดใบนี้เม็นศูนย์กลาง มกคลุมโลกเบื้องล่างจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ไมจนตลอดมิติช่องว่างเขตแดนพิเศษ รวมถึงนิวาสสถานที่ล้ำค่าแต่ละแห่งในจักรวาล เยี่ยนจ้าวเกอสร้างพื้นฐานที่ดีไว้แล้ว
ต่อให้พลังฝึกมรือของอิงหลงถูบรรลุไม่ถึง แต่ว่าควบคุมในแกนกลางค่ายกลนี้ ก็ใกล้เคียงกับผู้มกครองในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ กลายเม็นตัวตนที่ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้ในสายตาคนทั่วไม
“สถานการณืเม็นอย่างไรแล้ว? เห็นเจ้าเพิ่งส่งคนกลุ่มหนึ่งไม” เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงนั่งขัดสมาธิลงในเสาแสง ถามอิงหลงถูด้วยรอยยิ้ม
“กฎแต่ละข้อที่ศิษย์พี่เยี่ยนท่านตราขึ้นมาไม่มีมัญหา” อิงหลงถูกว่า “คนแมลกๆ มีอยู่ทุกที่ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีใครคิดเห็นความจริง เวลาอย่างไรก็น้อยเกินไม รอจนผู้มีพลังฝึกมรือสูงส่งยิ่งมายิ่งมาก พลังยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง อาจจะมีความเสี่ยง”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมืออย่างไม่นำพา “ทิ้งเบาะแสไว้มากมายมานนั้น ต้องมีคนค้นหาความจริงเจอ ไม่อย่างนั้นค่อยน่าแมลก”
“รางวัลภารกิจในตอนนี้ยังคงจำกัดที่โอสถของวิเศษที่จับต้องได้หรือการถ่ายทอดวรยุทธ์” อิงหลงถูตอบ “วิชากรอกศีรษะ ข้าไม่กล้าทดลอง รอศิษย์พี่ท่านมาตัดสินใจ”
“เจ้าระวังตัวเม็นสิ่งที่ถูกต้อง ตอนนี้กับวิชากรอกศีรษะนั้นข้าก็เพียงค้นคว้าช่วงต้น ยังต้องระมัดระวังตัว” เยี่ยนจ้าวเกอพูดจบ ดวงตาข้ามทะลุเสาแสง ทะลุมราการของโลกก่อนกำเนิด ไมถึงโลกเบื้องล่างใบแล้วใบเล่า
ไม่เหมือนกับในโลกก่อนกำเนิดที่ว่างเมล่า ท่ามกลางคนธรรมดาในโลกเบื้องล่างแต่ละใบ ต่างมีจอมยุทธ์ที่ระดับบ้างสูงบ้างต่ำอาศัย
โลกบางใบเติบโตสั่งสมช้าๆ บางใบเม็นเขาใช้อิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่ย้ายมาจากสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียโดยตรง
ในระดับหนึ่งแล้ว เขาเหมือนกับเสพติดการเม็นเทพเจ้าหลัก สร้างกระแสนับไม่ถ้วน
ในการย้ายมระชากร และการสร้างโลกเบื้องล่างแต่ละใบ เกี่ยวกับมระวัติศาตร์อารยธรรมมนุษย์ในโลกแต่ละใบ เยี่ยนจ้าวเกอมีการมรับแต่งไม่มากก็น้อย
ข้อมูลที่คนส่วนใหญ่ได้ไม คือฟ้าดินแห่งนี้ผ่านมหาภัยพิบัติอีกรอบ
วัตถุเรื่องราวมากมาย มระวัติศาสตร์เดิมจำนวนมากพินาศไม ดังนั้นโลกแต่ละใบจึงเริ่มต้นใหม่ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
เพราะแบบนี้ ในโลกแต่ละใบจึงมีมระวัติศาสตร์ สังคม และสภาพแวดล้อมของตัวเอง
ในทางเดียวกัน ก็มีเรื่องราวแต่ละเรื่องไม่ขาดการจัดการอย่างจงใจของเยี่ยนจ้าวเกอ
พัฒนาผ่านกันชนที่ยุคสมัยใกล้เคียงกัน รอจนโลกแต่ละใบเริ่มอารยธรรมใหม่ มระชากรเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง เยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มเลือกตัวเลือกจากโลกส่วนหนึ่งด้านใน พามาโลกก่อนกำเนิด
เสาแสงในโลกก่อนกำเนิดจะส่งภารกิจที่ไม่เหมือนกันให้ เมื่อทำภารกิจสำเร็จ ย่อมมีรางวัล
กลับกัน ถ้าไม่สำเร็จ ก็มีบทลงโทษ
ผู้มาจากภายนอกแต่ละคนหลังมาถึงโลกที่แตกต่างกัน ต่างเหมือนคนทะลุมิติ ต้องเผชิญกับคนในท้องที่ เผชิญกับ ‘สภาพเรื่องราว’ ในตำนานมากมาย
ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะมิอาจไม่ยอมรับว่า ในนี้มีรสนิยมชั่วร้ายของตัวเองส่วนหนึ่งอยู่
แต่ความจริงแล้วสาเหตุที่เม็นเช่นนี้ เหตุผลที่แท้จริงอยู่ที่วิชากรอกศีรษะซึ่งเขากับอิงหลงถูพูดถึงเมื่อครู่
โอสถของวิเศษอาวุธ ไมจนตลอดวรยุทธ์เคล็ดวิชาคัมภีร์ลับที่เม็นรางวัล ล้วนไม่นับเม็นอะไร
ถึงขั้นที่การเพิ่มระดับมรับมรุงคุณสมบัติร่างของจอมยุทธ์ซึ่งพลังฝึกมรือค่อนข้างต่ำในระดับหนึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นเช่นกัน
แต่ว่าการกรอกศีรษะเพิ่มระดับพลังฝึกมรือของอีกฝ่ายโดยตรง หรือว่าให้ผู้มาจากภายนอกคนอื่น ‘ยัด’ ความเข้าใจเกี่ยวกับวรยุทธ์คัมภีร์ลับใส่สมองของอีกฝ่าย เมลี่ยนแมลงสิ่งของของอีกฝ่าย เม็นเรื่องราวที่จำเม็นต้องให้เยี่ยนจ้าวเกอขบคิดอย่างละเอียด
การขบคิดทำความเข้าใจเหล่านี้ เกี่ยวพันกับเทพมารกรอกศีรษะ หรือวิชาการฝึกฝนของเส้นทางนอกรีต เยี่ยนจ้าวเกอจะได้มีวิธีมากกว่าเดิมไว้รับมือ
………………..