ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1736 ยกมือยกเท้าเปิดฟ้าดิน
เผชิญกับคำบ่นของเฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนจ้าวเกอเผยใบหน้าน้อยใจ “เป็นการสวมชุดแพรเดินยามวิกาล[1] ข้าถือว่าทำตัวไม่เด่นแล้วนะ”
เฟิงอวิ๋นเซิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
“ศิษย์พี่เยี่ยน ข้าโง่เขลา คิดคำมาสรรเสริญท่านไม่ออก แต่ข้าทราบว่าทุกคนล้วนเลื่อมใสท่านยิ่ง” อิงหลงถูพูดอย่างไม่แน่ใจอยู่ด้านข้าง “แต่ท่านชมตัวเอง มักรู้สึกทะแม่งๆ อยู่บ้าง”
เขาติดตามอยู่หลังก้นเยี่ยนจ้าวเกอจนเติบใหญ่ ในใจยกย่องศิษย์พี่ที่เก่งกาจผู้นี้ถึงที่สุด บารมีของเยี่ยนจ้าวเกอในใจของเขายังเหนือกว่าพวกเยี่ยนตี๋และสือเถี่ยเสียอีก
โดยพื้นฐานแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอให้เขาไปตะวันออก เขาไม่มีทางไปตะวันตก เยี่ยนจ้าวเกอให้เขาทุบตีสุนัข เขาไม่มีทางจับไก่
ในความคิดที่บริสุทธิ์เรียบง่ายของอิงหลงถู ความมั่นใจที่มีต่อเยี่ยนจ้าวเกอที่แล้วมาไม่เคยเกิดข้อกังขา
แต่ตอนนี้ต่อหน้าความหน้าหนากับรสนิยมชั่วร้ายของเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงแม้อิงหลงถูจะแน่วแน่ไม่สั่นคลอน จัดการตามกฎระเบียบ ส่งผู้ทดสอบที่กระตุ้นภารกิจห่วงโซ่ยาวเส้นนี้ไปทดลองทำภารกิจให้สำเร็จ แต่ตอนนี้นึกถึงเนื้อหาภารกิจก็รู้สึกทนดูไม่ได้อยู่บ้าง
“เฮ้อ พวกเจ้านี่นะ…” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าทอดอาลัย สะท้อนใจ
“อยู่ดีๆ ท่านก็ชอบเปลี่ยนเป็นเด็กน้อยตลอด” เฟิงอวิ๋นเซิงมองเขาอย่างอับจน
“ก็ได้ๆ จะจริงจังแล้วๆ” เยี่ยนจ้าวเกอกระแอมสองครั้งก่อนจะพูดกับอิงหลงถู “ฮานหลงเอ๋อร์ เจ้ารับหน้าที่ด้านโลกก่อนกำเนิดต่อ เห็นเจ้าค่อยๆ ชิน ต่อจากนี้ข้าจะมอบภาระให้เจ้าแล้ว”
อิงหลงถูใบหน้าฉายแววขื่นขม “ครั้งนี้ที่ศิษย์พี่มาคิดจะเปิดผ่าโลกเบื้องบนเช่นโลกหยินหยางและโลกทันใจหรือ”
“มิผิด” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ถึงจะเป็นโลกเบื้องบนเหมือนโลกก่อนกำเนิด แต่หน้าที่ต่างกัน โลกก่อนกำเนิดยังเป็นแกนกลางหลักตลอด โลกที่สร้างขึ้นใหม่จะเข้าสู่การปกครองของโลกก่อนกำเนิดเหมือนโลกเบื้องล่างเหล่านั้น”
“ข้าจะจัดการการทำงานของค่ายกลและเส้นสายปราณวิญญาณเอง เจ้าไม่ต้องห่วง”
ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะพูดแบบนี้ แต่สีหน้าอิงหลงถูราวกับมะระขม พยักหน้ารับไว้อย่างจนปัญญา
เยี่ยนจ้าวเกอออกจากโลกก่อนกำเนิดพร้อมเฟิงอวิ๋นเซิง ฝ่ายเฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮานหลงเอ๋อร์น่าน้อยใจกว่าท่านแล้ว”
“ด่านนี้เขาไม่อาจไม่เดิน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “บางคนจำเป็นต้องสงบใจฝึกฝน สิ่งที่ขาดคือเวลาใช้น้ำบด สั่งสมตกตะกอน แต่ว่ามีคนบางคนกลับไม่ใช่เอาแต่อดทนเข้าฌานฝึกฝนอย่างเดียวแล้วจะพอ พวกเขาจำเป็นต้องฉุกคิดจากสถานการณ์ที่คล้ายๆ กัน จำเป็นต้องสัมผัสกับเรื่องราวนอกจากมรรคายุทธ์มากกว่าเดิม แบบนี้จึงจะพัฒนาขึ้นอีกขั้นได้”
อิงหลงถูเป็นพวกหลัง
ระดับพลังฝึกปรือยิ่งสูง ความก้าวหน้ายิ่งลำบาก ทิศทางและวิธีการการมุ่งไปด้านหน้าของแต่ละคน ความแตกต่างมักยิ่งมายิ่งใหญ่ จนกระทั่งสุดท้ายถึงขั้นพันแปลกร้อยพิสดาร เดี๋ยวลงใต้เดี๋ยวขึ้นเหนือ
คนบางคนจำเป็นต้องสงบใจฝึกฝน ตกตะกอนอย่างต่อเนื่อง ทบทวนตัวเองต่อเนื่อง
คนบางคนคว้าจับประกายไฟและแสงกะพริบวาบจากการปะทุของแรงบัลดาลใจได้ในการต่อสู้กับคนอื่น ไปจนถึงการทำศึกจริง และพริบตาเป็นตายอย่างไม่หยุดหย่อน
คนบางคนพักเป็นระยะเวลายาวนาน หยุดนิ่งไม่ไปข้างหน้า แต่ว่าคัมภีร์วรยุทธ์ส่วนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยแตะต้องมาก่อน ทำให้เขานึกออกอย่างฉับพลัน ทำลายคอขวดได้ในทันที
ปัจจัยต่างๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่ง
ในสถานการณ์การฝึกฝน คนบางคนอาจจำเป็นต้องถอนตัวออกมาจากในทะเลมรรคายุทธชั่วคราว ชำระล้างจิตใจ รอในตอนที่กลับมาอีกครั้งในภายหลัง ก็จะก้าวหน้าหมื่นลี้ในวันเดียว พุ่งทะยานอย่างฉับพลัน
สถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมในนี้ ต่างไปตามแต่ละคน วิธีที่ใช้ก็ไม่เหมือนกัน
อย่างเช่นคนส่วนหนึ่งเพลิดเพลินกับพิณหมากล้อมหนังสือการวาดภาพ หรือว่าการทำนาพรวนดิน คนบางส่วนหลอมรวมวิถีชีวิตของคนธรรมดาสามัญ เข้าใจทราบซึ้งในเรื่องราวทั่วไป และสังคมบนโลก
เหล่านี้ล้วนเป็นวิธีการฝึกฝน สุดท้ายแล้วจะตรงไปทางเดียวกัน
ความจริงเยี่ยนจ้าวเกอเปิดผ่าโลกใบแล้วใบเล่า ก็เป็นการพัฒนาอย่างหนึ่งต่อการฝึกฝนของเขาเช่นกัน
ตอนนี้เขาอยู่ในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ ใช้จิตแห่งหลักการของสามยอดวรยุทธ์ได้แก่คัมภีร์เปิดนภาหยกพิสุทธิ์ ดัชนีเทพปฐมกำเนิดเอกพิสุทธิ์ กับคัมภีร์ยุคหลงฮั่นเหนือพิสุทธิ์เสริมร่าง
สามวรยุทธ์ที่เป็นสัญลักษณ์การเปิดผ่าฟ้าดิน และจุดเริ่มต้นของสรรพวัตถุ วินาทีนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างเลือนราง กลายเป็นวรยุทธ์ใหม่อีกชนิดหนึ่ง ลี้ลับไร้ขอบเขต
เยี่ยนจ้าวเกอก้าวเดินในความว่างเปล่า พร้อมกับการมุ่งไปด้านหน้าของเขา มิติเวลาของจักรวาลในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อพากันกระเพื่อมขึ้นมา
เยี่ยนจ้าวเกอเดินทีละก้าวๆ ด้านหลังของเขาเป็นดินน้ำลมไฟที่ปั่นป่วน ตัดสลับซับซ้อน จากนั้นก็สงบลง
ในระหว่างที่มิติเวลานี้สงบนิ่งอีกครั้ง ก็มีหยินหยางแยกตัว เกิดอาณาเขตแห่งใหม่กำเนิด กลายเป็นโลกอันเป็นเอกเทศ
ในโลกปราณพิสุทธิ์ลอยขึ้น ปราณขุ่นจมลง เริ่มแสดงทิวทัศน์ฟ้าดิน เกิดภูเขาลำธารทะเลสาบมหาสมุทร
มหาสมุทรแห้งเหือดเป็นผืนนา วันคืนเคลื่อนคล้อย กลิ่นอายของชีวิตปรากฏจากภายใน
เยี่ยนจ้าวเกอเดินเป็นวงด้านในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ อ้อมอยู่หกรอบ ทิ้งโลกใบใหม่หกใบไว้ด้านหลัง
โลกเหล่านี้เริ่มเปลี่ยนแปลงช้าเร็วไม่เท่ากัน ต่างก็เห็นโครงสร้างแรกสุด
ขอบเขตโลกยังไม่นิ่ง แต่ก็เห็นได้แล้วว่า ขนาดยังใหญ่ยิ่งกว่าโลกเบื้องล่างหลายใบที่กระจัดกระจายในจักรวาล ณ ตอนนี้มาก
รอปราการขอบเขตของโลกเบื้องบนหกใบแข็งแรงดีแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ลงมืออีกรอบ โลกเบื้องล่างมากมาย วาดอาณาเขตของใครของมัน แยกกันสร้างการเชื่อมต่อกับโลกเบื้องบนหกหมื่นใบนี้ โลกเบื้องบนแต่ละใบ ต่างดูแลอาณาเขตหนึ่ง ปกครองโลกเบื้องล่างในอาณาเขต
ภายหลัง ในโลกเบื้องล่างแต่ละใบที่อยู่ในอาณาเขตอวกาศ ระดับของจอมยุทธ์เมื่อเพิ่มขึ้น สามารถเหยียบย่ำอาณาเขตใหม่ได้เหมือนการเดินทางจากโลกแปดพิภพไปยังโลกซ้อนโลก
โลกจำนวนมากที่สุดอยู่ที่นี่ต่างยังคงวนรอบๆ โลกก่อนกำเนิดต่อไป
เยี่ยนจ้าวเกอสองมือปรับเปลี่ยนเคล็ดวิชาไม่หยุด ในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อมีแสงหลายสายสว่างขึ้น
ตราอาคมร้อยล้านหมื่นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ซ่อนในความว่างเปล่า ตอนนี้ต่างเปล่งประกายแสง จากนั้นก็เชื่อมต่อกันเป็นอักขระอาคมสายแล้วสายเล่า กอปรเป็นค่ายกลขนาดมหึมาค่ายหนึ่ง
ค่ายกลใช้โลกก่อนกำเนิดเป็นศูนย์กลาง โลกจำนวนมากในจักรวาลแห่งนี้ล้วนถูกเก็บไว้ด้านใน
ตอนนี้ค่ายกลทำงาน เปลี่ยนแปลงจับกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
โลกเบื้องบนหกใบใหม่ รวมถึงอาณาเขตอวกาศหลายแห่งที่เป็นรูปเป็นร่าง ต่างก็ถูกหลอมรวมเข้าไปอยู่ในการปกคลุมของค่ายกล
ขนาดของค่ายกลขยายขึ้นอีกขั้น
แต่เป็นเพราะใหญ่เกินไป การหมุนวนของค่ายกลในที่สุดปรากฏการหยุดชะงัก
เยี่ยนจ้าวเกอทำมุทรามือท่าหนึ่ง ยกอีกมือขึ้นชี้ใส่อากาศ
เสียงกลองตูมๆๆ ดังไปทั่วสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ กลองไต่สวรรค์อันเป็นอาวุธเซียนมหาชาลปรากฏด้านในความว่างเปล่าของจักรวาล
เสียงกลองไม่ขาดหู กลองใหญ่เปลี่ยนเป็นลำแสง พุ่งเข้าไปในโลกก่อนกำเนิด จากนั้นเสียงค่อยๆ เบาลง แล้วหายไปในที่สุด
เมื่อมีกลองไต่สวรรค์คอยควบคุม การหมุนวนของค่ายกลขนาดมหึมาค่ายนั้นพลันกลับคืนสู่สภาพเดิม ทั้งยังรวดเร็วขึ้น
“ต่อจากนี้เตรียมย้ายคนแล้ว?” เฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้างถามขึ้น “โลกเบื้องบนต่างจากโลกเบื้องล่าง ระดับการอพยพต้องเพิ่มหรือไม่?”
“นั่นกลับไม่จำเป็น สภาพแวดล้อมของโลกเบื้องบนได้เปรียบกว่าโลกเบื้องล่าง การพัฒนาในเวลาใกล้เคียงกันย่อมเร็วกว่าโลกเบื้องล่าง” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “แต่จะมีประวัติศาสตร์เป็นของตัวเอง ยังจำเป็นต้องใช้เวลาบ้าง กลับเป็นสหายตัวน้อยเหล่านั้นในโลกเบื้องล่างกระตุ้นภารกิจห่วงโซ่ได้เร็วขนาดนี้ ต่อจากนี้จำเป็นต้องจับตาพวกเขา ทางที่ดีต้องช้าลงบ้าง”
เฟิงอวิ๋นเซิงพอฟัง นางก็กุมหน้าผากอย่างจนปัญญาอีกครั้ง
………………..
[1] สวมชุดแพรเดินยามวิกาล หมายถึง ปฏิบัติการอย่างลับๆ