ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1738 แผนการของเส้นทางนอกรีต
หลี่ว์เยว่มองหวังก่วนอย่างประหลาดใจอยุ่บ้าง
อีกฝ่ายก่อนหน้านี้มีท่าทางเกียจคร้านมาโดยตลอด ปกติไม่สนใจเรื่องใด เหมือนกับหลับไม่ตื่น
แม้แต่น้ำเสียงที่ใช้พูดคุยของหวังก่วน ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกขี้เกียจ ไม่กระตือรือร้น
ทว่าตอนนี้บนใบหน้าของหวังก่วน ไหนเลยยังมีลักษณะตาปรือซึมเซาเหมือนปกติ
ความอิดโรยในน้ำเสียงเหมือนกับทำงานมาทั้งวัน เหน็ดเหนื่อยถึงขีดสุด ไม่ใช่ครึ่งหลับครึ่งตื่น
ถ้าหาบอกว่าหวังก่วนในยามปกติต่างเป็นลักษณะที่นอนไม่พอทุกวัน เช่นนั้นเขาในตอนนี้ กลับเหมือนนอนไม่หลับติดต่อกันหลายวัน
ตั้งแต่หลี่ว์เยว่รู้จักหวังก่วน นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นท่าทางนี้ของหวังก่วน
ครั้งแรกเป็นตอนที่หวังก่วนได้รู้ว่าโอวสือหยางกลายเป็นมารเมื่อหลายพันปีก่อน
ถึงจะอยู่เส้นทางนอกรีต แต่ว่ากับผู้โดดเด่นรุ่นหลังอย่างพวกหวังก่วนและโอวสือหยาง ถึงพลังฝึกปรือยังต่ำ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโถงเซียนอย่างหลี่ว์เยว่ก็ให้ความสนใจเช่นกัน
เรื่องราวได้พิสูจน์แล้วว่า หวังก่วนในอดีต ปัจจุบันเหนือกว่าเหล่าเซียนแห่งโถงเซียนแล้ว
เพราะแบบนี้ ท่าทางผิดปรกติของหวังก่วนในตอนนี้จึงสะกิดความสนใจของหลี่ว์เยว่
“ท่านนึกเสียดายแทนฉวีซูหรือ?” หลี่ว์เยว่เอ่ยถาม
“เล็กน้อยกระมัง” หวังก่วนตอบอย่างเหน็ดเหนื่อย “ทั้งนึกเสียดายแทนพวกเรา”
หลี่ว์เย่ได้ยินพลันขมวดคิ้ว
หวังก่วนกับฉวีซูสะกดกันและกัน สู้กันมาหลายพันปี ต่างเป็นชนชั้นเลิศล้ำน่าทึ่ง พูดถึงพลังส่วนตัว ถึงขั้นเป็นสองอัจฉริยะของเส้นทางนอกรีต
ในระหว่างที่ต่อสู้กันไม่หยุด ต่างชมเชยกัน แสดงความเข้าใจกัน ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ถึงแม้ว่าหลี่ว์เยว่จะไม่มีประสบการณ์คล้ายๆ กัน แต่ก็เข้าใจได้คร่าวๆ ถึงอย่างไรนิสัยของคนกับคนย่อมไม่เหมือนกัน
เทียบกับคนในเส้นทางนอกรีตคนอื่นๆ แล้ว ผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลนึกถึงอำนาจของตัวเองมากกว่า
ดังนั้นถ้าหวังก่วนรู้สึกนึกเสียดายแทนฉวีซู รู้สึกเศร้าใจเพราะศัตรูคู่อาฆาตตลอดมาตายด้วยมือคนอื่น หลี่ว์เยว่ไม่ประหลาดใจ แต่ดูจากตอนนี้ สถานการณ์เหมือนอยู่เหนือความคาดหมาย
“สหายร่วมเส้นทางหวัง ระวังคำพูดด้วย” หลี่ว์เยว่กล่าวอย่างแช่มช้า
หวังก่วนอดหัวเราะไม่ได้ “แดนสุขาวดีบัวขาวไม่มีฉวีซูแล้ว โถงเซียนมีข้าไม่มีข้า ความจริงก็ไม่สำคัญแล้วกระมัง? ในใจของสหายร่วมเส้นทางจำนวนมาก ข้ามกับฉวีซูตกตายร่วมกัน เดิมจึงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ถูกต้องหรือไม่?”
“นั่นอยู่ในเงื่อนไขที่พวกเราทำลายล้างมารร้ายบัวขาว เทวกษัตริย์ไร้ประมาณหลุดพ้นสำเร็จ” หลี่ว์เยว่กล่วอย่างราบเรียบ “ถ้าไม่อย่างนั้น ทุกอย่างก็เป็นแค่เรื่องล้อเล่น ไหนเลยมีหลักการยังไม่ทันสำเร็จ ก็แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเสียก่อน”
“ถูกต้อง มิผิด” หวังก่วนพยักหน้า “คนฝ่ายเดียวกันทุกคนคงจะเข้าใจหลักการที่อยู่ด้านในได้เหมือนพี่ร่วมเส้นทางหลี่ว์ ก่อนหน้านี้เป็นข้าพลั้งปากไป เพียงแต่ว่าทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในตอนสุดท้าย คงไม่มีใครอยากให้ล้มเหลวกระมัง? วันที่สำเร็จ ทุกสิ่งที่ควรมาสุดท้ายก็จะมา”
เขาหัวเราะอย่างเหน็ดเหนื่อย “พี่ร่วมเส้นทางหลี่ว์ พวกเราไม่เหมือนกัน เรื่องราวมากมายก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ท่านก็รู้เรื่องแล้ว แต่ข้ากลับเดินมาถึงวันนี้อย่างเลอะเลือนมึนงงตลอดทาง”
หลี่ว์เยว่มองหวังก่วน ตกสู่ความเงียบงันชั่วขณะ ครู่ต่อมาค่อยถามว่า “ดังนั้นตอนนี้ท่านต้องการทำอะไร?”
“เป็นเวลานี้แล้ว ยังทำอะไรได้?” เสียงของหวังก่วนค่อยๆ กลับสู่ความไม่ยี่หร่ะ เกียจคร้านผ่อนคลายเหมือนยามปรกติ
เขาเผชิญสายตาสงสัยของหลี่ว์เยว่ อดหัวเราะอย่างไม่อาจควบคุมอีกครั้ง “ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะไปแก้แค้นให้ฉวีซูกระมัง? ข้าไหนเลยมีความคิดอย่างนั้น มิสู้ไปหลับนอน มิสู้ไปหลับนอน…”
หวังก่วนเดินสะบัดก้นไป ทางหนึ่งเดิน ทางหนึ่งโบกมือให้แก่หลี่ว์เย่ “ข้าจะงีบชดเชย พี่ร่วมเส้นทางตามสบาย คิดเสียว่าอยู่ในตำหนักตัวเอง”
“ข้าย่อมไม่คิดว่าท่านจะไปแก้แค้นให้ฉวีซู” หลี่เยว่ใช้สายตาส่งเงาหลังหวังก่วนออกไป ยืนนิ่งกับที่ “แต่ว่า…”
สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า หมุนตัวออกจากตำหนักที่หวังก่วนอยู่
‘ก่อนตัดสินใจ ก็รู้เรื่องแล้ว?’ หลี่ว์เยว่หยีตา ในห้วงสมองปรากฏอานุภาพอันน่ากลัวของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน บังเกิดใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ สั่วหมิงจาง หยางเจี่ยน และนาจา ปรากฏภาพที่สวรรค์สำนักเต๋าในปัจจุบันมีสภาพรุ่งเรืองเหมือนในอดีต
‘เหอะๆ’ หลี่ว์เย่สีหน้าสงบนิ่งเหมือนเดิม ‘ต่อให้รู้ แล้วเกี่ยวข้อกับข้านักหรือ? เสี่ยงอันตรายทุ่มเทย่อมดีกว่าเสียเวลาไปเฉยๆ”
‘ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะ…’
หลี่ว์เยว่กระโดดขึ้นไปนั่้งบนหลังอูฐเนตรเดียว นั่งบนอาน แล้วกลายเป็นแสงทองออกห่างไปไกลในพริบตาเดียว
…
ส่วนลึกของทะเลเหวนพยมโลก ในโลกใบหนึ่ง ว่างเปล่าไร้สิ่งใด มีเพียงต้นไม้โบราณต้นหนึ่งตั้งตระหง่าน
ต้นไม้โบราณมองไปเฉาตายนานแล้ว ยอดไม้โรยรา ใบล้วนแห้งเหี่ยวหลุดร่วงหมดสิ้น เหลือแต่กิ่งไม้รูปร่างพิลึกกึกกือ
ทว่าด้านล่างต้นไม้ กลับมีร่มเงาขนาดมหึมา
ถึงกับมีพลังชีวิตไหลออกมาจากด้านในเงาของต้นไม้โบราณต้นนี้ เหมือนกับมีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอยู่ด้านใน
ทันใดนั้น ด้านล่างของต้นไม้โบราณแห้งเหี่ยวปรากฏชายชราผู้หนึ่ง มองดูธรรมดาไร้ความพิเศษและสงบนิ่ง ไม่เข้ากับเขตมารนพยมโลกแห่งนี้ แต่ก็คล้ายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เห็นชายชราโผล่ขึ้น เงาใต้ต้นไม้แห้งเหมือนมีชีวิตขึ้นมา ส่ายไหวเล็กน้อย
“มารสวรรค์ไร้พันธนาว่าอย่างไร?” เสียงของมารเงาดังมาจากในเงาต้นไม้แห้ง
ชายชราผู้นั้นย่อมเป็นมารจิตแรกเริ่ม
“ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน รวบรวมเก้าคัมภีร์หยกพิสุทธิ์ครบ ทั้งยังมีหมัดแปลงกำเนิดกับคัมภีร์โกลาหลสูญประกอบการพิจารณา มีความเป็นไปได้ในการอนุมานย้อนกลับถึงคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตจริงๆ” มารจิตแรกเริ่มกล่าวอย่างสะท้อนใจ “แต่เรื่องราวไม่ง่ายดายอย่างนั้น”
“อ้อ?” เงาต้นไม้แห้งสั่นอย่างรุนแรง “หมายความว่า คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตของเขาอาจจะได้มาจากที่อื่น ไม่ใช่ตัวเองทำความเข้าใจย้อนกลับกระมัง?”
เสียงของมารเงาเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน
ไม่ว่าคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นแค่ส่วนเดียว หรือสมบูรณ์แบบ ถ้าหากไม่ใช่ศึกษาเข้าใจด้วยตัวเอง แต่ได้มาจากคนอื่น เช่นนั้นแหล่งที่มาก็ทำให้คนสนใจมากแล้ว
ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดชี้ไปที่การดำรงอยู่ที่เหมือนไม่ถามไถ่เรื่องทางโลกในวังดุสิตอย่างไม่ต้องสงสัย!
ดูเหมือนเรื่องใดก็ไม่สนใจไม่ถามไถ่ แต่ว่าความรู้สึกการดำรงอยู่ของไท่ซ่างเหล่าจวิน ที่แล้วมาไม่อ่อนแอ ไม่มีคนมองข้าม
“ตอนนี้ไม่อาจสรุปได้ แต่ว่า…” มารจิตแรกเริ่มกล่าวอย่างแช่มช้า “บอกได้แค่ว่ามีความเป็นไปได้ ไม่อาจบอกว่าเป็นไปไม่ได้”
มารเงาเห็นด้วยกับแนวคิดของมัน
ไท่ซ่างเหล่าจวินลงมือในยุคโบราณตอนกลาง อธิบายได้ว่า เขาไม่ใช่ไม่ถามไถ่เรื่องใดจริงๆ
“เยี่ยนจ้าวเกอจะแต่งงานกับเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว” มารเงากล่าวอย่างใคร่ครวญ “ถ้าหากเยี่ยนจ้าวเกอมีความเกี่ยวข้องกับไท่ซ่างเหล่าจวินจริงๆ เช่นนั้นสถานการณ์ก็ย่ำแย่ยิ่ง”
“นั่นความจริงหาเป็นไรไม่ พระอาจารย์เสวียนตูเดิมทีก็วางแผนต่อนพยมโลกของพวกเรา อาจจะเกี่ยวกับการลงมือของเหล่าจวิน” มารจิตแรกเริ่มว่า “ถ้าหากว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีความเกี่ยวข้องกับเหล่าจวินจริงๆ เหล่าจวินสมควรไม่เพ่งเล็งนพยมโลกของพวกเรา มิได้เพ่งเล็งมารสวรรคืไร้พันธนา”
พูดถึงตรงนี้ มารจิตแรกเริ่มพลันหัวเราะขึ้นมา “ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นจริงๆ ก็ไม่เป็นไร”
“มารสวรรค์ไร้พันธนามีการจัดการอื่นแล้ว?” มารเงาได้ยิน จิตใจสั่นไหว
………………..