ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1751 ญาติมิตรแย่งเล่าบุพเพสันนิวาส
“สองกราบบิดามารดา!” นาจาตะโกนขึ้นเป็นครั้งที่สองเหมือนเดิม
เยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูชิงมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอตรงหน้า ต่างยิ้มแย้ม
ฟู่เอินซูที่อยู่ด้านข้างเหม่อลอยเล็กน้อย
ฟู่เอินซูชื่นชมศิษย์อย่างเฟิงอวิ๋นเซิงมาโดยตลอด เฟิงอวิ๋นเซิงเป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้ามานานแล้ว สร้างความปลาบปลื้มให้นางเหลือประมาณ
ในระดับหนึ่งแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงเป็นลูกศิษย์ที่นางภูมิใจและชื่นชมที่สุด ถึงขั้นเหนือกว่าพวกซือคงจิง
นี่ไม่ใช่เพราะปัจจุบันเฟิงอวิ๋นเซิงมีความสำเร็จสูงสุด แต่เป็นเพราะสิ่งที่เฟิงอวิ๋นเซิงได้เจอมาโดยตลอด ยากลำบากทรมานกว่าคนอื่นๆ อย่างเช่นพวกซือคงจิง
ลำบากจนแม้แต่ฟู่เอินซูซึ่งสั่งสอนลูกศิษย์เข้มงวดมาโดยตลอด สำนึกตัวว่าถ้าเปลี่ยนเป็นางไปอยู่ในจุดของเฟิงอวิ๋นเซิง เกรงว่าจะยากจนก้าวเดินต่อไม่ไหว
เฟิงอวิ๋นเซิงมีความสำเร็จในวันนี้ได้ ฟู่เอินซูไม่กล้าอ้างความดีความชอบ เพียงแต่รู้สึกภาคภูมิใจแทนลูกศิษย์ผู้นี้อย่างแท้จริง
วันนี้เห็นในที่สุดนางก็มีที่พักพิงที่ดี ฟู่เอินซูคลายใจกว่าเดิม
ฟู่เอินซูยอมรับความโดดเด่นของเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่อยู่บนโลกแปดพิภพแล้ว
เขากับเฟิงอวิ๋นเซิงจับมือกันมาถึงวันนี้ ฟู่เอินซูล้วนเห็น ยินดีแทนเฟิงอวิ๋นเซิง
เพียงแต่ขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอ นางยากจะไม่คิดถึงอีกเรื่อง
นางมองเยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูชิงที่อยู่ด้านข้างโดยสัญชาตญาณ จิตใจซับซ้อนอยู่บ้าง
ทว่าเมื่อมองกลับไปกลับมาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอสามีภรรยากับเยี่ยนตี๋สามีภรรยา ความคับข้องใจของฟู่เอินซูก็ค่อยๆ คลายลง
ปมสุดท้ายในใจตั้งแต่ก่อนหน้าในที่สุดก็สลายหายโดยสมบูรณ์ในห้วงนาทีที่คนรุ่นใหม่เข้าสู่ตำหนักแต่งงาน
บนใบหน้าฟู่เอินซูปรากฏรอยยิ้มจางๆ ที่ผ่อนคลายหลายส่วน
สายเขากว่างเฉิง หยวนเจิ้งเฟิงกับฟางจุ่นเป็นผู้อาวุโสสำนัก ต่างก็ลูบเคราด้วยรอยยิ้ม
หยวนเจิ้งเฟิงมองฟู่เอินซู คล้ายนึกอะไรออก รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างกว่าเดิม
“สามีภรรยากราบไหว้กัน!” นาจาตะโกนครั้งที่สาม
ในสตรีแปดคนที่ก่อนหน้านี้เดินเข้ามาเป็นเพื่อนเฟิงอวิ๋นเซิง มีคนคนหนึ่งมองเยี่ยนจ้าวเกอสามีภรรยาด้วยสีหน้านึกถึงอดีต จากนั้นมองไปรอบๆ ตำหนักใหญ่
‘ถ้าหากเราแต่งงานแล้วมีสภาพแบบนี้ได้ ก็ดีแล้ว…’ จวินลั่วห่อปาก
ในฐานะหนึ่งในสหายของตระกูลเยี่ยนบนโลกแปดพิภพ จวินจื้อหย่วนกับจวินลั่วมาอาศัยบนฟ้าเหนือฟ้านานแล้ว
ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอแต่งงาน เยี่ยนตี๋ย่อมเชิญพวกเขา ยังมีสหายเก่าเพื่อนสนิทอย่างจ้าวชื่อเฉิงราชาอาณาจักรถังตะวันอออมาร่วมพิธี
จวินลั่วรู้จักกับเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิงตั้งแต่เด็ก หลังมาถึงฟ้าเหนือฟ้าสองฝ่ายก็มักไปมาหาสู่ ครั้งนี้เป็นเพื่อนจ้าวสาวให้เฟิงอวิ๋นเซิงพร้อมเมิ่งหวานและกวนอวี่ลั่ว
นางมองดูในตำหนักใหญ่อยู่ครึ่งวัน สุดท้ายหยุดบนร่างพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ถอนใจชมเชยกล่าวว่า “คู่สวรรค์สร้าง ประเสริฐแท้!”
อีกด้านหนึ่งมีสตรีผู้หนึ่งมองเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงพลางเหม่อลอย
สำหรับอวี่เย่แล้ว อาการซึมเซาเหม่อลอยเช่นนี้คล้ายเป็นเรื่องปกติยิ่ง ปรากฏขึ้นตลอดเวลา
ตอนนี้สาเหตุที่นางเหม่อลอยอยู่บ้าง เกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอและฟิงอวิ๋นเซิง ไม่เกี่ยวกับใครคนใดในพิธีวันนี้
เพียงแต่ตอนนี้ขณะมองคู่ที่เพิ่งแต่งงานใหม่ ทำให้นางอดนึกถึงเงาร่างอีกสายไม่ได้
อวี่เย่ได้สติ มองพวกเมิ่งหวาน ฟู่ถิง กวนอวี่ลั่วที่อยู่ด้านข้างตัวเอง
เมื่อครู่พวกนางเป็นเพื่อนเฟิงอวิ๋นเซิงเดินเข้าตำหนักใหญ่
นางมองด้านตรงข้าม ตรงนั้นคือพวกสวีเฟย อิงหลงถู เซี่ยกวงที่เพิ่งอยู่เป็นเพื่อนเยี่ยนจ้าวเกอ
“ถ้าท่านยังอยู่ สมควรยืนอยู่กับพวกเขากระมัง?” อวี่เย่กล่าวกับตัวเองเบาๆ
แต่ว่าสายตานางกลับมายังร่างคู่แต่งงานใหม่อีกครั้ง สายตาเปลี่ยนเป็นยินดีและอ่อนโยน ถอนใจชมเชยเช่นกัน “คนรักกันสุดท้ายได้อยู่ด้วยกัน ยอมเยี่ยมจริงๆ”
เมิ่งหวานด้านข้างนาง มองคู่ใหม่ที่กราบกรานกัน รอยยิ้มประดับใบหน้า
‘ศิษย์พี่ หลังความขมขื่นความสุขก็มาหาท่านแล้ว’ ปัจจุบันนางเป็นเซียนหญิงที่ถอดคราบมนุษย์ทิ้งไปแล้ว แต่ตอนนี้ขณะมองคู่แต่งงานใหม่ ถึงกับอดกลั้นความพลุ่งพล่านใจไม่ได้ หางตาเปียกชุ่ม
นางอดนึกถึงตอนอายุน้อยขณะยังอยู่ในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์บนโลกแปดพิภพไม่ได้
นางกับเฟิงอวิ๋นเซิงในตอนนั้น ยังเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักที่อยู่กินด้วยกัน
ทันใดนั้นก็มีอยู่วันหนึ่ง เฟิงอวิ๋นเซิงประสบคราเคราะห์เหนือความคาดหมาย ตกจากยอดเขาสู่ก้นเหว ภายหลังโดนกดดันให้หนีออกจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เพราะทำร้ายเซียวเซิง
ภายหลังเฟิงอวิ๋นเซิงได้พบเยี่ยนจ้าวเกอ ฟื้นฟูร่างจันทราผงาดขึ้นอีกครั้ง พวกนางพี่น้องกลับกลายเป็นคู่ต่อสู้ในการทดสอบจันทรา ไม่อาจไม่ประมือกัน
ต่อมาสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ล่มสลาย มาถึงโลกซ้อนโลก ในที่สุดก็ตัดสินผลแพ้ชนะเกี่ยวกับมงกุฎจันทรา
แต่ว่าต่อจากนั้นเฟิงอวิ๋นเซิงกลับหายไปในนพยมโลกเพราะเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู
จนกระทั่งให้หลังโลกซ้อนโลกแบ่งแยก สองคนจึงได้พบกันใหม่ เฟิงอวิ๋นเซิงในที่สุดก็หยุดพัก ไม่ต้องล่องลอย ร่อนเร่พเนจรต่อไป
ในกาลเวลาที่เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ทราบอยู่ที่ไหน เยี่ยนจ้าวเกอรอนางกลับมาโดยตลอด วันนี้ทั้งสองในที่สุดได้อยู่ด้วยกัน เมิ่งหวานเห็นดังนั้น ดีใจแทนเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นอย่างยิ่ง
ถึงจะทราบว่าอนาคตยังยากคิดถึง แต่ตอนนี้ขณะเมิ่งหวานมองเฟิงอวิ๋นเซิงแต่งงาน ในใจมีแต่ความยินดี
กวนอวี่ลั่วด้านข้างนางตื่นเต้นยินดีเช่นกัน
นางมิได้เก็บงำอารมณ์เหมือนเมิ่งหวาน รอยยิ้มบนใบหน้าสว่างไสวเป็นพิเศษ
เมิ่งหวานยิ้มพลางหันไปอีกด้าน อดงงงวยไม่ได้
ฟู่ถิงพี่สาวต่างมารดาของนาง ตอนนี้ยามมองคู่บ่าวสาวที่กราบกรานกัน สายตาซับซ้อนอยู่บ้าง
มีทั้งความสุขและความยินดีเหมือนคนอื่นๆ
แต่ก็คล้ายมีอะไรมากกว่านี้
“ท่านพี่?” เมิ่งหวานส่งกระแสเสียงหาฟู่ถิงเงียบๆ
ถึงจะมารู้จักกันตอนโต ถึงจะไม่ใช่พี่น้องร่วมมารดา ถึงแม้ตอนแรกจะกระอักกระอ่วนอยู่บ้างเพราะบิดา
แต่หลายปีมานี้ฟู่ถิงก็เอาใจใส่น้องสาวต่างมารดาอย่างเมิ่งหวานมาโดยตลอด
คิดถึงว่าเมิ่งหวานต้องจากบิดามารดา ระหกระเหินในโลกแปดพิภพเพียงคนเดียวตั้งแต่ยังเล็ก ฟู่ถิงสงสารนางกว่าเดิม
หลายปีมานี้ทำความรู้จักกัน เมิ่งหวานก็เข้ากับฟู่ถิงได้ดียิ่ง ยังใกล้ชิดกว่าฟู่อวิ๋นเซิงบิดาของนางเองเสียอีก
ตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของฟู่ถิง อดหวั่นไหวไม่ได้
ฟู่ถิงหันไปมองเมิ่งหวาน เหมือนรู้ว่าเมิ่งหวานคิดอะไร ยิ้มพลางส่ายหัว “วางใจ ตอนนี้ข้าไม่เป็นไร เพียงนึกถึงอดีต จึงสะท้อนใจเท่านั้น”
เมิ่งหวานสบตากับนาง พยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก
ฟู่ถิงมองคู่แต่งงานใหม่อีกครั้ง ยิ้มเล็กน้อย สีสันที่ยากบรรยายในสายตาค่อยๆ เลือนหาย เหมือนกับละวางอะไรได้โดยสมบูรณ์
พิธีใหญ่จบลง พวกอวี่เย่ เมิ่งหวาน กวนอวี่ลั่วเดินขึ้นหน้า เป็นเพื่อนเฟิงอวิ๋นเซิงเดินไปยังลานหลังตำหนัก
เยี่ยนจ้าวเกออยู่รับแขกที่มาต่อ
คิดคุยเรื่องงาน ย่อมมีเวลาอื่น วินาทีนี้มีแต่การเฉลิมฉลอง
ก่อนมหาภัยพิบัติ งานเลี้ยงท้อวิเศษที่บึงหยกและงานเลี้ยงอาหารในวังเทพมักมีความยิ่งใหญ่ หลังมหาภัยพิบัติ สำนักเต๋าทรุดโทรม งานเลี้ยงยิ่งใหญ่เหล่านี้ก็กลายเป็นประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน
วันนี้งานเลี้ยงแต่งงานของเยี่ยนจ้าวเกอกลับปรากฏสภาพในวันวาน
เจ้าภาพล้วนยินดี ต้อนรับแขกเหรื่อ พวกนาจากับสวีเฟยห้อมล้อมเยี่ยนจ้าวเกอไปยังห้องหอ
ถูกเมิ่งหวาน จวินลั่ว กวนอวี่ลั่วแหย่เล่นรอบหนึ่ง หลังจากส่งเพื่อนเจ้าสาวเหล่านี้ไปแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอในที่สุดก็เข้าสู่ห้องหอ
เจ้าสาวใหม่ของเขารออยู่ที่นั่น
เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ เดินเข้าไปหา เลิกผ้าแดงขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าของเฟิงอวิ๋นเซิงใต้ผ้าคลุมศีรษะ
เฟิงอวิ๋นเซิงเหนียมอายอย่างหายาก แต่ว่าก็ยังเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยนจ้าวเกอ น้ำตาเอ่อคลอ
“จ้าวเกอ...” นางกล่าวอย่างซึมเซาอยู่บ้าง “ไม่ว่าการวางหมากในนพยมโลกต่อจากนี้จะลำบากขนาดไหน มีวันนี้ได้ ข้าไม่รู้สึกเสียดายแล้ว…”
ยังไม่ทันพูดจบ ตรงหน้ามืดลง เยี่ยนจ้าวเกอยื่นหน้าเข้ามา ปิดริมฝีปากของนาง
เจ้าสาวใหม่ร่างอ่อนยวบ พิงในอ้อมอกเจ้าบ่าวคนใหม่
คูรู่ต่อมา ริมฝีปากแยกจากกัน เยี่ยนจ้าวเกอแนบกับข้างหูนาง กระซิบว่า “ตอนนี้ไม่ต้องพูดเรื่องเหล่านั้นแล้ว พวกเรามีเรื่องสำคัญกว่า”
“เรื่องอัน…เรื่องอันใด?” เฟิงอวิ๋นเซิงกัดริมฝีปาก “ท่าน…ท่านบอก ข้าฟังอยู่”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ อมติ่งหูกลมของนาง ใช้ฟันขูดผิวนางเบาๆ รู้สึกถึงลมหายใจที่ยิ่งมายิ่งเร่งร้อนของนาง
………………..