ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1752 ส่งเสียงบูรพาตีประจิม
เฟิงอวิ๋นเซิงยืนอยู่ริมหน้าต่าง พิงอยู่ในอ้อมอกของเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านหลังอย่างผ่อนคลาย
เยี่ยนจ้าวเกอห่มเสื้อคลุมตัวยาวชิ้นหนึ่ง กางออกไปสองข้าง จากนั้นคลุมเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ในอ้อมอกไปด้วย
เขาวางคางบนไหล่เฟิงอวิ๋นเซิงเบาๆ หัวเราะๆ เบาๆ เอ่ยว่า “ลูกเจี๊ยบ”
“คนที่เกือบถูกลูกเจี๊ยบหนีบหักเป็นผู้ใด?” เฟิงอวิ๋นเซิงหยีตาอย่างเกียจคร้าน โต้ตอบไม่ยอมลดละ
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ โอบกอดนางระซิบว่า “ตอนนี้ข้าไม่ช่ำชองเช่นกัน ผู้ใดให้ข้ารอคนเดียวหลายร้อยปีเล่า”
“ท่าน…” เฟิงอวิ๋นเซิงร่างพลันอ่อนยวบเล็กน้อย เอ่ยอย่างไม่ยอม “ท่าน…ท่านโกหก”
เยี่ยนจ้าวเกอจับมือนางแผ่วเบา ให้นางพิงกับ
“เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว เมื่อคืนสำหรับข้าเป็นครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน”
เฟิงอวิ๋นเซิงกดริมฝีปากเบาๆ รู้สึกแรงกดดันที่ยิ่งมายิ่งแนบชิด
…
เมฆาหายพิรุณหยุด เยี่ยนจ้าวเกอกอดเฟิงอวิ๋นเซิงกลับห้อง
“ท่านก็ฉวยอาศัยตอนนี้ข่มเหงข้าเช่นกัน” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ยิ่งผ่านไป ฝีมือท่านยิ่งไร้ประโยชน์”
เยี่ยนจ้าวเกอกลั้นหัวเราะไม่ไหว “เมื่อครู่มีฝีมืออันใด เป็นลูกเจี๊ยบบางตัวใช้ไม่ได้แล้ว”
เขาหัวเราะเหะๆ “ถ้ารอจนใช้ฝีมือจริงๆ เจ้ายังงรับไม่ได้ บางอย่างเจ้าต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป”
“ต้องมีสักวันที่ชนะท่าน!” เฟิงอวิ๋นเซิงกัดฟันกรอดๆ
เยี่ยนจ้าวเกออดหัวเราะไม่ได้ “ก็ได้ ข้าจะรอ พวกเราต่อจากนี้ที่มีคือเวลา”
“ต่อจากนี้…” เฟิงอวิ๋นเซิงสายตาค่อยๆ อ่อนโยน
แต่ครู่ต่อมา หว่างคิ้วนางปรากฏความกังวลหลายส่วน
เยี่ยนจ้าวเกอไม่จำเป็นต้องก้มมอง ก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของคนในอ้อมอก
เขาพูดเสียงอบอุ่น “วางใจเถอะ ตอนนี้ข้ามีความมั่นใจในการวางหมากต่อจากนี้บนนพยมโลกแล้ว”
กล่าวตามความจริง หยินหยางเมื่อสอดประสาน ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ของเฟิงอวิ๋นเซิงชัดเจนกว่าเดิม
เจ้าสาวคนใหม่วาจาคล้ายดุดันกว่าเจ้าบ่าวคนใหม่ แต่ตอนนี้ได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าเฟิงอวิ๋นเซิงยังแดงเรื่อหลายส่วน เพียงพยักหน้าเบาๆ
“แต่ว่าก็ทำให้ข้ามีความรู้สึกอื่นเช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอกระซิบ “สิ่งที่ข้าให้ความสำคัญที่สุดเป็นเจ้า ทว่ายมโลกจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ส่งเสียงบูรพาตีประจิมหรือไม่?”
ได้ยินประโยคหลัง เฟิงอวิ๋นเซิงที่ก่อนหน้านี้ขวยเขินอยู่บ้าง สายตาพลันกระจ่าง “ส่งเสียงบูรพาตีประจิม?”
“เป็นเพียงความรู้สึกอย่างหนึ่ง เป็นเพราะมักรู้สึกว่านี่เกี่ยวข้องกับการวาหมากบนเส้นชะตาของวิถีมารนพยมโลก เจ้าเกี่ยวกับมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม การเคลื่อนไหวของนพยมโลกสมควรไม่รวบรัด” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “ตอนนี้ดูเหมือนพวกมันออกกระบวนท่าเบาไปบ้าง ต่ำกว่าการคาดการณ์ของข้า”
เฟิงอวิ๋นเซิงมองหน้าขึ้น เขาก้มหน้าเล็กน้อย สองคนสบตากัน
“ถ้าหากมีแค่มารจิตแรกควบคุมยังพอทำเนา แต่ถึงอย่างไรนพยมโลกยังมีมารสวรรค์ไร้พันธนาอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อ
“ถูกต้อง” เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้าเบาๆ
นางหัวเราะหนักใจ “ได้ยินท่านพูดแบบนี้ ข้าสมควรรูสึกผ่อนคลายบ้างถึงจะถูก แต่ไฉนกลับกระบวนกระวายใจกว่าเดิม?”
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งลง ให้เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งพิงอกเขา จากนั้นกล่าว “เป็นเพราะตอนนี้ไม่ทราบว่านพยมโลกวางแผนจากตรงไหน การคุกคามที่ยังไม่รู้มักเป็นการคุกคามที่ใหญ่ที่สุด”
“ทว่าแม้ไม่อาจประมาท แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป การวางหมากตานี้ แรงกดดันของนพยมโลกมากกว่าฝ่ายใดๆ”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ตามคำพูดที่ท่านมักกล่าว เตรียมตัวเองให้ดีก่อน”
ในค่ำคืนเข้าห้องหอของคู่แต่งงานใหม่ เยี่ยนจ้าวเกอย่อมให้ความสำคัญกับเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อน
แต่ว่ามาถึงวันใหม่ ไม่ว่าเขาหรือเฟิงอวิ๋นเซิง ต้องยุ่งกับเรื่องอื่นก่อน
พิธีแต่งงานครั้งนี้ แขกเหรื่อรวมตัวคับคั่ง เป็นทั้งเรื่องใหญ่ และเป็นงานรวมตัว
โดยเฉพาะผู้เข้มแข็งระดับสุดยอดสายตรงของสำนักเต๋า แทบมาร่วมงานหมดสิ้น ขณะที่อวยพรเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิงสามีภรรยา ก็หารือสถานการณ์ในปัจจุบัน กับมาตรการการพัฒนาของสำนักเต๋าต่อจากนี้ร่วมกัน
งานรวมตัวเช่นนี้ ปฐมเทวะนพวิญญาณกับพระโพธิสัตว์กวนอิมเข้าร่วมไม่ได้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่อีก
เป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้ของแต่ละคนต่างบรรลุแล้ว หลังจากเตร็ดเตร่อีกสองสามวัน หนึ่งปีศาจหนึ่งพุทธก็บอกลาผละไป
หยางเจี่ยนกับนาจาแยกกันส่งพวกเขาจากไป นาจาได้มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้แก่ปฐมเทวะนพวิญญาณ ก่อนที่เขาจะจากไป
“รบกวนผู้อาวุโสมอบให้ลู่ยาเต้าจวิน” นาจาส่งปฐมเทวะนพวิญญาณ ประสานมือกล่าว
ปฐมเทวะนพวิญญาณรับแผ่นไม้ไผ่ที่เหมือนกันแผ่นนั้นมา พยักหน้าตอบรับ “ข้าจะนำไปให้ถึง เพียงแต่ไม่ทราบว่าจดหมายนี้ ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ล้วนเห็นด้วยหรือไม่?”
“มิผิด” นาจาตอบตามสัตย์จริง “ผู้อาวุโสถ้ามีความสนใจ จะอ่านก่อนก็ได้”
ปฐมเทวะนพวิญญาณกลับส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่จำเป็น ข้าเพียงรับผิดชอบส่งจดหมาย”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสรักษาตัวด้วย” นาจากล่าวอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “ไม่เพียงแค่ข้า พวกเดียวกันคนอื่นๆ ก็หวังว่าผู้อาวุโสจะพิจารณากลับสำนักเต๋าเรา”
“ข้าเกียจคร้านแล้ว เร้นกายซ่อนตัว อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน ปัจจุบันออกเขา ก็เพื่อเรื่องราวในครั้งกระโน้น ตามหายุทธวิชัยพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกเพื่อคิดบัญชี หลังจากสมปรารถนา ก็ไม่ต้องการสิ่งอื่นอีก และไม่คิดเข้าร่วมการช่วงชิงใดๆ” ปฐมเทวะนพวิญญาณตอบ “เทวกษัตริย์เฒ่าพิทักษ์ธรรมถวายเป็นมงคลแก่สำนักเต๋าแล้ว ตอนเกิดมหาภัยพิบัติข้าได้ใต้เท้ากษัตริย์บูรพาคุ้มครอง จึงรอดมาได้ ปัจจุบันสมควรรับใช้ใต้เท้ากษัตริย์บูรพาเพื่อตอบแทนบุญคุณในวันวาน ขอให้สหายร่วมเส้นทางสำนักเต๋าให้อภัยด้วย”
นาจาเอ่ย “ผู้อาวุโสกล่าวหนักไปแล้ว ท่านมีความคิดเช่นนี้ พวกเราย่อมไม่บีบบังคับ ค่อยพบกันใหม่วันหน้า”
ปฐมเทวะนพวิญญาณบอกลานาจา กลับเขาดาราทะเลดวงดาวทันที
หลังเข้าสู่สวรรค์ไท่ซู่ มาถึงด้านบนต้นชบาศักดิ์สิทธิ์ ลู่ยาเต้าจวินกำลังรอคอยที่นั่น
“รบกวนสหายร่วมเส้นทางนพวิญญาณแล้ว” ลู่ยาเต้าจวินต้อนรับปฐมเทวะนพวิญญาณ เจ้าสิงโตไม่รั้งอยู่นาน เพียงส่งจดหมายให้ แล้วบอกลาทันที
ไม่เหมือนกับตอนส่งจดหมายครั้งแรก ครั้งนี้ปฐมเทวะนพวิญญาณไม่ได้ฟังเนื้อหาในจดหมาย
ลู่ยาเต้าจวินสั่งมหาเทวะอีกาทองส่งปฐมเทวะนพวิญญาณเสร็จ ก็อ่านข้อความในแผ่นจดหมาย
“บรรพบุรุษอาวุโส?” มหาเทวะอีกาทองส่งปฐมเทวะนพวิญญาณจากไป หลังกลับมาเห็นลู่ยาเต้าจวินจับแผ่นไม้ไผ่ ครุ่นคิดเงียบๆ
ลู่ยาเต้าจวินเล่นแผ่นไม้ไผ่ในมือ เอ่ยขึ้นว่า “ไม่มีสิ่งใดอื่น ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ เพียงแต่รายละเอียดด้านใน จำเป็นของขบคิด”
เขาเก็บแผ่นไม้ไผ่ คนกลายเป็นแสงรุ้งสายหนึ่ง พุ่งขึ้นสู่ฟ้า เข้าไปในแดนลี่กว่าง พบกษัตริย์บูรพาไท่อี้
อีกด้านหนึ่ง หลังนาจาส่งปฐมเทวะนพวิญญาณแล้ว ก็กลับสวรรค์สำนักเต๋า
งานรวมตัวของผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋ายังดำเนินอยู่
จุดสำคัญส่วนใหญ่ยังคงรวมอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงในนพยมโลกต่อจากนี้
ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนยุ่งเหยิงอาจทำให้สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายได้ทุกเวลา คนไม่อาจไม่สิ้นเปลืองความคิด
ถึงเวลาจริงๆ การปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์สำคัญยิ่ง
แต่ว่าเตรียมตัวพร้อมเท่าไหร่ ก็ยิ่งรับการเปลี่ยนแปลงได้ราบรื่นเท่านั้น
หลังทุกคนหารือเสร็จ ในที่สุดก็เริ่มแยกย้าย
“พวกท่านสามีภรรยาเป็นหงส์มังกรในหมู่คน ปัจจุบันคนรักได้อยู่ร่วมกัน น่าเฉลิมฉลองน่ายินดีจริงๆ” เกาหานบอกลาเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวอย่างสะทกสะท้อน “ถึงพวกท่านสามีภรรยาจะมาจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง แต่ว่ามุกกระจ่างไม่เคยจับฝุ่น เป็นเรื่องโชคดีของสำนักเต๋าจริงๆ”
………………..