ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1754 แปดร้อยปีให้หลัง
มารสวรรค์บุพกาลถึงแม้จะถูกเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดหยกพิสุทธิ์สะกด แต่ตราสะกดอยู่กลางนพยมโลก
นพยมโลกที่เป็นคู่ตรงข้ามกับมหาจักรวาลเหมือนกับสองขั้วบนโลก กำเนิดจากซากของมารสวรรค์ธรรมชาติหลังเสียชีวิต ดำรงอยู่มาถึงปัจจุบัน
อำนาจของมารสวรรค์สูงสุดนพยมโลก ใช้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนแลกกลับมาจากวังดุสิต
ก่อนหน้านี้ตอนกองทัพแต่ละฝ่ายชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน มารสวรรค์ไร้พันธนาลงมือครั้งหนึ่ง ช่วยอามิตาภพุทธเจ้าขัดขวางกษัตริย์บูรพาไท่อี้ชั่วคราว อาศัยเรื่องนี้แลกเปลี่ยนกับแดนสุขาวดีตะวันตก นำอำนาจมารสวรรค์ไร้รูปกลับนพยมโลก
มารสวรรค์ไร้พันธนามีชีวิตอยู่มาโดยตลอด ย่อมไม่ต้องพูดถึง
สืบเนื่องจากเฟิงอวิ๋นเซิง ปัจจุบันมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมที่ยังไม่จุติอย่างแท้จริงหากต้องการกำเนิดขึ้นในตอนนี้ มีอุปสรรคอยู่หลายส่วน
แต่ว่าโชคเคราะห์พึ่งพากัน ในทางกลับกันนี่อาจทำให้มารสวรรค์ปัจฉิมธรรมจุติก่อนกำหนด
นอกจากหกบรรพมารแล้ว ในหกสุดยอดมาร มารจิตแรกเริ่มกับมารไม้อิกมีชีวิตอยู่มาโดยตลอด
มารทองแกใช้เนี่ยจิงเสินเป็นเปลือกร่างคืนชีพขึ้นใหม่ มารไฟปิ่งกลับสู่นพยมโลกเพราะลู่ยาเต้าจวิน
มารดินโบ่วก็ได้รับการต้อนรับจากนพยมโลกหลังคืนชีพบนแดนสุขาวดีตะวันตก
สิบสองเทพมารสวรรค์ปัจจุบันเหลือแค่มารน้ำกุ่ยที่ยังไม่กลับมา
นพยมโลกกำลังรอคอยมารตนสุดท้ายในสิบสองเทพมารสวรรค์
ขุมกำลังอื่นๆ ก็ทำเหมือนกัน
ระหว่างการรอคอยร่วมกันของทุกคน กาลเวลาดุจสายน้ำ วันคืนเคลื่อนคล้อย
ชั่วลัดนิ้วมือเดียว กาลเวลาก็ผ่านไปแปดร้อยปี
เยี่ยนจ้าวเกอไปๆ มาๆ ระหว่างสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียและสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ ทางหนึ่งตั้งใจฝึกฝนมรรคายุทธของตัวเอง ทางหนึ่งดูแลการพัฒนาเปลี่ยนแปลงด้านในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อ
ขอบเขตระดับยิ่งสูง อายุยิ่งยืน แต่ว่าการพัฒนาต่อก็ยิ่งไม่ง่าย เวลาที่ต้องใช้ก็ยิ่งยาวนาน
กาลเวลาแปดร้อยปี สำหรับเซียนกำเนิดสุญญตา เพียงพริบตาเดียวก็มาถึง
คนที่สองบุปผาบนกระหม่อม อยู่ในจุดสุงสุดของเซียนกำเนิด เผชิญกับภัยพิบัติฟ้ากำเนิดอันเป็นด่านสุดท้ายในระดับเซียน เวลาพันปีหมื่นปีถือว่าปกติ
คนจำนวนมากต่างติดอยู่ที่นี่ ยากขึ้นสู่ระดับมหาชาลตลอดชีวิต
ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะหยุดที่ระดับสองบุปผาบนกระหม่อมมาแปดร้อยปีแล้ว แต่เขาไม่ได้รีบร้อน สะสางสิ่งที่ได้ร่ำเรียนและได้เห็นอย่างมีระเบียบแบบแผน ค่อยๆ สั่งสมตกตะกอนตามความคิดของตัวเอง
สำหรับเซียนกำเนิดที่สองบุปผารวมบนกระหม่อม ต่อให้ไม่ได้ฝึกฝนบุปผาสารจำเป็น อายุขัยไม่เต็มหนึ่งศักราช อายุในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังหนุ่มแน่นเกินไป
ถ้าเขาเหยียบทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิด ก็จะเป็นเซียนสวรรค์มหาชาลที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมา
“ถ้าหากไม่เดินบนเส้นทางฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน ท่านคงก้าวเท้าก้าวนั้นไปแล้วกระมัง?” ในห้องสงบใจ เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งขัดสมาธิเช่นกัน ถามขึ้นด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประมาณนั้น”
ก่อนหน้านี้ เขาใช้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเป็นพื้นฐาน อาศัยความสะดวกช่วยตัวเองฝึกฝนวรยุทธ์อย่างอื่น ประหยัดเวลาลงส่วนหนึ่ง
แต่ตอนนี้กำลังทะลวงสู่ขอบเขตมหาชาล จุดสูงสุดของระดับเซียน และเป็นก้าวสุดท้ายก่อนระดับมรรคา ใกล้เคียงกับมรรคา ในด้านหนึ่งถึงว่ารวมตัวกับมรรคา เวลานี้จำเป็นต้องให้เยี่ยนจ้าวเกอปรับสมดุลและสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง ไม่แบ่งลำดับ ฝึกฝนร่วมกัน ใช้การฝึกฝนสามพิสุทธิ์ร่วมกันที่ไม่เคยมีมาก่อนทะลวงภัยพิบัติฟ้ากำเนิด
นี่จำเป็นต้องให้เขาใช้เวลามากกว่าเดิมศึกษาหลักการมากมาย ทั้งยังสร้างการอธิบายที่เป็นของตัวเองเพิ่มอีกก้าวหนึ่ง
ไม่มีประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนให้พิจารณา ดังนั้นทุกสิ่งล้วนต้องพึ่งพาการขัดเกลาของตัวเอง
“หลังจากระดับยิ่งสูง ยิ่งรู้สึกว่าพรสวรรค์คุณสมบัติทำความเข้าใจของท่านมีมากจนทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ” เฟิงอวิ๋นเซิงทางหนึ่งนั่งบำเพ็ญ ทางหนึ่งกล่าว “รู้สึกว่าศิษย์พี่อวี่ครอบครองวิญญาณฟ้าแฝง คุณสมบัติทำความเข้าใจก็ยังไม่สูงเท่าท่าน”
เยี่ยนจ้าวเกอกระแอมเบาๆ จงใจแสดงสีหน้าสงบนิ่ง เชิดหน้าน้อยๆ
ถึงแม้จะไม่พูดสักคำเดียว แต่ก็แสดงเจตนาว่า ‘ชมต่อไป อย่าหยุด’
เฟิงอวิ๋นเซิงเห็นท่าท่างเจ้าเล่ห์เช่นนี้ กลับไม่พูดอะไรอีก ทำเป็นมองไม่เห็น
“แฮ่มๆ” เยี่ยนจ้าวเกอเบ้ปากอย่างเบื่อหน่าย หลังกระแอมแล้ว ก็หันเหหัวข้อ “ไม่พูดถึงข้าแล้ว กลับเป็นสถานการณ์ในปัจจุบันของท่านพ่อผิดปกติอยู่บ้าง”
เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้วน้อยๆ “ท่านหมายถึงว่าช้าลงหรือ?”
ระดับและพลังสายตาในตอนนี้ของนางย่อมไม่ธรรมดา แค่ได้ยินก็ทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอหมายถึงอะไร
“ห่างจากตอนที่ท่านพ่อสองบุปผาบนกระหม่อมเกือบพันปีแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “สำหรับคนอื่นๆ ย่อมไม่มีใด แต่สำหรับท่านพ่อ กลับมีความผิดปกติแล้ว”
เยี่ยนตี๋ฝึกยุทธบำเพ็ญเพียรแตกต่างกับคนทั่วไป
ดาบกฎเกณฑ์ของเขากำหนดให้เขาต้องพัฒนา ฟันฝ่าขวากหนามอย่างเดียว นอกจากพลังต่อสู้ที่เหี้ยมหาญแล้ว ความเร็วในการยกระดับยังเหนือกว่าคนทั่วไปมาก เร็วจนถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อในสายตาคนจำนวนมาก
แต่เรื่องราวมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย อีกด้านหนึ่งของการยกระดับอย่างรวดเร็วเพราะดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋คือ เขาสามารถและได้แต่ไปด้านหน้าอย่างหาญกล้าเท่านั้น
สำหรับเยี่ยนตี๋แล้ว เรื่องการกดข่มระดับพลังฝึกปรือของตัวเองมีแต่ข้อเสียไม่มีข้อดี
เรื่องที่สั่วหมิงจางมีความสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติฟ้ากำเนิดแล้ว กลับจงใจหยุดอยู่ในระดับเซียนกำเนิดในอดีต ไม่มีวาสนากับเยี่ยนตี๋โดยสิ้นเชิง
หรือว่าารซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ของสายเหนือพิสุทธิ์ รวมถึงการปรับปรุงตัวเอง สั่งสมไม่หยุดเหมือนเยี่ยนจ้าวเกอในปัจจุบัน ก็ไม่เหมาะกับเยี่ยนตี๋เช่นกัน
ถ้าเขากระทำเหมือนเยี่ยนจ้าวเกอและสั่วหมิงจาง ผลคือจะติดอยู่กับที่ ต่อจากนี้ไม่มีความหวังที่จะก้าวหน้าตลอดชีวิต
สิ่งที่อันตรายก็คือ ไม่เพียงแต่ไม่อาจหยุดได้ตามใจ ถ้าหยุดชะงักเพราะไม่อาจทำลายคอขวดได้ เวลาที่หยุดยิ่งนาน คมดาบของเยี่ยนตี๋ก็อาจทื่อลง ยากจะยกระดับขึ้นอีกได้
ไม่เหมือนกับคนอื่นตรงที่เสียเวลาไปหลายปีก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะไปด้านหน้าต่อ
เยี่ยนตี๋หยุดครั้งหนึ่ง ถ้าหยุดนานเกินไป เช่นนั้นก็ไม่มีความหวังอีก
ทุบค้อนซื้อขายในครั้งเดียว สำเร็จได้ก็จะสำเร็จอย่างรวดเร็ว ไม่สำเร็จก็จะไม่สำเร็จอีก ถ้าหากเป็นธนูแรงปลาย ยากเจาะทะลุใยไหม กลับไม่มีโอกาสยิงเป็นครั้งที่สอง
ครั้งนี้หยุดอยู่บนจุดสูงสุดของเซียนกำเนิดมาพันปี เวลาไม่สั้นแล้ว ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความกังวลหลายส่วน
แน่นอนว่านอกจากความกังวลแล้ว ส่วนใหญ่เป็นความเคลือบแคลง
ด้วยพรสวรรค์ของเยี่ยนตี๋ ความพิสดารของดาบกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขสภาพแวดล้อมของจอมยุทธสำนักเต๋าที่ค่อนข้างเพรียบพร้อมในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดจะสร้างความลำบากให้แก่คนนับไม่ถ้วน แต่สมควรไม่อาจขวางเยี่ยนตี๋ได้
เหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอถูกยกย่องเป็นเทวกษัตริย์น้อย ทุกคนเล็งผลเลิศว่าเขาจะต้องขึ้นสู่มหาชาลได้ เยี่ยนตี๋สองพ่อลูกจะต้องสำเร็จตำแหน่งเทวกษัตริย์พร้อมกัน เป็นเรื่องที่ผู้คนล้วนยอมรับ
“เป็นเพราะเกิดความขัดแย้งกับคัมภีร์ตัดนภาของผู้อาวุโสสั่ว จึงส่งผลต่อจิตใจ?” เฟิงอวิ๋นเซิงนิ่วหน้า “ดูจากอดีต สมควรไม่ใช่ หรือจะเป็นป้ายอาญาที่แปลกประหลาดแผ่นนั้น?”
“ป้ายอาญายังคงไม่มีจุดพิเศษใด ตอนนี้มองปัญหาไม่ออก” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “ข้ากำลังคิดว่า จะเกี่ยวกับเมฆแปลงกำเนิดหรือไม่?”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้าแช่มช้า สีหน้าคล้ายนึกอะไรออก “เมฆแปลงกำเนิด…”
ขณะสองคนกำลังคุยกัน เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสั่นไหวเล็กน้อย
ครู่ต่อมาเขาเอ่ยขึ้น “ศิษย์น้องเซี่ย เข้ามาเถอะ”
เซี่ยนกวงเข้ามาในห้องสงบใจที่คนทั้งสองอยู่ “ศิษย์พี่เยี่ยน ศิษย์พี่เฟิง อาจารย์ให้ข้าส่งของให้พวกท่าน”
………………..