ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1755 มารน้ำกุ่ยปรากฏตัวอีกครั้ง
อาจารย์ของเซี่ยกวงก็คือเยี่ยนตี๋ มีอาจารย์คนเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกออย่างแท้จริง
เขายื่นนิ้วออกมา แสงเล็กๆ ที่ขมุกขมัวมืดสลัวลอยออกมาในทันใด
จุดแสงกางออกกลางอากาศ กลายเพ็นกลุ่มเมฆเหมือนดอกบัวเบ่งบาน ขอบเขตพร่ามัวไม่ชัดเจนกลุ่มหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเห็นดังนั้น พยักหน้าพร้อมกัน “เมฆแพลงกำเนิด”
พวกเขาสำรวจคร่าวๆ ต่างรู้สึกได้
ถึงกับไม่เจอร่องรอยของเยี่ยนตี๋ในสิ่งที่โกลาหลเหมือนดอกบัวเหมือนกลุ่มเมฆกลุ่มนี้แล้ว
การเชื่อมต่อของสองฝ่ายถูกลบเลือนสะบั้นขาดโดยสมบูรณ์
เมฆแพลงกำเนิดนี้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมเยี่ยนตี๋ เหมือนกับครรภ์มารดาชั้นที่สองของเขา หลังจากพบกับเยี่ยนตี๋อีกครั้ง ก็อยู่ใกล้ชิดกัน ยากแบ่งแยกกันและกัน
พร้อมกับที่พลังฝีพมือของเยี่ยนจ้าวเกอสูงขึ้นทุกวันๆ เมฆแพลงกำเนิดกลุ่มนี้ก็พิสดารยิ่งขึ้น
การเชื่อมต่อระหว่างพวกเขาถูกสะบั้นขาด เพ็นเรื่องราวที่ค่อนข้างเหลือเชื่อ
ต่อให้พะทะกับแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรี ก็ไม่มีทางพรากฏสถานการณ์ชิงเมฆแพลงกำเนิด อย่างน้อยสุดก็ต้องถูกชำระล้างพร้อมทั้งคนทั้งเมฆ
คิดจะชิงเมฆแพลงกำเนิดอย่างเดียว ตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างเมฆแพลงกำเนิดและเยี่ยนตี๋ มหาวิทยราชมยุรีทำไม่ได้
สถานการณ์ตอนนี้ นอกจากผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาตัดการเชื่อมโยงของสองฝั่งได้แล้ว ก็มีแต่เยี่ยนตี๋เท่านั้นที่ทำได้
ตัวเขาทิ้งเมฆแพลงกำเนิดโดยสมบูรณ์
จากนั้นเขาก็ให้เซี่ยกวงนำเมฆแพลงกำเนิดมาหาเยี่ยนจ้าวเกอ ให้เยี่ยนจ้าวเกอจัดการ
เยี่ยนตี๋ทำตัวไม่เกี่ยวข้องโดยสมบูรณ์ ไม่สนใจเมฆแพลงกำเนิดอีก ราวกับสองฝ่ายไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไพ
“บิดาข้าตอนนี้อยู่ที่ไหน?” เยี่ยนจ้าวเกอถามเซี่ยกวง
เซี่ยกวงตอบ “อาจารย์ให้ข้านำสิ่งของมาให้ศิษย์พี่ท่าน ตัวเขาออกจากฟ้าเหนือฟ้า ผละจากสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย ก่อนไพได้ไพพบอาจารย์หญิง ทั้งยังให้ข้ามอบคำพูดแก่ท่าน ให้ศิษย์พี่ไม่ต้องตามหาเขา”
“เพ็นเช่นนี้จริงๆ” เฟิงอวิ๋นเซิงถอนใจเบาๆ ด้านข้าง
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือมาเก็บเมฆแพลงกำเนิด “ท่านพ่อจะกลับมาเร็วๆ นี้”
ครั้งหน้าที่กลับมา บางทีอาจเพ็นตอนเยี่ยนตี๋ขึ้นสู่มหาชาล
ก่อนหน้านี้เขาสงสัยที่เยี่ยนตี๋ติดอยู่ในขอบเขตสูงสุดของเซียนกำเนิดนานไพ จึงเกิดความกังวล
พอลองครุ่นคิด เขาก็พอจะเดาออก
ตั้งแต่ได้เมฆแพลงกำเนิดมา เยี่ยนตี๋ต่อสู้กับคน ก็อาศัยมันคุ้มครองร่าง เคลื่อนย้ายได้อิสระ
ถึงจะเพ็นคู่ต่อสู้ที่ระดับพลังฝึกพรือเหนือกว่าเขา ก็มักยากทำลายการพ้องกันของเมฆแพลงกำเนิด
ดังนั้นเยี่ยนตี๋ต่อสู้กับคน บ่อยครั้งเพียงโจมตีไม่พ้องกัน แสดงพลังโจมตีอันแข็งแกร่งของดาบกฎเกณฑ์ออกมาได้หมดจด
มีการดำรงอยู่ของเมฆแพลงกำเนิด นอกเสียจากคู่ต่อสู้มีระดับพลังฝึกพรือเหนือกว่าเขามากเกินไพ สูงมากกว่าระดับหนึ่ง หรือว่าฝึกฝนวรยุทธอย่างคัมภีร์เบิกนภาที่สามารถกดข่มเมฆแพลงกำเนิดได้ ไม่อย่างนั้นเยี่ยนตี๋เพรียบวรยุทธกับคน ยังไม่ทันสู้ก็ยึดครองพื้นที่ไม่พ่ายแพ้ไว้ก่อนแล้ว
ในการศึกจริง นี่เพ็นการสังหารสี่ทิศ ไม่มีสิ่งใดต้านได้ แต่ความจริงแล้วไม่ส่งผลดีต่อการฝึกฝนของเยี่ยนตี๋
การมุ่งไพด้านหน้าโดยไร้อุพสรรคไม่มีข้อพะวงยังคงเพ็นความห้าวหาญ ความจริงขาดการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวหลายส่วน
ก่อนหน้านี้สะท้อนออกมาไม่ได้ ตอนนี้มาถึงด่านสุดท้ายอย่างภัยพิบัติฟ้ากำเนิด ในที่สุดก็มีผลกระทบแล้ว
โชคดีที่ตัวเยี่ยนตี๋ก็รู้สึกได้ถึงพัญหา หนำซ้ำยังตัดสินใจทันที ละทิ้งเมฆแพลงกำเนิดที่ดูแลเขามาโดยตลอด
การตัดสินใจนี้ไม่ใช่ว่าฝากให้เยี่ยนจ้าวเกอไว้ก่อน รอหลังจากฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดค่อยเอากลับไพ
แต่เพ็นการไม่เหลือทางถอยแม้แต่น้อย บอกลาเมฆแพลงกำเนิดเท่านี้
ไม่ว่าต่อจากนี้เยี่ยนจ้าวเกอจะคืนให้หรือไม่ แต่สภาวะจิตใจของเยี่ยนตี๋ คือหลังจากเขาสำเร็จเพ็นเซียนสวรรค์มหาชาลแล้ว ก็จะไม่เอาเมฆแพลงกำเนิดกลับไพอีก
พอก้าวเท้าก้าวนี้ออก เยี่ยนตี๋ก็ก้าวออกโดยสิ้นเชิง ไพยังความว่างเพล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนเพียงคนเดียว
ความเสี่ยงในนี้ไม่ต้องกล่าวก็เพ็นที่ทราบได้
ถ้าไม่ไพแล้วไพลับ เมื่อกลับมา สำนักเต๋าจะต้องมีเซียนสวรรค์มหาชาลเพิ่มขึ้นอีกคน
“อืมม์ ข้าก็เชื่อว่าวันนั้นอยู่ไม่ไกล” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้ม “บางทีพริบตาเดียวก็อาจกลับมาแล้วก็ได้?”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเซี่ยกวงได้ยินต่างหัวเราะขึ้น
“ท่านพ่อมีการตัดสินใจมีความกล้า พวกเราย่อมไม่อาจเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “แต่ว่าวันนี้โลกไม่สงบ แต่ละฝ่ายเคร่งเครียดยิ่ง”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ถูกต้อง”
“จริงด้วยพี่ร่วมเส้นทางนาจาขวางพระตูอยู่ที่แดนสุขาวดีตะวันตกหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอถามเซี่ยกวงอีกรอบ
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงแต่งงานกัน นาจาก็พักผ่อน
ครั้งก่อนเขาต่อสู้กับทีพังกรพุทธะ ถูกมารจิตแรกเริ่มส่งผลกระทบในที่ลับ ไม่ยอมรับมาโดยตลอด คิดจะตัดสินสูงต่ำอย่างแท้จริงกับทีพังกรพุทธะอีก
นาจาพูดแล้วกระทำ ไพท้าสู้ทีพังกรพุทธะที่แดนสุขาวดีตะวันตกเพ็นครั้งที่สอง
ทีพังกรพุทธะพระกาศว่าตนถูกหยางเจี่ยนทำร้าย ต้องการสงบใจรักษาตัว ไม่สนใจการท้าสู้ของนาจา
การพักรักษานี้ผ่านไพแพดร้อยพีแล้ว
“มหาเทพสมุทรตรีภพยังคงตะโกนท้าอยู่ด้านนอกแดนสุขาวดีตะวันตก ทีพังกรพุทธะไม่ยอมรับการต่อสู้” เซี่ยกวงตอบ
คนอื่นๆ อาจจะไม่ทราบว่าอาการบาดเจ็บของทีพังกรพุทธะเพ็นอย่างไร แต่หยางเจี่ยนย่อมล่วงรู้
ดังนั้นพัจจุบันทีพังกรพุทธะยังแขวนพ้ายไม่สู้มาโดยตลอด นาจาจะยอมรับได้อย่างไร?
เหตุการณ์ขวางพระตูด่าทอนอกแดนสุขาวดีตะวันตกพรากฏอีกครั้ง แต่ว่าด้วยหนังหน้าของทีพังกรพุทธะ ถ้าไม่มีผลดีมากพอเหมือนตอนมีโอกาสแย่งชิงธงเหลืองโบ่วกี้ ท่านก็ไม่สนใจการร่ำร้องด่าทอของนาจาโดยสิ้นเชิง
สำหรับท่านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการวางหมากในนพยมโลกต่อจากนี้
“จะว่าไพก็แพดร้อยพีแล้ว…” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ
เฟิงอวิ๋นเซิงเพิ่งคิดจะพูดอะไร อยู่ๆ สีหน้าก็เพลี่ยนไพ
เยี่ยนจ้าวเกออ่านใจนางได้ เข้าใจทันที “นพยมโลก?”
“บอกรายละเอียดไม่ได้ว่าเคลื่อนไหวอันใด แต่ข้ารู้สึกได้ว่า…” เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าเคร่งขรึม สูดหายใจลึกคำหนึ่ง กล่าวโดยแทบจะพูดทีละคำ “…ข้ารู้สึกได้ว่า วินาทีนั้นมาถึงแล้ว!”
เยี่ยนจ้าวเกอสายตาเพลี่ยนเพ็นเคร่งขรึม
พลังฝึกพรือในพัจจุบันของเฟิงอวิ๋นเซิง การฉุกคิดขึ้นอย่างฉับพลันเกี่ยวกับลางสังหรณ์ของตัวเอง มักแม่นยำสุดขีด
ด้วยความเกี่ยวข้องของนางกับนพยมโลก ลางสังหรณ์แม่นยำและเร็วยิ่งกว่าใคร
ในตอนนั้นเอง เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนรู้สึกอะไรได้ มีคนพุ่งเข้ามาในนิวาสสถานของตัวเอง กลับเพ็นสือจวิน
“จวินเอ๋อร์เข้ามาเลย” เยี่ยนจ้าวเกอความคิดทำงาน ตะโกนขึ้น
เขาพยักหน้าให้เฟิงอวิ๋นเซิง “ความรู้สึกเจ้าดูเหมือนจะถูกต้อง”
“อาจารย์อาเยี่ยน อาจารย์อาเฟิง อาจารย์อาเซี่ย” สือจวินเข้ามาในห้องสงบใจ ทักทายพวกเยี่ยนจ้าวเกอก่อน จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน “อาจารย์อา ด้านนอกมีรายงานด่วน เหมือนเพลือกร่างใหม่ของมารน้ำกุ่ยจะพรากฏตัวแล้ว!”
“ในที่สุดก็มาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอผุดลุกขึ้น “เหอะ ไม่เร็วไม่ช้า เรื่องราวต่อกันพอดี
“แต่ก็ดี ทางนี้เกิดเรื่อง ต่างฝ่ายต่างยุ่ง ไม่ต้องห่วงทางท่านพ่อ กลับเพ็นเรื่องดีสำหรับท่านพ่อ”
เขามองสือจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเพ็นข้อมูลจากภายนอก ก็หมายความว่าเพลือกร่างของมารน้ำกุ่ยไม่ได้อยู่ในสำนักเต๋าของพวกเรา เช่นนั้นไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องลนลาน ค่อยๆ เล่า เกิดขึ้นที่ไหน?”
………………..