ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1759 หันหอกแทง
ลู่ยาเต้าจวินกลายเป็นแสงรุ้ง ล่องลอยยากหยั่งคาด
แต่ว่ามุกค้ำทะเลมีมากเกินไป ทั้งหมดสิบแปดชิ้นตกลงมาตามลำดับ ทำให้ลู่ยาเต้าจวินได้แต่หลบรอดส่วนหนึ่ง
สุดท้ายังมีมุกหลายชิ้นกระแทกถูกแสงรุ้งอันเป็นมายา
มุกค้ำทะเลที่หนักอึ้งสุดขีดครอบคลุมลง มิติเวลาพังทลายลง แม้แต่แสงรุ้งก็ยากหลบหนี
ทว่าลู่ยาเต้าจวินอาศัยการกลายเป็นรุ้ง ลดประสิทธิผลสะกดวิญญาณของเส้นแสงห้าสีบนมุกค้ำทะเล เช่นนี้เขาสามารถรับมือได้ราบรื่นมากขึ้น
พริบตาที่มุกค้ำทะเลแหวกแสงรุ้งออก ลู่ยาเต้าจวินแสดงร่างพระไวโรจนพุทธะ
ขณะการป้องกันของกายทองยกระดับขึ้นสู่จุดสุงสุด แสงพุทธดวงอาทิตย์ที่กลมสมบูรณ์ดวงหนึ่งบนศีรษะเขาก็ปกคลุมทั่วร่าง
ต้านทานการกระแทกจากมุกค้ำทะเลหลายชิ้น ผ่อนคลายชั่วครู่ ลู่ยาเต้าจวินก็กลายเป็นแสงรุ้งหลบหนี รอดจากการโจมตีขอมุกค้ำทะเลที่เหลือ
อีกด้านหนึ่ง ทีปังกรพุทธะอาศัยเงาลวงมากมายซึ่งลอยออกมาจากไฟตะเกียงสีเทา ล่อลวงรบกวนมีดบินสังหารเซียน
ทุกครั้งที่ทะเลเส้นแสงสีขาวซึ่งสาดขึ้นเพราะมีดบินสังหารเซียนกวาดใส่เงาลวงสายหนึ่ง เงานั้นจะกลายเป็นควันบาง ระเหิดหายไป
อาศัยแผ่นรับเกาทัณฑ์จำนวนมาก ทีปังกรพุทธะหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองตกเป็นเป้าของมีดบินสังหารเซียน
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่สองคนแสดงความสามารถของตัวเอง ท่านมาข้าบุก ทำศึกใหญ่ครั้งหนึ่ง
ยอดฝีมือศาสนาพุทธและเผ่าปีศาจที่มาด้วยกันกับพวกเขาก็พากันสนับสนุนทัพ
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้กางปีก พริบตาเดียวก็บรรลุถึงเหนือศีรษะของทีปังกรพุทธะ โฉบกรงเล็บใส่ศีรษะของอดีตพุทธะ
แต่ว่าในขณะเดียวกัน มีวัชรอภิณฑ์พุทธะขับขานเสียงพุทธะ แสงสีทองบริสุทธิ์ไหลเวียน ดูเหมือนเบาบาง ความจริงแข็งแกร่งถึงขีดสุด
แดนสุขาวดีวัชรพุทธะหดตัวเป็นจุด กลายเป็นสารีริกธาตุวัชระชิ้นหนึ่ง กลับไม่ป้องกันตัววัชรอภิณฑ์พุทธะ แต่ว่าตกสู่ศีรษะของทีปังกรพุทธะ รับกรงเล็บของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้แทนทีปังกรพุทธะ
นกเผิงยักษ์วูบไหวร่าง เด่นชัดว่าหยุดนิ่งที่เดิม แต่คล้ายกับมีเขาคนที่สองโผล่ขึ้นด้านหลังวัชรอภิณฑ์พุทธะ
วัชรอภิณฑ์พุทธะเผชิญการเปลี่ยนแปลงไม่แตกตื่น ท่านกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้เป็นบุคคลระดับสุดยอดของแดนสุขาวดีตะวันตกกับเขาดาราทะเลดวงดาว ก่อนหน้านี้สู้กันหลายครั้ง ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันดี
จิตพุทธะทำงาน สารีริกธาตุวัชระพุทธะผละจากทีปังกรพุทธะ ครอบคลุมเจ้าของสารีริกธาตุ สกัดการโจมตีของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้อีกครั้ง
ถึงจะเผชิญกับผู้เข้มแข็งระดับมหาชาล เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ก็เหมือนกับคงอยู่ทุกที่
แต่ว่าถึงวัชรอภิณฑ์พุทธะจะตามความเร็วของเผิงท่องเมฆไม่ทัน ทว่าท่านใช้สารีริกธาตุวัชระในอาณาเขตที่แน่นอน กลับต่อสู้กับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ได้ ลดความได้เปรียบด้านความเร็วในระดับสูง ทำให้เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ไม่อาจเหิมเหริม
ราชาปีศาจกระทิงเผชิญกับสมันตภัทรโพธิสัตว์ ใช้การเลียนแบบฟ้าดิน กลายเป็นกระทิงขาวขนาดมหึมาพุ่งชนใส่
สมันตภัทรโพธิสัตว์เซ่นบัวสามธรรมของตัวเอง บัวทองทองหมุนวนกลางอากาศ ความมหัศจรรย์สามอย่างได้แก่เวลา มิติ หยินหยางในการสืบทอดหยกพิสุทธิ์สำนักเต๋าต่างบังเกิดขึ้น หลอมรวมกับสามแนวคิดได้แก่วัฏจักร อนัตตา ความไม่เที่ยงแห่งศาสนาพุทธ มีความลี้ลับไร้สิ้นสุด
กระทิงขาวยักษ์เงยหน้าขวิดเขากระทิงบนศีรษะ ปะทะกับบัวทองสามธรรมอย่างตรงไปตรงมา ไม่เห็นความหวาดกลัว
มหาเทวะเผ่าปีศาจเช่นเซียนหัวมังกร หมาป่าขุยมู่ มหาเทวะอีกาทอง ต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธอย่างมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ นรสิงห์พุทธะเป็นพัลวัน
ทว่าสองฝ่ายแม้ทำศึกใหญ่ กลับยังคงมีคนจับตาดูการเคลื่อนไหวของนพยมโลกเบื้องล่าง ระวังป้องกันเหล่ามารนพยมโลกฉวยโอกาสโต้กลับ
ผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธส่วนหนึ่งที่มีพระโพธิสัตว์กวนอิมแห่งศาสนาพุทธเป็นผู้นำ ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม คอยสังเกตทะเลเลือดในหุบเหว
ทางด้านเผ่าปีศาจก็มีจอมปีศาจเช่นหงหยวนที่ไม่ได้ลงมือเช่นกัน
สองฝ่ายยากแบ่งผลแพ้ชนะชั่วขณะ ทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวิไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจสัมผัสกับทะเลเลือดด้านล่างได้
หลังลู่ยาเต้าจวินหลบมุกค้ำทะเลที่ตกลงมาชิ้นหนึ่ง ก็ส่ายหน้า “ขอให้สหายร่วมเส้นทางข่งช่วยเหลือพวกเราอีกแรง”
เสียงของเขาไม่ดัง แต่ถ่ายทอดไปไกล นอกในนพยมโลกล้วนได้ยินชัดเจน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอดวงตาคมกริบ จากนั้นเห็นในความว่างเปล่าพลันปรากฏแสงสีห้าชนิด ส่องสว่างธรรมชาติ
ในแสงพุทธบริสุทธิ์สีเคลือบ เห็นเพียงเปลวเพลิงลุกไหม้ แสงเขียวมีกำลัง ดินเหลืองหนักอึ้ง ทองขาวคมกริบ น้ำดำทอดยาว แสงห้าสายไม่แยกจากกัน ไหลเวียนไม่หยุด
ในแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีนั่งด้วยพระพุทธเจ้าที่มียี่สิบเศียร สิบแปดกร เป็นมหาวิทยราชมยุรี ข่งซวน!
เพียงแต่ต่างไปจากอดีต นักบวชศาสนาพุทธเช่นทีปังกรพุทธะในตอนนี้ พอเห็นมหาวิทยราชมยุรีซึ่งขับขานเสียงมนตราบทสวดมนต์เหมือนกัน กลับไม่ยินดีโดยสิ้นเชิง
เป็นเพราะผู้เข้มแข็งอันดับหนึ่งรองจากอามิตาภพุทธเจ้าแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกผู้นี้ตอนนี้โผล่มา กลับยืนอยู่ด้านเผ่าปีศาจ!
“พระพุทธองค์ทรงเมตตา อภัยศิษย์วันนี้ทำตัวโอหัง” มหาวิทยราชมยุรีสีหน้าสงบนิ่ง หลังปรากฏตัว ก็ไหว้บัวเขียวที่อามิตาภพุทธเจ้าจำแลงขึ้นก่อน “เรื่องราวเกี่ยวพันถึงวาสนาสำเร็จมรรคาของอาตมา วันอื่นจะขอขมาต่อหน้าพุทธะ”
ว่าแล้ว มหาวิทยราชมยุรีก็พุ่งลงสู่นพยมโลก เข้าไปในหุบเหวทะเลมารนพยมโลก
ทีปังกรพุทธะมองมหาวิทยราชมยุรี ถอนใจคำหนึ่ง “สหายร่วมเส้นทางในที่สุดก็มาแล้ว?”
ในอดีตทุกคนแย่งชิงสารีริกธาตุศากยมุณีด้วยกัน ผลคือสารีริกธาตุตกไปอยู่ในมือเผ่าปีศาจ
ลู่ยาเต้าจวินใช้สารีริกธาตุศากยมุณีชิ้นนี้ แลกเปลี่ยนกับการลงมือในตอนนี้ของมหาวิทยราชมยุรี หันหอกแทงใส่แดนสุขาวดีตะวันตก!
พุทธะที่เดิมแข็งแกร่งที่สุดในแดนสุขาวดีตวะนตก ขณะนี้กลับกลายเป็นศัตรูแกร่งที่พวกเขาไม่อาจไม่เผชิญ
“สหายทุกท่านโปรดหลีกทาง ให้ดีที่สุดอย่าได้ระรานน้ำใจ” มหาวิทยราชมยุรีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่รีบร้อน พูดกับทีปังกรพุทธะ
ภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไหลเวียน ผู้ขวางทางแตกพ่าย
แม้แต่พวกผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธอย่างทีปังกรพุทธะ พระโพธิสัตว์กวนอิม มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ วัชรอภิณฑ์พุทธะก็ได้แต่หลบหลีก ไม่กล้าเผชิญความร้ายกาจโดยตรง
ครั้งกระโน้นหลังเสียธงวิเศษบัวเขียวไป แดนสุขาวดีตะวันตกร่วมมือกับนพยมโลกตามหาธงเหลืองโบ่วกี้ ก็เพื่อป้องกันสภาพการณ์ในตอนนี้ไว้ก่อน
แต่เรื่องราวไม่เป็นอย่างหวัง พวกเขาเสียธงวิเศษบัวเขียว ทั้งไม่ได้ธงเหลืองโบ่วกี้ ผลทุกข์ที่บ่มมาก่อนหน้านี้หลายปี ปัจจุบันกลายเป็นจริง
มหาวิทยราชมยุรีหันหอกแทงใส่ พลันทำให้แดนสุขาวดีตะวันตกเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำ รับมือด้วยความลำบาก
ธงเขียวบนนพยมโลกไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด สารีริกธาตุบนบัวเขียวสาดเส้นแสง ยังคงวัดพลังกับมารสวรรค์ไร้พันธนาที่ก้นทะเลเหวนพยมโลก
ทว่าประตูหยกขาวบานนั้นตอนนี้สั่นไหวขึ้นมา
เป้าหมายของจิตปณิธานอันแข็งกล้าสายหนึ่งอยู่ที่ตัวมหาวิทยราชมยุรี
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ
เรื่องราวเกี่ยวพันถึงการถือกำเนิดของเจ้ามรรคาคนใหม่ เทวกษัตริย์ไร้ประมาณไม่อาจทำตัวไม่เกี่ยวข้อง
แม้ว่าโถงเซียนจะไม่มีพลังแย่งชิงชัยชนะในสถานการณ์นี้ ทำให้เจ้ามรรคาคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นบนฝั่งตัวเอง แต่ตั้งเป้าหมายไว้รองลงไป เทวกษัตริย์ไร้ประมาณย่อมหวังว่าเจ้ามรรคาคนใหม่ผู้นี้จะเป็นพันธมิตร ไม่ใช่ผู้ช่วยของพระศรีอาริย์
ทว่าเขาพอมีการเคลื่อนไหว พระศรีอริยเมตไตรยที่จับจ้องเขามาโดยตลอด ก็เคลื่อนไหวทันที
บัวขาวเบ่งบาน ขวางกั้นประตูหยก
ดังนั้นมหาวิทยราชมยุรีจึงอาละวาดต่อเนื่อง
อาศัยการช่วยเหลือของมหาวิทยราชมยุรี ลู่ยาเต้าจวินปล่อยไฟมารสีเขียวหมึกหลายสายใส่ทะเลเลือดอีกคราหนึ่ง
………………..