ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1760 คนที่ตอนแรกสมควรกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว
มีมหาวิทยราชมยุรีช่วยเหลือสกัดเหล่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก ลู่ยาเต้าจวินหมดความพะว้าพะวง ใช้วิชาของตัวเองหลอมเปลี่ยนทะเลเลือด ทำลายภัยมารของตัวเอง
เผชิญกับแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรี ทีปังกรพุทธะมิเพียงไม่กล้าเข้าใกล้ ถึงขั้นไม่อาจใช้มุกค้ำทะเล โจมตีลู่ยาเต้าจวินจากระยะทางไกล ไม่อย่างนั้นจะถูกมหาวิทยราชมยุรีใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีดูดมุกค้ำทะเลไป
เห็นลู่ยาเต้าจวินกำลังจะทำสำเร็จ ทะเลเลือดเบื้องล่างพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง!
ระลอกคลื่นประกายโลหิตที่ก่อนหน้านี้กำลังจะผนึกแข็ง ยามนี้แกร่งกล้าขึ้นมา
บนยอดเสาสิบสองต้นที่เป็นตัวค้ำใต้ทะเลเลือด ยอดเสาต้นที่เป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม เงาแสงที่เป็นมายาค่อยๆ ผนึกเป็นวัตถุ ถึงกับคล้ายเพิ่มเงาคนตามความจริงสายหนึ่ง
ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ที่ก่อนหน้านี้มีพัฒนาการอย่างลำบากเพราะการสะกดจากกษัตริย์บูรพาไท่อี้ เวลานี้ถึงกลับโคจรอีกครั้ง
ความสนใจของเหล่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกกับพวกปีศาจจากเขาดาราทะเลดวงดาวพลันถูกทะเลเลือดด้านล่างดึงดูด
แม้แต่มหาวิทยราชมยุรียังก้มหน้าไปมอง
ก่อนหน้านพยมโลกเหมือนกับถูกสะกดจนยากกระดิกกระเดี้ย ราวกับลูกแกะรอให้เชือด ได้แต่รอคอยเผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธแบ่งผลแพ้ชนะ ตัดสินว่าผู้ใดจะยกมีดขึ้น
ทว่าตอนนี้ทุกคนถึงกับค้นพบว่า ตรงหน้าไม่ใช่ลูกแกะที่ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน หากเป็นอสรพิษที่รอจังหวะเวลาอย่างสงบ
ด้านนอกนพยมโลก ข้างเยี่ยนจ้าวเกอแว่นเสียงครางหนักๆ คำหนึ่ง
หันไปมอง เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าซีดขาว
ในสองตาของนางถึงกับมีประกายแสงสีดำน้ำเงินกะพริบไม่หยุดโดยยากจะสะกด เด่นชัดว่าสำนึกมารทวีขึ้น ราวกับกำลังกลายเป็นมาร
ข้างใต้เท้าถึงขั้นไม่อาจควบคุม เดินออกด้านหน้าหนึ่งก้าว คิดจะเข้าหานพยมโลก
เฟิงอวิ๋นเซิงกัดฟันกรอด ค่อยฝืนควบคุมไม่ให้ตัวเองไปด้านหน้าได้ แต่ว่าเซียนสวรรค์มหาชาลผู้ยิ่งใหญ่ ฝีเท้าถึงกับซวนเซ เกือบจะล้มคว่ำ
ตั้งแต่นางขึ้นสู่มหาชาล และสร้างหุบเหวโกลาหลสูญ ตัดการรบกวนจากนพยมโลก ฉากเหตุการณ์นี้ปรากฏเป็นครั้งแรก
เยี่ยนจ้าวเกอไม่พูดพร่ำทำเพลง เคลื่อนตัวไปถึงด้านหลังเฟิงอวิ๋นเซิง ยื่นฝ่ามือหนึ่งออกมากดกางหลังนาง
เทวกษัตริย์สำนักเต๋าเช่นหยางเจี่ยน พระอาจารย์เสวียนตู นาจา ไท่อี้จินหยินที่อยู่ด้านข้าง ต่างหันหน้าไปมองเยี่ยนจ้าวเกอสามีภรรยา
เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ รวมกายใจเป็นหนึ่ง หลับตาลง
บนศีรษะนางปรากฏสภาพหุบเหวโกลาหล ขณะเดียวกัน ทั่วทั้งร่างมีควันสีดำยิ่งใหญ่ไพศาลทะลัก จากนั้นถูกหุบเหวโกลาหลด้านบนกลืนหายไป
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งช่วยนาง ทางหนึ่งมองไปยังด้านในนพยมโลก
เขามองส่วนลึกของทะเลเหวนพยมโลก มองไปยังเสาสิบสองต้นใต้ก้นทะเลเลือด
บนเสาสิบสองต้นต่างมีเงาแสงวูบไหว
เงาแสงต่างก็ผนึกตัวเป็นสสารบนเสาของหกสุดยอดมารที่เป็นสัญลักษณ์ของมารจิตแรกเริ่ม มารทองแก มารไม้อิก มารน้ำกุ่ย มารไฟปิ่ง มารดินโบ่ว
เงาแสงก็ผนึกเป็นสสารบนเสาที่เป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์บุุพกาลเช่นกัน
บนเสาสามต้นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์ธรรมชาติ มารสวรรค์สูงสุด มารสวรรค์ไร้รูป เงาแสงยังคงเป็นมายา
บนเสาอันเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์ไร้พันธนา คันฉ่องสีดำนั้นกำลังต้านทานเส้นแสงสารีริกธาตุจากอามิตาภพุทธเจ้า
บนเสาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม เงาแสงเดิมทีเป็นมายา แต่ว่าวินาทีนี้ กลับเหมือนมีแกนกลาง เปลี่ยนจากลวงเป็นจริงเช่นกัน
ทุกคนเพ่งตามองไป เงาคนบนเสาต้นนั้นเป็นสตรีนางหนึ่ง
สตรีที่ทั่วทั้งร่างมีกลิ่นอายเย็นเยียบเคร่งขรึมสายหนึ่งไหลออกมา ไว้ผมสั้นถึงกกหู คนไม่อาจบอกได้ว่างดงาม โครงหน้าห้าวหาญ
คนที่สมควรกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปนานแล้วปรากฏขึ้นที่นี่
เยี่ยนจ้าวเกอรู้จักคนผู้นี้
เป็นนางมอบภัยพิบัติและวาสนาให้แก่เฟิงอวิ๋นเซิง
อดีตผู้สืบทอดสำนักเต๋า หนึ่งในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่แห่งโลกซ้อนโลก ราชันพระราหู เจี่ยนซุ่นหวา!
ตอนนี้เจี่ยนซุ่นหวาสีหน้าซีดขาว หลับตาแน่นเหมือนเฟิงอวิ๋นเซิง
ทั่งร่างนางเต็มไปด้วยลวดลายมารที่แปลกประหลาดหลายสาย แสงสว่างไหลเวียนบนลวดลายมาร
บนผิวของเฟิงอวิ๋นเซิงถึงกับมีลวดลายมารที่คล้ายกัน บัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏเช่นกัน
ดาบยาวสีดำที่เหมือนกันสองเล่มแยกกันโผล่ขึ้นด้านในด้านนอกนพยมโลก ลอยอยู่ตรงหน้าเฟิงอวิ๋นเซิงและเจี่ยนซุ่นหวา ประกายประหลาดไหลเวียนบนคมดาบไม่หยุดยั้ง
“นพยมโลกมีกระบวนท่าตามหลังจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอหยีตา “มิน่าข้าถึงรู้สึกมาโดยตลอดว่าพวกเราไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมมากพอ กลับแสดงให้เห็นว่ามีคนหนุนหลัง ที่แท้มีการเตรียมตัวอยู่ก่อนจริงๆ”
ไท่อี้จินหยินขมวดคิ้ว “ข้าจำได้ว่า สตรีนางนี้สมควรตกตายไปแล้ว แม้เพราะความเกี่ยวข้องกับสหายร่วมเส้นทางเฟิง ก็ไม่อาจคืนชีพได้กระมัง?”
“อวิ๋นเซิงชนะในการต่อสู้กับนาง แต่นางมิได้พ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ นพยมโลกช่วยเหลือนางในที่ลับ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “เกรงว่ามารสวรรค์ไร้พันธนาจะลงมือช่วยอำพรางด้วยตัวเอง จึงซ่อนมาถึงวันนี้ได้!”
หยางเจี่ยนมองอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยว่า “ตอนนี้นางก็ไม่นับว่าคืนชีพ ถึงขั้นที่ไม่มีร่างของตัวเอง ไม่อาจนับเป็นสิ่งมีชีวิต แต่อยู่ในสภาพไม่เป็นไม่ตาย นพยมโลกเก็บตัวนางไว้ ก็เพื่อวางแผนเล่นงานสหายร่วมเส้นทางเฟิงในตอนนี้”
นพยมโลกอาศัยวิญญาณของเจี่ยนซุ่นหวา สร้างการเชื่อมโยงกับเฟิงอวิ๋นเซิง คิดจะดึงดูดนางให้เข้าหานพยมโลก กลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์
ครั้งกระโน้นเป็นนางสู้ชนะเจี่ยนซุ่นหวา ทั้งยังแบ่งเอาอำนาจส่วนหนึ่งของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมไป
เปลือกร่างที่ดีที่สุดที่นพยมโลกตั้งใจกระตุ้นให้มารสวรรค์ปัจฉิมธรรมกำเนิดก่อน ยังเป็นเฟิงอวิ๋นเซิง
ทว่าตอนนี้ต่อให้เฟิงอวิ๋นเซิงไม่เข้าหานพยมโลก วิถีมารก็ใช้การดำรงอยู่ของเจี่ยนซุ่นหวาดึงอำนาจที่เป็นของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมจากเฟิงอวิ๋นเซิง หล่อเลี้ยงเสริมความแข็งแกร่งแก่มารสวรรค์ปัจฉิมธรรม และใช้การก่อตั้งค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ ทำให้มารสวรรค์ปัจฉิมธรรมจุติก่อนกำหนดได้
ในความว่างเปล่าด้านนอกนพยมโลก เสียงสายฟ้าครืนครัน ประดายดาวระยิบระยับ
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉินต่างก็เผยร่าง ยืนอยู่ในทัพสำนักเต๋า
สายตาของพวกเขาต่างสับไปมาระหว่างเฟิงอวิ๋นเซิงกับเจี่ยนซุ่นหวา พากันถอนใจคำหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ลนลาน ขณะที่มือหนึ่งกดกลางหลังเฟิงอวิ๋นเซิง อีกมือหนึ่งประสานมุทรา เปลี่ยนแปลงไม่หยุด
ลวดลายแสงสีดำบนผิวเฟิงอวิ๋นเซิงบัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏ บัดเดี๋ยวสว่างบัดเดี๋ยวมืด ยากจะปรับให้มั่นคงโดยสมบูรณ์เหมือนอย่างเจี่ยนซุ่นหวา
พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป ลวดลายแสงสีดำบนผิวเฟิงอวิ๋นเซิงเริ่มจางลงอย่างช้าๆ
การบกวนควบคุมที่นพยมโลกมีต่อนางอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง กำลังจะขาดห้วงลง
เฟิงอวิ๋นเซิงอย่างไรก็ไม่ได้ลงสู่นพยมโลก ส่วนมารสวรรค์ไร้พันธนาวินาทีนี้ก็กำลังวัดพลังกับอามิตาภพุทธเจ้า ยากจะแบ่งสมาธิมาดูแลรอบข้าง
ในค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ มารจิตแรกเริ่มมองเหตุการณ์นี้ ถอนใจคำหนึ่ง “ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ป้องกันวิธีนี้ของพวกเราไว้ก่อนแล้ว”
“มีประสิทธิผลก่อนหน้านี้ก็ดีมากแล้ว” มารเงากล่าวขึ้นด้านข้าง
ค่ายกลวิถีมารกลายเป็นทะเลเลือด ดุร้ายน่ากลัวขึ้น ประกายโลหิตเทียมฟ้าทะลักขึ้นจากส่วนลึกของทะเลเหวอีกครั้ง
กลิ่นอายที่เงียบสงบดุร้ายพุ่งสู่ฟากฟ้า เขตมารนพยมโลกทั้งหมดถึงขั้นสั่นสะเทือนขึ้นมา
แม้แต่อามิตาภพุทธเจ้ากับกษัตริย์บูรพาไท่อี้ร่วมมือกันสะกด ก็เหมือนไม่มั่นคงดั่งเดิม
บนนพยมโลก บัวเขียวกับระฆังโบราณเห็นดังนั้น พุ่งลงด้านล่าง เข้าไปในเขตมาร เอาร่างจริงลงไปยังนพยมโลกอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน!
………………..