ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1761 ทำลายฟ้าดินอย่างสบายๆ
บัวเขียวกับระฆังโบราณทิ้งตัวลงสู่ทะเลเหวนพยมโลกโดยตรง
เขตมารที่ก่อนหน้านี้ยังสับสนพลันสงบนิ่งลง สั่นไหวอยู่บ้าง ราวกับรองรับการกดดันไร้สิ้นสุด
คลื่นทะเลเลือดที่ถั่งโถมกำลังจะสงบอีกครั้ง
พุทธะผิวเหลืองคล้ายเทียน กายทองสูงหกจั้ง กับกษัตราผู้มีใบหน้าล่องลอย น่าเกรงขามผู้หนึ่ง ปรากฏตัวใต้ก้นทะเลเหวนพยมโลก ก้าวเข้าไปในทะเลเลือดโดยตรง
อีกด้านหนึ่ง คันฉ่องสีดำอันเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์ไร้พันธนาบนเสาสิบสองต้นใต้ค่ายกลทะเลเลือดหายไป ที่มาแทนที่เป็นสิ่่งที่มีรูปร่างเหมือนคนแต่มีแปดแขน สวมอาภรณ์สีดำ
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาสามคนในที่สุดก็เผยร่างจริง ลบความมหัศจรรย์ของอีกฝ่าย แสดงสภาพมีรายละเอียดต่อหน้าชนชาวโลก
เจ้ามรรคาคุมเชิง เขตมารนพยมโลกทั้งหมดสั่นไหว เหมือนกับกำลังจะถล่ม
ยังดีที่ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ยังคงโคจรสุดกำลัง จึงรักษาความมั่นคงให้นพยมโลกได้
กระนั้นอามิตาภพุทธเจ้ายื่นนิ้วหนึ่งออกมา ทะเลเลือดที่ถูกสะกดพลันสงัดเงียบกว่าเดิม
บนเสาที่เป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์ไร้รูปท่ามกลางเสาสิบสองต้นใต้ก้นทะเลเลือด เงาแสงอันเป็นมายาถึงกับยิ่งมายิ่งจาง ยิ่งมายิ่งตื้นเขิน มีเค้าลางถดถอย
หมู่มารนพยมโลกสีหน้าล้วนเคร่งเครียดสุดขีด
ก่อนที่ฟ้าดินจะถือกำเนิด เขตมารนพยมโลกถูกเปิดกลางความขมุขมัวสับสน อามิตาภพุทธเจ้ากลายเป็นมารสวรรค์ไร้รูป ชิงยึดครองตำแหน่งบรรพมารตนที่สี่ ทำลายดวงชะตาของวิถีมาร
ถึงแม้ก่อนหน้าท่านจะละทิ้งอำนาจมารสวรรค์ไร้รูป คืนแก่นพยมโลก ทำให้ปัจจุบันนพยมโลกก่อตั้งค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ได้
ทว่าในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคา อามิตาภพุทธเจ้ายังคงมีผลกระทบต่อมารสวรรค์ไร้รูปหลายส่วน
ตอนนี้แสดงผลในช่วงเวลาสำคัญ พลันหยุดยั้งการโคจรของค่ายกาลสิบสองเทพมารสวรรค์เพิ่มอีกขั้นหนึ่ง
นพยมโลกไม่ใช่ไม่มีการเตรียมใจต่อเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้มารสวรรค์ไร้พันธนาป้องกันเรื่องนี้สุดกำลัง แต่ยังคงไม่อาจป้องกันได้รอบด้าน
มือแปดข้างของมันประสานมุทรา ควบคุมกระตุ้นการโคจรค่ายกล
ประกายโลหิตหลายสายสว่างขึ้นใหม่ พุ่งเข้าหาอามิตาภพุทธเจ้าดุจคลื่นทะเล
อามิตาภพุทธเจ้าสีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ปรากฏธงวิเศษผืนหนึ่งขึ้นบนศีรษะ ยอดธงมีสารีริกธาตุ ธงกางออก แสงเคลือบไร้สิ้นสุดสาดลง กั้นประกายโลหิตไว้ด้านนอก
ใบหน้าของกษัตริย์บูรพาไท่อี้ซ่อนอยู่หลังเมฆหมอก ทำให้คนมองไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริง แต่บนศีรษะของเขามีแสงสว่างผนึกตัวเป็นระฆังสำริดใบหนึ่ง
เสียงระฆังก้องกังวาน คลื่นไร้รูปร่างหลายสายขยายออกมา แม้แต่ทะเลเหวนพยมโลกที่ลึกจนหยั่งไม่ถึงนั้น วินาทีนี้คล้ายผนึกตัวเป็นของแข็ง ก่อนจะเกิดรอยแตกหลายสาย!
มารสวรรค์ไร้พันธนาหุบแขนทั้งแปดมาไว้ด้านหน้าทรวงอก
แสงสว่างหุบรวมที่ใจกลางฝ่ามือทั้งแปดของมัน ตอนแรกเจิดจ้าแยงตา ภายหลังบริสุทธิ์โปร่งใส ราวกับคันฉ่องกลมที่สว่างไสวใบหนึ่ง
กล่าวไปประหลาดนัก เสียงระฆังไร้รูปร่างที่ดังขึ้นเพราะระฆังสำริด เวลานี้กลับเหมือนเปลี่ยนเป็นมีรูปร่าง ถูกแสงบริสุทธิ์ส่องใส่ หายไปเป็จจำนวนมาก กลายเป็นเส้นเส้นหนึ่ง ตกลงบนคันฉ่องกลม
คันฉ่องกะพริบแสงวูบหนึ่ง ยิงใส่เสียงระฆัง กลายเป็นคลื่นยักษ์พุุ่งตรงดิ่ง เป้าหมายคืออามิตาภพุทธเจ้า
มารสวรรค์ไร้พันธนาแสดงฝีมือ ต้องการอาศัยพลังของกษัตริย์บูรพาไท่อี้ โจมตีใส่ผู้ปกครองแดนสุขาวดีตะวันตก
หากแต่อามิตาภพุทธเจ้าเห็นดังนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
กษัตริย์บูรพาไท่อี้ยกมือขึ้นเคาะใส่ระฆังบนศีรษะตัวเอง
คลื่นยักษ์ที่ถูกแสงกระจกเบี่ยงออกพลันหายไป ไปไม่ถึงตรงหน้าอามิตาภพุทธเจ้า
ครั้งต่อมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง กลับไปถึงด้านข้างมารสวรรค์ไร้พันธนาแล้ว
มารสวรรค์ไร้พันธนากางฝ่ามือ เปลี่ยนแปลงมุทราอีกครั้ง
ประกายโลหิตถั่งโถมวนเวียนรอบกายมัน กั้นขวางการโจมตีจากคลื่นยักษ์
ทว่าอามิตาภพุทธเจ้าราวเมฆจางลมเบา ยื่นนิ้วออกมาอีกคราหนึ่ง
เงาลวงอันเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์ไร้รูปจางลงอีกหลายส่วน
ได้รับผลกระทบเช่นนี้ ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์โคจรช้ากว่าเดิม ประกายโลหิตที่วนเวียนรอบๆ ตัวมารสวรรค์ไร้พันธนาได้รับการควบคุม จางลงหลายส่วน
ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ยังไม่ทันได้ก่อตั้งขึ้นมาอย่างแท้จริง แต่ก็มีอานุภาพใหญ่หลวง ช่วยมารสวรรค์ไร้พันธนาใช้หนึ่งสู้สอง ต้านทานศัตรูระดับมรรคาสองคน
ทว่าอามิตาภพุทธเจ้ากับกษัตริย์บูรพาไท่อี้แข็งแกร่งขนาดไหน ภายใต้การร่วมมือกันของพวกเขา มารสวรรค์ไร้พันธนาพกพาค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ที่ไม่สมบูรณ์ ได้แต่ลองฝืนต้านดู ถอยร่นติดต่อกัน ยิ่งมายิ่งเสียเปรียบ
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งช่วยเฟิงอวิ๋นเซิงหล่อเลี้ยง ทางหนึ่งจับตาการเคลื่อนไหวในนพยมโลกอย่างใกล้ชิด
คนอื่นๆ อย่างพวกหยางเจี่ยนจับจองทะเลเหวนพยมโลกโดยไม่กะพริบตา
การต่อสู้ของสามเจ้ามรรคาตรงนั้นดูเหมือนกลิ่นดินประสิวยังไม่ฉุน ลักษณะเหมือนไม่รุนแรง แต่นั่นเป็นเพราะว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาเป็นเหมือนกันเท่านั้น
ทะเลเลือดเทียมฟ้านั้นซัดคลื่นลูกหนึ่งลง คนที่อยู่รอบๆ ในตอนนี้มีแค่คนไม่กี่คนที่รอด คนที่เหลือล้วนถูกฟาดตายคที่ในพริบตาเดียว
ทะเลเลือดกลืนกิน แม้แต่ศพก็ไม่ทิ้งไว้
ต่อให้เป็นคนไม่กี่คนเช่นมหาวิทยราชมยุรี ถ้าหากว่าหลบหนีไม่ทันเวลา แม้จะต้านได้ชั่วขณะ ต่อจากนั้นก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะโดนคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่รุนแรงยิ่งกว่ากลืนหายไป
ทว่าตอนนี้ อามิตาภพุทธเจ้ากับกษัตริย์บูรพาไท่อี้ใช่ร่างเข้าไปในทะเลเลือด สะกดมารสวรรค์ไร้พันธนากับค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์
ดังนั้นคลื่นลมด้านนอกทะเลเลือดจึงสงบลงอีกครั้ง
ทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินมีโอกาสหลอมเปลี่ยนทะเลเลือด แก้ไขภัยมารอีกหน
ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์คล้ายกับถูกแขวนไว้กลางอากาศอีกรอบ ยากจะประสบความสำเร็จ กลับกลายเป็นกับข้าวในชาม ขึ้นอยู่กับว่าใครจะลงมีดต่อไปได้สำเร็จ
มหาวิทยราชมยุรียังคงแข็งแกร่ง ทำให้ทีปังกรพุทธะกับแดนสุขาวดีตะวันตกได้แต่ทำอะไรไม่ได้
ลู่ยาเต้าจวินฉวยโอกาสเกาะกุมเวลา ปล่อยไฟมารสีเขียวหมึกใส่ทะเลเลือดนั้น
บนนพยมโลก เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ยังคงสะกดตรึงกันไว้
ทีปังกรพุทธะมองมหาวิทยราชมยุรีเอ่ยว่า “สหายร่วมเส้นทาง สารีริกธาตุห้าชิ้น โยมได้ไปสี่แล้ว ขาดเหลือเพียงชิ้นสุดท้ายในมือเมตไตรย เขาไหนเลยให้โยมง่ายๆ? รอจนพุทธเราทำลายบัวขาวเส้นทางนอกรีต โยมได้สารีริกธาตุไปครบ ไหนเลยไม่งดงาม?”
“โยมช่วยสหายร่วมเส้นทางลู่ยาขึ้นสู่มหาชาล เช่นนั้นโอกาสที่โยมจะได้สารีริกธาตุชิ้นสุดท้ายมาก็น้อยกว่าเดิม”
พอกล่าวขึ้น การเคลื่อนไหวของเผ่าปีศาจทุกตนชะงักเล็กน้อย
“ครั้งกระโน้นแดนสุขาวดีตะวันตกแลกเปลี่ยนสารีริกธาตุสองชิ้นให้มหาวิทยราชมยุรี ตอนนี้เผ่าปีศาจแลกเปลี่ยนอีกชิ้น นั่นหมายความว่า มหาวิทยราชมยุรีเดิมมีอยู่แล้วชิ้นหนึ่ง?” พวกเยี่ยนจ้าวเกอมองหน้ากัน “เขายังขาดสารีริกธาตุศากยมุณีชิ้นสุดท้าย อยู่ในมือพระศรีอาริย์หรือ?”
ข่งซวนเดิมครอบครองสารีริกธาตุหนึ่งชิ้น ภายหลังรับแลกสารีริกธาตุอีกสามชิ้นผ่านการแลกเปลี่ยนหลายรอบๆ
เรื่องนี้เดิมเป็นความลับสูงสุด มีแค่ตัวท่านที่ทราบ
แต่คาดไม่ถึงว่าทีปังกรพุทธะถึงกับรู้เรื่อง หนำซ้ำยังเปิดเผยข้อมูลในวันนี้
ทีปังกรพุทธะไม่มีความจำเป็นต้องโกหก
พระศรีอาริย์ไม่อาจอนุมานที่อยู่อย่างเป็นรูปธรรมของสารีริกธาตุที่พระศรีศากยมุณีพุทธเจ้าซึ่งหลุดพ้นไปแล้วทิ้งไว้ได้
แต่ว่าท่านมีสารีริกธาตุชิ้นหนึ่งในมือ อนุมานได้ว่าประโยคเมื่อครู่ของทีปังกรพุทธะเป็นจริงหรือปลอม
เรื่องราวมาถึงวันนี้ ในที่สุดทุกคนก็ทราบถึงที่อยู่ของสารีริกธาตุศากยมุณี
นี่กลับทำให้บรรยากาศระหว่างมหาวิทยราชมยุรีกับเผ่าปีศาจเปลี่ยนเป็นประหลาดพิกลขึ้นมา
………………..