ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1769 สามพิสุทธิ์เชื่อมเป็นเส้นเดียว
พร้อมกับที่เฟิงอวิ๋นเซิงหักดาบยาวด้านนอกทะเลเลือด ด้านบนเสาสิบสองต้นด้านในทะเลเลือดถึงกับมีแสงสีแดงเคลื่อนไหว ผนึกตัวไม่สลาย กลายเป็นหลุมอันเป็นมายาหลุมหนึ่ง
รอบตัวเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มวงแสงวงหนึ่ง วนรอบตัวเขา หลบแนวเส้นแรกของการปะทะระหว่างค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกับค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ผ่านหลุมดำตรงหน้า ไปถึงด้านในค่ายกลวิถีมารโดยตรง
มาถึงด้านใต้ทะเลเลือด!
หยางเจี่ยน เฟิงอวิ๋นเซิง วานรปีศาจรั้งอยู่นอกทะเลเลือด ปกป้องพระอาจารย์เสวียนตูหลอมเปลี่ยนเขตมารนพยมโลกต่อ
ผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋าคนอื่นๆ ผนึกกำลังด้วยกัน มีเยี่ยนจ้าวเกอใช้วงแสงหลายสายที่เกิดจากพิธีกรรมเปิดทางนำวิถี พวกสั่วหมิงจาง ไท่อี้จินหยิน นาจาพุ่งเข้าไปในทะเลเลือดด้วยกัน
มาถึงก้นทะเลเลือด ปราณพิฆาตที่ถั่งโถมทำให้คนรู้สึกราวกับอวัยวะภายในลุกไหม้
ถึงจะมีค่ายกลลงทัณฑ์เซียนสะกดค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ แต่ว่าทุกชีวิตนอกจากมารร้ายเมื่ออยู่ในค่ายกลมาร ยังคงต้านทานไม่ง่าย
แม้ว่าจะเป็นเซียนสวรรค์มหาชาล ก็ยังรู้สึกได้ถึงการคุกคามจากความตาย
กระนั้นผลกระทบจากค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกับกษัตริย์บูรพาไท่อี้ก็ยังคงอยู่
สั่วหมิงจางตวาดคำหนึ่ง ผลักสองมือขึ้นด้านบนพร้อมกัน จากนั้นก็ฟันลงไปสองฟากข้างด้วยสภาวะแยกฟ้า
แสงตัดนภาเส้นหนึ่งลอยขึ้นด้านบน จากนั้นก็กวาดทำลายไปสองด้าน
ส่วนลึกของทะเลเลือด นอกจากสถานที่ที่กษัตริย์บูรพาไท่อี้ต่อสู้กับมารสวรรค์ไร้พันธนา ถึงกับถูกลบเป็นดินแดนว่างเปล่าผืนหนึ่ง!
บุรุษผมสั้นร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านกลางทะลเลือด แยกฟ้าผ่าทะเล แสงตัดนภาครอบคลุมลง ฟันสร้างที่หยั่งเท้าผืนหนึ่ง ฟันเปิดเส้นทางเส้นหนึ่งให้แก่คนสำนักเต๋า
พวกเยี่ยนจ้าวเกอคว้าชั่วอึดใจที่สั่วหมิงจางชิงให้ พุ่งสู่เสาสิบสองต้นที่ใต้ทะเลเลือด
พวกมารจิตแรกเริ่มพากันลงมือขัดขวาง
ทว่าพวกมันที่สร้างความมั่นคงให้ค่ายกล พอแบ่งแยกสมาธิ กำลังมีไม่เพียงพอ ถูกคนในสำนักเต๋าพุ่งมาถึงที่ใกล้อย่างหักโหม
เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งเข้าใส่เนี่ยจิงเสิน
เนี่ยจิงเสินที่ตอนแรกยืนนิ่งสะดุ้งโหยง เหมือนได้สติกลับมา ลงมือปะทะกับเยี่ยนจ้าวเกอที่พุ่งเข้าใส่เขาโดยสัญชาตญาณ
ทว่าแสงสว่างหลายสายรอบตัวเยี่ยนจ้าวเกอลอยขึ้นจากร่าง ตกลงบนตัวเนี่ยจิงเสิน
การเคลื่อนไหวของเนี่ยจิงเสินเบาลงอย่างไม่อาจควบคุมตัว
“เปิด!” เยี่ยนจ้าวเกอตวาดเบาๆ ในมือเพิ่มจานกลมผลึกใสที่กระทัดรัดใบหนึ่ง
เส้นแสงหลายสายผุดจากด้านใน ตัดสลับกันกลายเป็นผลึกขนาดมหึมาที่รูปร่างไร้แบบแผน ผนึกเนี่ยจิงเสินที่ยืนนิ่งไว้ด้านใน
“ขึ้น!” เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดแขนเสื้อ เก็บผลึกนั้นไว้ด้านในแขนเสื้อ
ด้านข้าง นาจาสายตาไม่เป็นมิตร กวาดมองเสาสิบสองต้นนั้น
บนเสาอันเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม เจี่ยนซุ่นหวาหลับตาสนิท นั่งขัดสมาธิอยู่เฉยๆ
บนเสาที่เป็นสัญลักษณ์มารทองแก ธงแดนเมฆสีม่วงที่สลักลวดลายมารพัดพลิ้ว
ทว่าสายตาของมารสวรรค์ไร้พันธนาในตอนนี้ มองมายังคนในสำนักเต๋า
สัมผัสได้ถึงสายตาที่เย็นชาไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ นั้น ไท่อี้จินหยินคว้าตัวนาจา ถอยหลังด้วยความเร็วสูง
พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ถอยเข้าไปในหลุมดำขามาด้วย
ประกายโลหิตเทียมฟ้าพัดม้วน ทว่าสั่วหมิงจางไม่ต้องประคับประคองต่อ
ทุกคนออกจากทะเลเลือดอย่างรวดเร็ว
ด้านนอกทะเลเหว ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกับค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ยังคงวัดกำลังกันไม่หยุด
ปราณกระบี่ไร้สิ้นสุดแห่งการสังหารทำลายล้าง กำลังฟันทำลายทะเลเลือดด้านล่างไม่หยุด
พระอาจารย์เสวียนตูกำลังหลอมเปลี่ยนเขตมารนพยมโลกไม่หยุดยั้งเช่นกัน
นพยมโลกที่เดิมแข็งแกร่ง ตอนนี้หดตัวต่อเนื่อง มิได้กัดกินขยายตัวไปด้านนอกอย่างเหิมเกริมอีกต่อไป
รูปไท่จี๋ที่เกิดจากการรวมปราณพิสุทธิ์และควันม่วงบนศีรษะพระอาจารย์เสวียนตู ยิ่งมายิ่งขยาย ปรากฏสภาพปกฟ้าคลุมดิน ราวกับสิ่งที่จะมาแทนที่นพยมโลก
เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งจากหลุมดำ ไม่กล่าวมากความ กางแขนเสื้อ ประกายผลึกเป็นจุดๆ ลอยออกมา ไม่ทันไรก็เปลี่ยนเป็นผลึกที่ไม่มีแบบแผน
ในผลึกผนึกเนี่ยจิงเสินไว้
เนี่ยจิงเสินในตอนนี้หลับสองตา คล้ายหลับไหล
ทว่าประกายกระบี่สีทองหม่นทั่วทั้งร่างกะพริบ เห็นได้ชัดว่าคิดจะทำลาย จานผลึกที่ผนึกตน
ในทะเลเลือดเหวลึก บนเสาอันเป็นสัญลักษณ์ของมารทองแก ธงแดนเมฆสีม่วงพัดเสียงพึ่บพั่บ ลวดลายมารบนผืนธงส่องระยิบระยับไม่หยุดเช่นกัน
พร้อมกับที่ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ถูกสะกด ลวดลายมารบนผืนธงค่อยๆ จางลง ตัวธงกำลังถูกฉีกกระชาก
เยี่ยนจ้าวเกอแนบมือซ้ายกับผิวผลึก ยันต์อาคมหลายสายลอออกมา ติดบนผลึก
“ศิษย์พี่อวี่ ได้แล้ว” ตอนนี้เฟิงอวิ๋นเซิงมาถึงด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอ ในเหวลึกโกลาหลบนศีรษะนางพลันมีคนคนหนึ่งกระโดดออกมา
สตรีที่สวมอาภรณ์เขียวคนหนึ่ง เป็นอวี่เย่
อวี่เย่โผล่มา พวกมารจิตแรกเริ่มในนพยมโลกพากันขมวดคิ้ว
พวกเขากลับไม่ใช่หวั่นเกรงพลังส่วนตัวของอวี่เย่
ตอนนี้ผู้เข้มแข็งสำนักเต๋าสะกดสามฝั่ง อวี่เย่แข็งแกร่งขนาดไหน ก็เหมือนเพิ่มบุปผาบนผ้าแพร
สิ่งที่พวกมารจิตแรกเริ่มกับมารเงาสนใจก็คือ ตอนนี้อวี่เย่มาถึงด้านขวามือของเยี่ยนจ้าวเกอ นั่งขัดสมาธิ ยื่นฝ่ามือมือซ้ายของตัวเองเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอมือซ้ายกดบนผลึกที่ผนึกเนี่ยจิงเสินมารกระบี่ ยื่นอีกมือไปทางขวา ประสานกับกลางฝ่ามืออวี่เย่
สามคนตอนนี้เชื่อมกันเป็นเส้นเดียว
‘คัมภีร์โกลาหลสูญ…’ สายตาของมารจิตแรกเริ่มกวาดมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ สุดท้ายหยุดบนร่างเยี่ยนจ้าวเกอ ‘คัมภีร์นภาไร้ขอบเขต...’
ชายชราตาพลันเป็นประกาย สว่างจนแยงตา ‘…ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน?’
เนี่ยจิงเสินในผลึก ประกายกระบี่สีทองหม่นบนร่างค่อยๆ หายไป
ร่างของเขาตอนนี้ถึงกับสูญหายไปด้วย ในผลึกเหลือเพียงเด็กทารกผิวขาวนวลคนหนึ่ง
ใบหน้าทารยังคงเห็นได้ลางๆ ว่าคลับคล้ายกับเนี่ยจิงเสิน
ราวกับว่าตอนนี้เนี่ยจิงเสินเปลี่ยนจากชราเป็นเด็ก กลับคืนสู่ก่อนกำเนิด
ทารกผู้นี้ทั่วร่างเปล่งแสง ค่อยๆ กลายเป็นโปร่งใส จากนั้นกลายเป็นพร่ามัว เกิดความโกลาหลผืนหนึ่ง
อีกด้านหนึ่งในสองตาของอวี่เย่ก็โกลาหลขมุกขมัวเช่นกัน
กลับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงกลาง สายตากระจ่างบริสุทธิ์
ใต้ดวงตาเขาสะท้อนภาพธรรมชาติฟ้าดินทั้งหมดเลือนราง
มารจิตแรกเริ่มจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอกลับมองไปอีกด้าน
เป้าหมายที่เขามองกลับเป็นมารสวรรค์ไร้พันธนา!
‘มารสวรรค์ไร้พันธนาทำไมยอมยื้อยันกับใต้เท้ากษัตริย์บูรพา ปล่อยให้พวกเราชิงตัวศิษย์พี่เนี่ยออกมา?’
ถึงจะชิงเนี่ยจิงเสินออกมาสำเร็จ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ผ่อนคลาย
เป็นเพราะการกระทำของมารสวรรค์ไร้พันธนาผิดปกติ
เขาไม่เชื่อว่ามารสวรรค์ไร้พันธนาจะสู้ตายกับกษัตริย์บูรพาไท่อี้เพื่ออามิตาภพุทธเจ้า ถึงขั้นสละผลประโยชน์ของนพยมโลก
ในนี้ต้องมีเหตุผลอยู่
ตอนนี้เอง เยี่ยนจ้าวเกอเห็นมารสวรรค์ไร้พันธนาในทะเลเลือด ถึงกับเงยหน้าขึ้น กวาดมองคนในสำนักเต๋า สุดท้ายหยุดบนร่างเยี่ยนจ้าวเกอ เนี่ยจิงเสิน กับอวี่เย่
ทว่าสายตาของมารสวรรค์ไร้พันธนาหยุดอยู่บนร่างพวกเยี่ยนจ้าวเกอพริบตาเดียว ก่อนจะละกลับไป
จากนั้นมันก็ถอยสุดกำลัง ไม่พัวพันกษัตริย์บูรพาไท่อี้ต่ออีก แต่ว่ากลับไปถึงเสาสิบสองต้นนั้น
กษัตริย์บูรพาไท่อี้มองมารสวรรค์ไร้พันธนาอย่างล้ำลึก ไม่มีความคิดสู้ต่อ ลอยร่างขึ้น ออกจากทะเลเลือด ผละจากนพยมโลก ไปค้นหาอามิตาภพุทธเจ้ากับสองเจ้ามรรคาเส้นทางนอกรีต
ทว่าหลังจากกษัตริย์บูรพาไท่อี้จากไป ก้นทะเลเลือดในหุบเหวลึก บนเสาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์บุพกาลถึงกับเพิ่มเงาร่างสายหนึ่ง!
………………..