ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1770 บุพกาลปลดผนึก!
‘ใต้เท้ากษัตริย์บูรพาไปช่วยเหลือพระศรีอาริย์ ถ้าหากราบรื่น สถานการณ์ด้านนั้นเปลี่ยนเป็นสองต่อสอง ไม่มีใครทำอะไรกันได้ อามิตาภพุทธเจ้ากับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณมีแต่ต้องละทิ้งโอกาสครั้งนี้ สองฝ่ายได้แต่สงบศึกชั่วคราว’ เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว
ถึงตอนนั้น เจ้ามรรคาสี่คนเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะกลับนพยมโลก ไม่ทำลายค่ายกลวิถีมาร ก็รับมือสำนักเต๋า
นี่ไม่ส่งผลดีต่อสำนักเต๋า และไม่ส่งผลดีต่อนพยมโลกเช่นกัน
ตั้งแต่กษัตริย์บูรพาไท่อี้ออกไป จนสี่เจ้ามรรคากลับมา อาจจะมีเวลาที่สั้นยิ่ง
ถ้านพยมโลกคิดทำอะไร โอกาสมาถึงเพียงแวบเดียวแล้วหายไปทันที
โอกาสครั้งนี้ พวกมันต้องตั้งใจคว้าไว้ถึงจะทำได้ พยายามกำจัดเรื่องเหนือความคาดหมายแต่ละอย่างที่อาจดำรงอยู่ เพื่อโจมตีครั้งเดียวโดนเป้า
ดังนั้นเมื่อครู่พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงชิงตัวเนี่ยจิงเสิน มารสวรรค์ไร้พันธนาไม่มีการเคลื่อนไหว
กำจัดการรบกวนจากสำนักเต๋า ขณะเดียวกันก็ทำให้กษัตริย์บูรพาไท่อี้จากไปอย่างวางใจ
ก่อนหน้านี้มันกวาดสายตาผ่านร่างพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงไม่เอ่ยสักคำเดียว แต่เหมือนบอกความหมายอย่างหนึ่ง
พวกเจ้าอย่างมากสุดเข้ามาได้แค่ครั้งเดียว
แต่นพยมโลกมีการเตรียมตัวอีกหนึ่งอย่าง!
ตอนนี้การเตรียมตัวนี้จึงเป็นเวลาตัดสินผลแพ้ชนะอย่างแท้จริง
เนี่ยจิงเสินสุดท้ายไม่อาจนั่งบนเสาอันเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์บุพกาลได้
แต่ว่าตอนนี้บนยอดเสาถึงกับเพิ่มเงาร่างสายหนึ่ง
ถึงจะกั้นด้วยทะเลเลือดเทียมฟ้า ทว่าทุกคนที่อยู่รอบๆ รู้สึกอย่างเลือนรางได้ว่า ในร่างนั้นไม่มีพลังชีวิตอยู่นานแล้ว
นั่นความจริงเป็นศพ หรือสังขารของคนคนหนึ่ง
เพียงแต่ว่าถึงแม้จะตายไปแล้ว แต่ศพไม่เน่าเปื่อย ใบหน้าเหมือนตอนมีชีวิต มีเพียงหลับสองตา ไม่พูดไม่ขยับ คล้ายกับหลับไหล
คนที่สำหรับทุกคนที่อยู่รอบๆ อยู่แสนไกลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอมองร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำอาภรณ์จักรพรรดิ ศีรษะสวมมงกุฎ เค้าหน้าน่าเกรงขาม สูดหายใจลึกๆ คำหนึ่ง
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉินขมวดคิ้ว
พระอาจารย์เสวียนตูถอนใจยาวๆ คำหนึ่ง
“จักรพรรดิจื่อเวย…” หยางเจี่ยนถอนใจเช่นกัน
ผู้เข้มแข็งสำนักเต๋าที่อยู่รอบๆ สีหน้าในตอนนี้ล้วนดูไม่ดีอยู่บ้าง
วินาทีนี้ในค่ายกลทะเลเลือด เจ้าของร่างกายบนเสาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์บุพกาล ก็คือจักรพรรดิจื่อเวย ผู้นำสี่เทวราชวังเทพในอดีต!
จักรพรรดิจื่อเวย ชื่อเต็มคือจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว
ในสถานการณ์ที่หยางเจี่ยนกับเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดมักอยู่ด้านนอก จักรพรรดิจื่อเวยไม่ว่าพลังหรือตำแหน่ง ล้วนเป็นบุคคลหมายเลขสองในความเป็นจริงของวังเทพ
หลังเกิดมหาภัยพิบัติ วังเทพพังพินาศ จักรพรรดิจื่อเวยก็ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหน ไร้ข่าวคราวอีก
ในข่าวลือระหว่างยอดฝีมือระดับสูงของสำนักเต๋า มีการคาดเดาว่าจักรพรรดิจื่อเวยได้ตายไปแล้ว
ทว่าขณะเดียวกันเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นตัวจริงของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณเช่นกัน
คิดไม่ถึงว่า ทุกคนจะได้พบกับจักรพรรดิจื่อเวยในสถานที่นี้ ในเวลาแบบนี้
การพบกันอีกครั้งนี้ ที่เจอเป็นศพสังขารของจักรพรรดิจื่อเวยแล้ว
ถึงใบหน้าสมจริงราวมีชีวิตเหมือนกับตอนยังมีชีวิตอยู่ ทว่าบนร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายโบราณที่มองไม่เห็น บ่งบอกว่าจักรพรรดิจื่อเวยเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
ความเป็นไปได้ที่มากที่สุด คือได้ประสบความลำบากตอนเกิดมหาภัยพิบัติ
“เมื่อเป็นแบบนี้ ก็พิสูจน์แล้วว่าจักรพรรดิจื่อเวยไม่ใช่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ” เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมหายใจยาวๆ “แต่วิธีการพิสูจน์แบบนี้ทำให้คนยากมีความสุขจริงๆ”
ไท่อี้จินหยินมองเนี่ยจิงเสินที่อยู่เยื้องไปทางขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็มองซากสังขารจื่อเวยบนเสาในทะเลเลือด กล่าวว่า “บรรพครรภ์ก่อนกำเนิด…”
คนที่ครอบครองบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดก่อนเนี่ยจิงเสิน ผู้ที่มีพลังฝึกปรือสูงสุดและมีชื่อเสียงที่สุด ก็คือจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว!
ตอนนี้บนเสาศิลาที่เป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์บุพกาล ซากสังขารของจักรพรรดิจื่อเวยเริ่มเปล่งแสงจางๆ
ในแสงสว่าง ซากสังขารนั้นหดตัวไม่หยุด สุดท้ายกลายเป็นทารกตัวขาวอ้วนท้วนคนหนึ่ง
ผิวทารกผู้นี้เริ่มมีลวดลายมารจำนวนมากแผ่ขยาย
แตกต่างกับลวดลายมารที่ครอบคลุมเนี่ยจิงเสินก่อนหน้า เป็นเพราะความพิเศษของบรรพครรภ์ก่อนกำเนิด มักจะถดถอย ไหลเวียนไม่หยุด
เป็นบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดเหมือนกัน ลวดลายมารที่ครอบคลุมทารกผู้นั้นในตอนนี้ หลังประทับลงไป ก็ไม่ขยับเขยื้อน มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง
เหนือทารก เงาแสงอันเป็นมายาผนึกเป็นของจริงโดยมีทารกเป็นศูนย์กลาง
ตอนนี้เหมือนกับมีการดำรงอยู่ที่เก่าแก่ถึงขีดสุดกำลังค่อยๆ คืนชีพ!
นั่นเป็นสำนึกของมารสวรรค์บุพกาล ปฐมแห่งหมื่นมาร มารอันดับแรกในโลก
เกิดขึ้นก่อนการผ่าฟ้า เก่าแก่ยิ่งกว่าโลกในธรรมชาติ มารสวรรค์บุพกาลผู้ที่เคยแย่งชิงความสำเร็จการผ่าฟ้าสร้างโลกกับเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด
ลู่ยาเต้าจวินกับหลานเติงเต้าหยินสีหน้าเคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน
ตอนนี้พวกเขาหลบเลี่ยงมหาวิทยราชมยุรีพร้อมกัน มองดูการวัดกำลังระหว่างสำนักเต๋าและนพยมโลกด้านข้าง
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกดลงไม่หยุด แหวกค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ที่เกือบพังพินาศ ฝืนประคับประคองนั้น
พระอาจารย์เสวียนตูหลอมเปลี่ยนนพยมโลกโดยแข่งกับเวลา
คนในสำนักเต๋าต่างมองมารสวรรค์ไร้พันธนาในทะเลเลือดที่เป็นอิสระ
กษัตริย์บูรพาไท่อี้พออกจากนพยมโลก มารสวรรค์ไร้พันธนาก็ไม่มีคู่ต่อสู้อีก
ทว่ามันไม่ได้ออกจากทะเลเลือดไปตามหาพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนยังอยู่ ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์สั่นสะเทือนเกือบล่มสลายแล้ว
ขณะที่มารสวรรค์ไร้พันธนาออกไปด้านนอกเปิดฉากเข่นฆ่า ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์จะต้องถูกค่ายกลลงทัณฑ์เซียนตีแตก ถึงตอนนั้นค่ายกลลงทัณฑ์เซียนจะสังหารหมู่มารนพยมโลกที่ก้นทะเลลึกจนเหี้ยนเตียน
หกสุดยอดมารยากจะรอดไปได้เช่นกัน ซากสังขารของจักรพรรดิจื่อเวยกับวิญญาณเจี่ยนซุ่นหวายิ่งถูกทำลายในพริบตา
เขตมารนพยมโลกทั้งหมดจะพินาศสิ้น
มารสวรรค์ไร้พันธนาปล่อยให้กษัตริย์บูรพาไท่อี้จากไป ชิงจังหวะเวลา ไม่ใช่เพื่อผลลัพธ์แบบนี้
มันมองคนในสำนักเต๋าอย่างเฉื่อยชา จากนั้นกลับไปถึงบนเสาสิบสองต้น กลับไปยังตำแหน่งของตัวเอง
บนเสาต้นนั้น กระจกสีดำเต็มไปด้วยรอยแตกถี่ยิบเหมือนใยแมงมุม
จังหวะเวลาที่มารสวรรค์ไร้พันธนากลับมาถือว่าพอดี มันนั่งลงอย่างสงบ ดีดนิ้วทีหนึ่ง กระจกสีดำแตกโดยสมบูรณ์ กลายเป็นเถ้าธุลีหายไป
บนเสาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมารทองแก ธงแดนเมฆสีม่วงกำลังจะถูกทำลาย ยากจะคงอยู่ต่อ
ทว่ามารสวรรค์ไร้พันธนายื่นนิ้วออกมาแตะเบาๆ ตรงหน้าปรากฏกระจกดำใหม่เอี่ยมคันใหม่
บนผิวกระจกสะท้อนร่างของเนี่ยจิงเสิน สะกดตำแหน่งมารทองแกอีกครั้ง
พร้อมกับที่เจ้ามรรคาวิถีมารผู้นี้กลับตำแหน่ง ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ที่เดิมกำลังจะถล่มก็มั่นคงในพริบตา!
ทะเลเลือดที่ก่อนหน้านี้เละเทะไม่เป็นขบวนหยุดสภาวะทรุดโทรม กลายเป็นซัดสาดยิ่งใหญ่
สภาวะของค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่กดลงช้าลง เริ่มหยุดชะงัก
ความคิดที่จะหลอมเปลี่ยนเขตมารนพยมโลกของพระอาจารย์เสวียนตูอยู่ๆ ก็กลายเป็นฟองเงา รูปไท่จี๋ที่เกิดจากควันม่วงและปราณพิสุทธิ์บนศีรษะหมุนทวนพังทลาย
พร้อมกับที่ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์มั่นคงอีกครั้ง ทั้งมีมารสวรรค์ไร้พันธนาควบคุมด้วยตัวเอง ทะลเลือดยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง
บนเสาที่เป็นสัญลักษณ์มารสวรรค์บุพกาล เงาแสงค่อยๆ รวมกับเด็กทารกโดยสมบูรณ์!
กลิ่นอายที่โบราณยิ่งใหญ่ น่ากลัวไม่อาจนิยาม ยิ่งมายิ่งรุนแรง
ก้นทะเลเลือดคล้ายมีอันใดพลันแหลกสลายในวินาทีนี้
ร่องแยกสายหนึ่งเปิดออก เผยให้เห็นแสงสว่างละลานตา สาดส่องนพยมโลก สาดส่องฟ้าดิน!
พร้อมกับที่ร่องแยกนั้นเปิดออก ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าทวี!
ทะเลเลือดที่น่ากลัวพุ่งสู่ฟ้า ถึงกับเริ่มค่อยๆ ดันค่ายกลลงทัณฑ์เซียนไปด้านบน!
………………..