ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1771 มารสวรรค์บรรพกำเนิด!
ไม่ว่าจะเป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอจากสำนักเต๋า หรือเผ่าปีศาจ คนในศาสนาพุทธ ตอนนี้สีหน้าเคร่งขรึม มองดูก้นค่ายกลทะเลเลือดนั้น
ณ ที่แห่งนั้น ในร่องแยกตรงนั้น แสงสว่างพร่างพราว
ร่องแยกดูเป็นมายาอยู่บ้าง คล้ายกับไม่ได้อยู่ในสถานที่ด้านในนพยมโลกโดยสมบูรณ์
กลับเหมือนนพยมโลกกับมหาจักรวาลโลกในธรรมชาติแยกออกพร้อมกัน
ทุกคนต่างทราบว่าภาพตรงหน้าหมายถึงอะไร
ปฐมพาจารย์วิถีมารที่เก่าแก่ที่สุดเหมือนบรมครูสามพิสุทธิ์ สองศาสดาศาสนาพุทธ ยังมีสามกษัตริย์โบราณ มารสวรรค์บุพกาลปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้ง!
ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ถูกตั้งขึ้น
เวลาสิ้นโลกที่มารสวรรค์ปัจฉิมธรรมกำลังจะจุติ
ในฐานะเปลือกร่างบรรพครรภ์ก่อนกำเนิด
ยังมีนพยมโลกที่กำลังแหลกสลาย
มารสวรรค์บุพกาลที่ถูกเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดหยกพิสุทธิ์สะกดประทับผนึก ห้วงนาทีพิเศษนี้ ณ ตอนนี้ บนสถานที่แห่งนี้ ในที่สุดก็ทำลายผนึกออกมาสำเร็จ!
แสงสว่างแวบขึ้นแล้วหายไป มีแต่บนเสาต้นนั้น เงาลวงรวมกับเด็กทารกเป็นหนึ่ง ขยายใหญ่เปลี่ยนแปลง ปรากฏลักษณะของจักรพรรดิจื่อเวยอีกครั้ง
เพียงแต่ว่ากลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาทั่วทั้งร่าง ทำให้คนที่คุ้นเคยกับจักรพรรดิจื่อเวยอย่างจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ กับพระอาจารย์เสวียนตูรู้สึกแปลกประหลาด
น่าเกรงขามและแข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิจื่อเวย
ถึงขั้นที่แกร่งกว่ามารสวรรค์ไร้พันธนาที่อยู่ด้านข้าง
‘จักรพรรดิจื่อเวย’ ยืนบนเสา สายตาราบเรียบกวาดมองสี่ทิศ
สายตาของมันทะลุมิติ มองดูภาพในโลกใบนี้ ทะลุเวลา รับรู้ถึงการเปลี่ยนผันของเดือนปี
ถึงจะยืนอยู่ก้นทะเลเลือดเหวลึก เงยหน้ามองขึ้นไป กลับทำให้ทุกคนที่สัมผัสสายตาของมัน รู้สึกว่ามันกำลังก้มมองทุกสรรพสิ่ง
อานุภาพและกลิ่นอายของมันไม่ชั่วร้ายและไม่ดุดัน
ทว่าขณะยืนกลางหมู่มารนพยมโลก เหมือนกับเจ้าผู้ปกครองและเจ้าผู้สร้าง ทำให้คนอดครั่นครามสั่นกลัวไม่ได้
มารสวรรค์ไร้พันธนานั่งบนเสาต้นนั้น หุบแขนทั้งแปดมาประสานกันเป็นคู่ๆ ยืนอยู่ด้านหน้า “ยินดีกับพี่ร่วมเส้นทาง”
มารไม้อิก มารน้ำกุ่ย มารไฟปิ่ง มารดินโบ่วพากันโค้งตัวคำนับโดยมีมารจิตแรกเริ่มเป็นผู้นำ “มารสวรรค์บุพกาลสูงส่ง!”
ในทะเลเลือด เทพมารมหาชาลตนอื่นๆ ของนพยมโลกต่างก็โน้มตัว “มารสวรรค์บุพกาลสูงส่ง!”
หมู่มารที่อยู่รองจากระดับมหาชาล ยิ่งพากันคุกเข่า “มารสวรรค์บุพกาลสูงส่ง!”
กลางเขตมารนพยมโลก มารร้ายที่กระจัดกระจายทุกที่ พลังฝึกปรือกลางค่อนต่ำ ก่อนหน้านี้พากันหลบซ่อน พรั่นพรึงถึงขีดสุดเพราะพระอาจารย์เสวียนตูหลอมเปลี่ยนนพยมโลก ทว่าตอนนี้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน กราบกราน ‘จักรพรรดิจื่อเวย’ ในเหวลึก
หมื่นมารคำนับจักรพรรดิ!
พิธีกรรมที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาอีกเลยหลังจากมารสวรรค์บุพกาลถูกสะกด ในที่สุดก็โผล่ขึ้นในวันนี้
ขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า เนี่ยจิงเสินที่อยู่ด้านขวาของตน ร่างกายสั่นไหวไม่หยุด
ประกายกระบี่สีทองหม่นอันไพศาลส่องระยิบระยับบนผิวร่างของเขา
ทารกที่กลับจากชราเป็นเด็ก ผิวเกิดลวดลายมารอีกครั้ง หลังถูกความโกลาหลชำระล้างไป ไม่ทันไรก็ปรากฏขึ้นใหม่ พัวพันไม่หยุดหย่อน
ด้านหลังเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิงครางหนักๆ คำหนึ่ง สีหน้าซีดขาวกว่าเดิม
“ข้าเปลี่ยนเป็นบรรพกำเนิด” เงาร่างในทะเลเลือดกล่าวอย่างสงบ
วินาทีนี้ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์แข็งแกร่งมากขึ้น ทะลเลือดซัดสูงเทียมฟ้า ขึ้นด้านบนไม่หยุด
เขตมารนพยมโลกมั่นคงอีกครั้ง ทั้งเริ่มขยายตัวไปด้านนอกอีกหน กลืนกินความว่างเปล่าที่กว้างใหญ่ ปรากฏสภาพม้วนพัดโลกา
สิ่งที่ทำให้คนตกใจก็คือ ขณะที่มารสวรรค์บรรพกำเนิดกลับมา ชะตานพยมโลกมั่นคง บนเสาอันเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม เงาแสงอันเป็นมายาถึงกับยิ่งมายิ่งกระจ่าง ยิ่งมายิ่งเป็นจริง!
บรรพกำเนิดมาถึง หัวท้ายเชื่อมต่อ ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ถูกตั้งขึ้น โน้มนำสภาพวันสิ้นโลกทำลายพสุธา
นพยมโลกยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง มหาจักรวาลยิ่งมายิ่งอ่อนแอ
ในสภาพแวดล้อมพิเศษแบบนี้ มารสวรรค์ปัจฉิมธรรมกำลังจะได้พบห้วงนาทีแห่งการลงมาถึงอย่างแท้จริงของตัวเอง!
เต๋าเสื่อมมารรุ่งเรือง ตอนนี้คนในสำนักเต๋าได้แต่ถอยหนี
เฟิงอวิ๋นเซิงเฝ้าอยู่ด้านข้างพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เนี่ยจิงเสิน อวี่เย่ พาพวกเขาถอยหลัง
นางสีหน้าขาวซีด สภาพจิตไม่สงบ มองเนี่ยจิงเสินที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน รู้ว่าอีกฝ่ายได้รับผลกระทบจากนพยมโลก จิตใจเลอะเลือน ปรารถนาจะเข้าไปในทะเลเลือดผืนนั้นเหมือนกับตัวเอง
ครั้งนี้ถ้าเข้าไป เช่นนั้นเกรงว่าจะกลับมาไม่ได้อีกแล้ว
ขณะคิดเช่นนี้อยู่ เฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกว่าควันดำหลายกลุ่มในเขตมารนพยมโลกที่อยู่รอบๆ ห้อมล้อมพวกตนจากสี่ทิศแปดทาง
ควันดำค่อยๆ กลายเป็นไอเลือด พร้อมกับที่ทะเลเลือดพรั่งพรู ยิ่งมายิ่งผนึกหลอมหนาหนัก
ภายใต้ผลของค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ วินาทีนี้นพยมโลกเกิดสัญญาณเปลี่ยนเป็นทะเลเลือด
ทะเลเลือดที่น่ากลัวนี้เริ่มทดลองกลืนกินคนในสำนักเต๋า
เป้าหมายอันดับแรกคือเฟิงอวิ๋นเซิงกับเนี่ยจิงเสิน
‘ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ยิ่งมายิ่งสมบูรณ์ พลังยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง ถ้าหากว่าสิบสองเทพมารสวรรค์ล้วนกลับคืนตำแหน่ง เช่นนั้นก็เป็นอานุภาพทำลายล้างธรรมชาติจริงๆ’ พวกทีปังกรพุทธะ ลู่ยาเต้าจวิน มหาวิทยราชมยุรีรีบร้อนถอยหลัง
มาถึงตอนนี้ พวกเขาไม่มีวิธีการมากกว่านี้แล้ว
“จื่อเวยตายลง ซากสังขารถึงกับตกไปอยู่ในมือนพยมโลก” ลู่ยาเต้าจวินมองทีปังกรพุทธะ “หรือว่าเขาถูกนพยมโลกฆ่าทิ้ง?”
“สหายร่วมเส้นทางจื่อเวยตายเพราะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ทว่าตอนนั้นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณยังเหลือคนอื่นต้องรับมือ ดังนั้นไม่ได้เก็บศพเขาไว้” ทีปังกรพุทธะตอบ “สถานการณ์ในมหาภัยพิบัติสับสน สุดท้ายถูกนพยมโลกมุดช่องโหว่วแล้ว”
ไฟตะเกียงสีม่วงในแสงพุทธกลมสมบูรณ์หลังศีรษะพุทธะที่เก่าแก่ท่านนี้ส่ายวูบวาบต่อเนื่อง “ใช้ความสมบูรณ์ในความว่างเปล่า ใช้ความว่างเปล่าในความสมบูรณ์ เนี่ยจิงเสินดึงดูดความสนใจมากเกินไป”
พวกหยางเจี่่ยนพากันคุ้มครองเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิงสี่คน พยายามขับไล่ไอเลือดรอบๆ ให้พวกเขา
“อาจารย์อาเสวียนตู ตอนนี้ทางวังดุสิตเป็นสถานการณ์ใด?” นาจาถามอย่างกระวนกระวายอยู่บ้าง
พระอาจารย์เสวียนตูไม่ได้ถือสาน้ำเสียงของเขา ถอนใจคำหนึ่ง “ตอนข้าออกมา นายผู้เฒ่าใหญ่ไม่มีคำสั่งลงมา”
นาจามองมารสวรรค์บรรพกำเนิดที่เปลือกนอกเป็นจักรพรรดิจื่อเวย “พวกมันไม่กลัวว่าจะกระตุ้นเหล่าจวินออกมาจริงๆ?”
รากฐานต้นกำเนิดของจักรพรรดิจื่อเวยคือ ครั้งอดีตเคยร่ำเรียนกับเหล่าจวินในวังดุสิตอย่างแท้หลัง หลังจากเรียนมหาวิชาครอบฟ้าบทหนึ่ง ก็ออกมาสร้างเส้นทางใหม่จากพื้นฐานนี้ ตั้งสำนักขึ้น เดินบนเส้นทางของตัวเอง
พูดถึงพลังในการต่อสู้กับผู้คน จักรพรรดิจื่อเวยในตอนนั้นยังเหนือกว่าพระอาจารย์เสวียนตู
ฉายา ‘กลางหาว’ หมายถึงผู้ปกครองหมู่ดาว ไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิชาครอบฟ้าอันเป็นพื้นฐานของเขา
“ดังนั้นถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ นพยมโลกคิดจะใช้สหายน้อยเนี่ยเป็นเปลือกร่าง ไม่ใช่สหายร่วมเส้นทางจื่อเวยกระมัง?” ไท่อี้จินหยินเอ่ย
เยี่ยนจ้าวเกอที่ไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด ตอนนี้อยู่ๆ ก็กล่าวขึ้น “ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ครั้งกระโน้นพวกมันไม่แน่ว่าจะชิงซากสังขารของจักรพรรดิจื่อเวยได้”
ทุกคนมองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน
“สำหรับนพยมโลกแล้ว ซากสังขารจื่อเวยเป็นตัวเลือกแรกสุด” เยี่ยนจ้าวเกอดวงตาล้ำลึก “ศิษย์พี่เนี่ยจึงเป็นแผนการที่เตรียมใช้ในกรณีที่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ”
เขาหันไปมองเนี่ยจิงเสิน ในห้วงสมองปรากฏคำพูดในวันนั้น
“ทุกอย่างล้วนกลับคืนสู่ความไม่มี ไม่ว่าเจ้า ข้า นาง”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเนี่ยจิงเสิน กล่าวเบาๆ “คำพูดนี้ ศิษย์พี่เนี่ยท่านตอนนั้นไปได้ยินมาจากที่ใด?”
………………..