ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1776 ตัดนภาปะทะห้าสี!
เยี่ยนจ้าวเกอ เนี่ยจิงเสิน อวี่เย่ยังคงนั่งขัดสมาธิเรียงกัน เชื่อมกันเป็นเส้นเดียว
กระบี่สีทองหม่นกับสภาพโกลาหลปรากฏสลับกันบนร่างเนี่ยจิงเสิน เปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมา
ด้านข้าง เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าซีดขาว ทรุดนั่งขัดสมาธิเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้รับกระบวนท่าจากมารสวรรค์ไร้พันธนา ถึงจะรอดตัวมาได้ แต่ก็ส่งผลต่อนางค่อนข้างมาก
ตอนนี้ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ถูกสะกด ประกายโลหิตปราณมารกำลังอ่อนแอ สำหรับคนอื่นๆ แล้วผ่อนคลายลงมาก แต่สำหรับเฟิงอวิ๋นเซิง กลับรู้สึกว่าจิต ปราณ สารจำเป็นของตัวเองตกต่ำลงพร้อมกับค่ายกล
ไม่ทำลายไม่ตระหง่าน ภัยมารรอบนี้ถ้าหากสลายไป สำหรับนางอาจเป็นการเริ่มต้นใหม่
พระอาจารย์เสวียนตูไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น รีบปล่อยปราณพิสุทธิ์กับควันม่งงออกมา เสกรูปไท่จี๋ใหม่ รูปไท่จี๋หมุนวนพร้อมกลืนกินควันมารนพยมโลก หลอมเปลี่ยนมัน
เขตมารนพยมโลกที่ตอนแรกกำลังเสื่อมโทรมหุบตัวพลันอ่อนแอกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์เพิ่มอีกขั้น
หมู่มารนพยมโลกเผชิญแรงกดดันจากไท่ซ่างเหล่าจวิน อามิตาภพุทธเจ้ากับกษัตริย์บูรพาไท่อี้เจ้ามรรคาสามคน สถานการณ์นี้ถึงแม้จะคับขัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินต่างก็เห็น รีบเร่งวุ่นวาย
นพยมโลกถูกพระอาจารย์เสวียนตูหลอมเปลี่ยน ปรับฟ้าแปลงดิน ส่งผลต่อค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อการหลอมเปลี่ยนทะเลเลือดทำลายภัยมารของพวกเขา
พวกเขาจำเป็นต้องใช้ทะเลเลือดที่อ่อนแอมากพอ หากแต่สมบูรณ์แบบ จำเป็นต้องทำลายภัยนี้ สำเร็จวาสนานี้ด้วยตัวเอง จึงจะก้าวเท้าก้าวสุดท้ายนั้นออกไป ขึ้นสู่ระดับมรรคาได้
เพื่อเหตุนี้ พวกเขาต้องตัดสินสูงต่ำกับสำนักเต๋า
เหล่าพุทธแดนสุขาวดีตะวันตกกับพวกปีศาจจากเขาดาราทะเลดวงดาว พากันโจมตีใส่พระอาจารย์เสวียนตู
“ขอให้สหายร่วมเส้นทางรับผิดชอบช่วยให้ข้าทำสำเร็จในวันนี้” ลู่ยาเต้าจวินพูดกับมหาวิทยราชมยุรี “พระศรีอริยเมตไตรยไม่มีทางคืนคำ สารีริกธาตุศากยมุณีชิ้นสุดท้ายต้องเป็นของท่าน วันนี้ข้าทำสำเร็จ วันหน้าจะช่วยให้สหายร่วมเส้นทางทำสำเร็จ”
มหาวิทยราชมยุรีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พยักหน้าเงียบๆ สาวเท้าขึ้นหน้า เดินเข้าหาคนในสำนักเต๋าใหม่
คนที่ทำให้เขากริ่งเกรงที่สุดตรงนั้น ไม่อยู่อีกแล้ว
ศึกใหญ่มาถึงตอนนี้ เวลาที่ตรึงกันไม่สั้น
ถึงมหาเทวะเสมอฟ้าจะแสดงบารมีทั่วแปดทิศ ถึงขั้นทำร้ายข่งซวน แต่มาถึงวินาทีนี้ กลับถึงขีดจำกัดเวลา หนึ่งแยกเป็นสาม กลับเป็นกายทองมหาเทวะสามร่าง
เมื่อไม่มีมหาเทวะเสมอฟ้า พลังคุกคามจากมหาวิทยราชมยุรีก็เพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรงในทันใด
ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาถูกมหาเทวะเสมอฟ้าทำร้าย แต่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่ไหลเวียนไม่หยุดนั้นขณะหมุนวน ยังคงสั่นสะท้านสี่ทิศ
ถึงสำนักเต๋าจะมีค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แต่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์อยู่ด้านนอก ในเวลาไม่ที่ไม่ถึงที่สุดจริงๆ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนจะไม่ขยับง่ายๆ เป็นการเฝ้าระวังสุดท้ายให้แก่สำนักเต๋า
ดังนั้นมหาวิทยราชมยุรีจึงลดความกริ่งเกรงไปได้หนึ่งชั้น
ท่านกวาดมองคนในสำนักเต๋าที่อยู่รอบๆ
เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งเงียบๆ พักรักษาตัว มหาวิทยราชมยุรีเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหยุดบนร่างหยางเจี่ยนกับสั่วหมิงจาง
หยางเจี่ยนหว่างคิ้วแยกออก ดวงตาแนวตั้งข้างที่สามเป็นประกายกระจ่าง เผชิญกับสายตาของมหาวิทยราชมยุรีโดยตรง
กระนั้นสั่วหมิงจางก้าวเท้าออกไปด้านหน้าก่อน
“เผิงยักษ์รับบาดเจ็บสาหัส พี่ร่วมเส้นทางหยางไม่มีคนคอยสะกด เคลื่อนย้ายทั่วฟ้า ดูแลทุกแห่งหนได้” สั่วหมิงจางมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะเอ่ยว่า “นอกจากพระอาจารย์เสวียนตู ที่นี่จำเป็นต้องมีคนคุ้มครอง พี่ร่วมเส้นทางรอบคอบกว่าข้า”
เขาหมุนตัว เดินทีละก้าวๆ เข้าหามหาวิทยราชมยุรีอย่างไม่รีบร้อน “วิทยราชอยู่ตรงหน้า สั่วหมิงจางขอคำชี้แนะ”
มังกรเพลิงขนาดมหึมาที่เติมเต็มจักรวาลตัวหนึ่งบัดเดี๋ยวปรากกบัดเดี๋ยวสูญหาย พลิ้วร่างขึ้นในเขตมารนพยมโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล บนศีรษะบุรุษผมสั้น
มังกรอัคคีร่างใหญ่โต หัวหางไม่รู้ยาวเท่าไหร่ เหมือนธารสวรรค์ทอดขวางจักรวาล
ในร่างกายที่เกิดจากไฟโหมนั้น ประกายดาวเป็นจุดๆ ส่องระยิบระยับ
คล้ายกับธารเงินบนฟากฟ้าที่ประกอบจากเปลวไฟสายหนึ่ง
ในธารน้ำไม่ใช่น้ำในธารสวรรค์ แต่เป็นเพลิงอาทิตย์อัคคีสวรรค์ที่น่ากลัวสุดขีด หลอมละลายดวงดาว
มังกรอัคคีทะยาน กลืนพ่นเปลวเพลิง คล้ายเกิดการขวางกั้นไร้รูปร่างชั้นหนึ่งกับโลกภายนอก ในนอกตัดขาด ยากจะข้ามผ่าน
มหาวิทยราชมยุรีมองสั่วหมิงจาง กล่าวอย่างเฉื่อยชา “เมื่อครู่โยมต่อสู้กับพวกมารจิตแรกเริ่ม เห็นถึงความสามารถ แต่ต่อสู้กับอาตมา ยังเร็วเกินไป”
ว่าแล้วท่านก็ไม่พูดมากอีก เพียงสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีลง
ประกายแสงกระจายไปทั่ว ร่างมังกรเล็งลง คล้ายกับถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ดูดไว้
หากแต่สั่วหมิงจางสายตาพลันกลายเป็นคมกริบ
“ตัด!” พร้อมกับที่เขาส่งเสียงตวาด แสงตัดนภาที่งดงามกางออก เหมือนกับคมดาบไร้รูปร่างเฉือนแสงห้าสี
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรีถึงกับถูกสแสงตัดนภาที่ไร้สีไร้รูปตัดจากตรงกลาง
สั่วหมิงจางเดินไปด้านหน้า ยกมือขึ้น
ธารสวรรค์เปลวเพลิงนั้นเหมือนถูกเขาจับไว้ในกำปั้น
หมัดที่กำอยู่ลุกไหม้ ต่อยใส่มหาวิทยราชมยุรี!
พลังการยุบตัวและถล่มทลายของดวงดาวนับไม่ถ้วน ถึงกับลากมหาวิทยราชมยุรีโซเซไปด้านหน้า คล้ายกับส่งตัวเองเข้าหาหมัดของสั่วหมิงจาง
“ตัดนภา…งั้นหรือ?” มหาวิทยราชมยุรีวูบไหวร่าง แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีหมุนวน กระจายไปทั่วฟ้าใหม่ ตั้งหลักอีกครั้ง
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีกระจายไปทั่ว ไร้สิ้นสุดไร้ประมาณ ราวกับต่อให้เป็นธารสวรรค์ทั้งสาย ก็ดูดเอาไว้ได้หมด
หมัดของสั่วหมิงจางที่ทำให้ธรรมชาติเปลี่ยนสี ตอนนี้ส่งไปถึงด้านหน้ามหาวิทยราชมยุรี
ข่งซวนมองสั่วหมิงจางอย่างล้ำลึก “เกิดมีเวลาอีก โยมบางทีอาจเป็นดาวข่มของอาตมา”
เหมือนกับมีดบินสังหารเซียนของลู่ยาสะกดหยางเจี่ยน
หรือว่าเจดีย์ทองเหลืองหรูอี้ของทีปังกรสะกดกร่างแปลงดอกบัวของนาจา
“แต่อาตมาบอกแล้วว่า ตอนนี้ยังเร็วไป” มหาวิทยราชมยุรียืนอย่างทะนง สาดแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไม่หยุด
แสงตัดนภาของสั่วหมิงจางกระจายทั่ว ราวกับประตูกั้นน้ำที่มองไม่เห็นตกลงบนพื้น ตัดแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่กระแทกฟ้าดิน ยามปกติไม่มีสิ่งใดต้านได้นั้น
เพียงแต่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สีทั้งห้าหมุนวน เหมือนกับคลื่นพิโรธที่หนุนเนื่องไม่ขาดสาย ติดต่อไม่ขาดตอน ไม่อาจตัดให้ขาดได้
การปะทะกันของสองฝ่ายเหมือนกับทำนบขวางกั้นวารี
คลื่นยักษ์ยอดน้ำยิ่งมายิ่งสูง เริ่มปรากฏสภาพข้าทำนำอย่างเลือนราง
มหาวิทยราชมยุรีมองสั่วหมิงจาง กลับเห็นบุรุษผมสั้นผู้นั้น ตอนนี้ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม
ต่อให้เป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ก็น้อยครั้งที่จะเห็นท่าทางแบบนี้ของสั่วหมิงจาง
นั่นเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีถึงขีดสุด เหมือนกับดำดิ่งในภาพที่งามตระการ
ในสองตาของบุรุษผมสั้นแผ่ซ่านความกระตือรือร้นที่ไม่เคยมีมาก่อน
เผชิญกับมหาวิทยราชมยุรีกับแสงศักดิสิทธิ์ห้าสี่ที่สะท้านสะเทือนสามยุคสมัย แทบไร้คู่ต่อกรรองจากระดับมรรคาในปัจจุบัน สั่วหมิงจางในวินาทีนี้เหมือนกับสนเขียวตั้งเดี่ยวบนยอดเขาท่ามกลางลมเย็นยะเยือก
พันบดขยี้หมื่นกระหน่ำยังกล้าแข็ง ไม่กลัวลมจากทุกทิศทาง
สิ่งที่ทำน่าตกใจเกิดขึ้นเพราะกับเวลาที่ผ่านไป แสงตัดนภาที่เดิมเหมือนกำลังจะถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีทำลาย ถึงกับค่อยๆ ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง
กระแสคลื่นห้าสียิ่งมายิ่งรุนแรง ตอนนี้กำลังจะถล่มทำนบที่โปร่งใส
แต่ว่าพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป ทำนบที่เผชิญอันตรายนั้นกลับไม่ยอมถล่ม!
มาถึงภายหลัง ถึงกับเริ่มมีสภาพมั่นคงบังเกิด
………………..