ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1779 ชนะแล้วแต่ไม่มีความสุข?
พระอาจารย์เสวียนตูหลอมเปลี่ยนเขตมารนพยมโลก ดำเนินถึงช่วงสำคัญ
ทว่าตอนนี้ถูกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ขวางกลางทาง ความพยายามมากมายก่อนหน้านี้ของพระอาจารย์เสวียนตู เท่ากับกลายเป็นเสื้อแต่งงานของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋แค่ก้าวไปด้านหน้าบนพื้นฐานของอีกฝ่ายก็พอ
พระอาจารย์เสวียนตูต้องการโต้กลับ แต่ทำอะไรไม่ได้
โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เขารับได้ยากก็คือ ตาข่ายสายฟ้าที่ถือกำเนิดบนหยกหรูอี้ไตรรัตนะ เชื่อมต่อกับเขตมารนพยมโลกที่เหลืออยู่และนพยมโลกเป็นหนึ่ง ทำให้พระอาจารย์เสวียนตูต้องยอมแพ้ จะสลายรูปไท่จี๋ยังทำไม่ได้
เขาเดิมถูกรูปไท่จี๋ดูดไว้ ติดอยู่บนรถศึกของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
ส่วนที่จนปัญญาอยู่ที่ เขาไม่ใช่คนนั่งรถ แต่เป็นคนผลักรถ
ภาพเหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแค่คนในสำนักเต๋าเท่านั้น แม้แต่พุทธะแห่งแดนสุขาวดีกับมหาเทวะเผ่าปีศาจทั้งหลายพอเห็นต่างแตกตื่น
มีคนมองไปยังเหล่าจวินในค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์โดยสัญชาตญาณ
ไม่ว่าจะแบ่งสมาธิมาทางนี้ได้หรือไม่ แต่การเคลื่อนไหวอย่างกระทันหันนี้ ย่อมไม่อาจปกปิดเหล่าเจ้ามรรคาในทะเลเลือด
หากแต่เหล่าจวินอยู่ในทะเลเลือด เหมือนไม่เห็นเหตุการณ์นี้ แม้แต่หางตายังไม่ปรายมองทางพระอาจารย์เสวียนตู
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋เห็นดังนั้น ระบายลมหายใจสุดท้าย ไม่ว่าเหล่าจวินจะสนในทางนี้หรือไม่ ยังคงคำนับเหล่าจวินในทะเลเลือด
พระอาจารย์เสวียนตูสีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ทดลองบิดพิธีกรรม แต่ว่าไร้ผล
“ศิษย์พี่หนานจี๋ ท่าน...” ไท่อี้จินหยินมองจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋สองมือประสานมุทรา เปลี่ยนแปลงไม่หยุด ปล่อยสายฟ้าเทพหลายสายใส่หยกหรูอี้ไตรรัตนะ เสริมพลังต่อเนื่อง
เขาพยักหน้าให้ไท่อี้จินหยิน “ข้าไม่มั่นคงแข็งแกร่งเท่าศิษย์น้องเสวียนตู มีความเสี่ยงที่จะถูกคนทำลายเส้นทาง ดังนั้นจึงปิดยังไว้ไม่บอก”
“ข้าไม่ได้มีความคิดปิดบังจริงๆ ขอให้สหายร่วมเส้นทางทุกท่านอภัยให้ด้วย” จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋หันมองคนในสำนักเต๋ารอบๆ กล่าวอย่างแช่มช้า “การแก่งแย่งมหามรรคา มีคนไม่มีข้า วันนี้ข้าไม่อาจไม่แย่งชิงสักครั้ง ขอให้ทุกท่านช่วยเหลืออีกแรง”
หลังนาจาเงียบงันเล็กน้อย ก็หันไปโจมตีทีปังกรพุทธะต่อ
ไม่ว่าจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋หรือพระอาจารย์เสวียนตู ต่างเป็นคนในสำนักเต๋า
ในหมู่พวกเขาไม่ว่าใครสำเร็จ ผู้สืบทอดสำนักเต๋าล้วนมีเจ้ามรรคาคนหนึ่งเพิ่มมา สำนักเต๋าได้รับประโยชน์โดยรวม
เป็นเพราะความเกี่ยวข้องด้านประวัติศาสตร์ก่อนหน้า วันนี้ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์รวมใจเป็นหนึ่ง ระหว่างหยกพิสุทธิ์ เอกพิสุทธิ์เหนือพิสุทธิ์มิได้คำนึงถึงต้นกำเนิดเหมือนเดิมอีก
ทว่าสำหรับนาจา เซียนหนานจี๋ที่เป็นสายหยกพิสุทธิ์เหมือนกันในยุคโบราณตอนต้น และเป็นจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋บนวังเทพในภายหลัง คุ้นเคยกันยิ่งกว่า
เพียงแต่วิธีปิดเป็นความลับก่อนหน้าของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ ทำให้นาจารู้สึกไม่ดี
กระนั้นตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ เขาก็ได้แต่สะกดความไม่พอใจเอาไว้ก่อน
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ก็ดี พระอาจารย์เสวียนตูก็ดี ไม่ว่าผู้ใด ต่างเหนือกว่าทีปังกรพุทธะหรือลู่ยาเต้าจวิน
หยางเจี่ยนขมวดคิ้วเงียบๆ ยามนี้อยู่ๆ จักรพรรดิโกวเฉินก็พูดขึ้น “ตอนแรกเดิมจัดให้เจี่ยนซุ่นหวาไปแบ่งอำนาจมารทองแกในที่ลับ ผลกลับกระตุ้นมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม เป็นพี่ร่วมเส้นทางท่านเห็นด้วยจริงๆ”
“สหายร่วมเส้นทางโกวเฉินกล่าวแบบนี้ไม่ถูกต้อง นั่นสมควรเป็นนพยมโลกวางแผนในที่ลับ ล่อลวงเจี่ยนซุ่นหวา” จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ไม่ยอมรับ หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิง “เรื่องที่เกิดขึ้นกับสหายร่วมเส้นทางเฟิงในภายหลัง ล้วนเป็นตัวแปรเหนือความคาดหมาย”
เฟิงอวิ๋นเซิงเงียบขรึม เยี่ยนจ้าวเกอมองจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
“ที่ศิษย์พี่เนี่ยเข้าสู่นพยมโลก เกี่ยวข้องกับท่าน” เยี่ยนจ้าวเกอถามอีกคำถาม
“ตอนนั้นข้าเป็นพวกเดียวกับสหายร่วมเส้นทางสั่ว สหายร่วมเส้นทางอู๋ตัง ต่อสู้กับนพยมโลก ศาสนาพุทธ เผ่าปีศาจหลายรอบ แยกตัวไปไม่ได้” จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ยิ้ม “ข้าไม่สะดวกเคลื่อนไหวเกินไป ไม่อย่างนั้นยากหลีกเลี่ยงไม่ให้สหายร่วมเส้นทางคนอื่นๆ มองออกว่าความต้องการของข้าอยู่ที่นพยมโลก”
“แต่ว่าเรื่องนี้มีเบาะแสหลายส่วนจริงๆ”
พูดถึงตรงนี้ เขามองพระอาจารย์เสวียนตูแวบหนึ่ง “ตอนนั้น ศิษย์น้องเสวียนตูเคยไปที่นั่น ทำอะไรไปบ้าง ข้าไม่อาจทราบ”
วาจานี้พอกล่าว เนี่ยจิงเสินในจานผลึกกับอวี่เย่ทั่วร่างต่างสั่นสะเทือน
อวี่เย่อดมองไปยังพระอาจารย์เสวียนตูไม่ได้ ในสองตาเป็นสภาพโกลาหลสูญสิ้น
ไม่ว่าพระอาจารย์เสวียนตูจะทำอะไรหรือไม่ ถ้าเขาไปถึงที่นั่นจริงๆ ต่อให้ไม่ได้ทำอะไร อย่างน้อยก็นั่งดูเนี่ยจิงเสินและอวี่เย่ถูกจางปู็ซวีไล่ฆ่าเพราะคัมภีร์โกลาหลสูญอยู่เฉยๆ
นั่งดูเฮ่อเหมี่ยนขายพวกเขาสองคนอยู่เฉยๆ
นั่งดูพวกเขาถูกกดดันเข้าสู่นพยมโลก เนี่ยจิงเสินเพื่อปกป้องอวี่เย่ ถูกกดดันให้กลายเป็นมารทองแกในสงครามเลือด
ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเหล่านี้ ทุกสิ่งที่แฝงอยู่ในที่ลับ ยิ่งทำให้คนรู้สึกเย็นเยือก
หากไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง พระอาจารย์เสวียนตูซึ่งที่แล้วมาซ่อนตัวในวังดุสิต ออกมาด้านนอกไม่กี่ครั้ง ไฉนครั้งนั้นต้องไป?
เพียงเพื่อเป็นสักขีพยานให้แก่การคืนชีพของมารทองแกรุ่นใหม่หรือ?
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋มองพระอาจารย์เสวียนตูอย่างเรียบเฉย ถือแผ่นหยกชิ้นหนึ่งในมือพลางกล่าว “หลังจบเรื่องถึงข้าจะค้นพบเงื่อนงำ แต่ศิษย์น้องเสวียนตูแก้ไข ลบเลือนร่องรอย ผลคือซ่อนมาถึงวันนี้”
“ตอนนั้นข้าไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะสำเร็จระดับมรรคา ศิษย์น้องเสวียนตูมีความหวัง ร่วมวางแผนกับพวกเรา ดังนั้นจึงเก็บเป็นความลับมาโดยตลอด ข้าละอายใจต่อสหายน้อยเนี่ยกับสหายน้อยอวี่นัก”
พูดจบ เขาก็แตะกับแผ่นหยกนั้นเบาๆ ละอองแสงหลายจุดลอยออกมาจากด้านใน
ละอองเงาแสงลอยค้าง เกิดภาพที่เดี๋ยวสูญหายเดี๋ยวปรากฏ
ในภาพ เป็นชายฝั่งยมโลกที่ริมขอบนพยมโลก
ในเขตมาร ประกายกระบี่สีทองหม่นพรั่งพรู เป็นวินาทีที่เนี่ยจิงเสินกลายเป็นมาร
ด้านนอกนพยมโลก ปราณพิสุทธิ์สายหนึ่งลอยไปไกล
คนที่อยู่รอบๆ ล้วนจดจำได้ว่า นั่นเป็นผู้สืบทอดเอกพิสุทธิ์
ในปราณพิสุทธิ์ถึงขั้นเห็นฉัตรกระเรียนสิบตัดขาดของพระอาจารย์เสวียนตูเดี๋ยวโผล่เดี๋ยวหาย
ภาพพร่ามัวไม่ชัดเจนอยู่บ้าง เป็นเพราะจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ไม่ได้เก็บข้อมูลเหล่านี้ได้ในสถานที่ แต่ไปถึงที่นั่นหลังจบเรื่อง ใช้วิชาลับพิเศษสะสางร่องรอยที่ซ่อนเร้น เกิดผลคืนสภาพรวบรวม
เส้นแสงสีเขียวมรกตตัดกันส่องระยิบระยับในม่านตาเยี่ยนจ้าวเกอ คัมภีร์เกิดนภาอนุมาน ครู่เดียวก็ยืนยันความจริงด้านในได้
หยางเจี่ยนเปิดตามที่สาม กวาดสายตา เงียบงันไม่พูดจา
พระอาจารย์เสวียนตูมองภาพนั้น ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากคำพูดแรกสุด ปัจจุบันจักรพรรดิโกวเฉินก็กลับคืนสู่ความสงบนิ่ง
ไท่อี้จินหยินมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเป็นห่วงอยู่บ้าง
การแก่งแยกเส้นทาง ความเป็นมาล้วนโหดร้ายและยากลำบากเช่นนี้
สำหรับผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ การสร้างเจ้ามรรคาอีกคนหนึ่งนอกจากเหล่าจวินโดยไม่สนใจค่าตอบแทน เป็นภารกิจเร่งด่วน
กล่าวไปเย็นชา แต่สถานการณ์เป็นเช่นนี้
เพียงแต่สำหรับคนเกี่ยวข้อง เป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง
สภาวะโจมตีของนางจาต่อทีปังกรพุทธะอ่อนลง เขามีสีหน้าลังเล ริมฝีปากสั่นไหวหลายรอบ ไม่ได้ส่งเสียง
รอบๆ ถึงกับสงบลงส่วนหนึ่งอยู่ชั่วขณะ
ถึงแม้คนในสำนักเต๋ายังคงสู้กับฝั่งพุทธและปีศาจดุดันเหมือนเดิม แต่ทุกคนล้วนตกสู่ความเงียบงัน
เฟิงอวิ๋นเซิงกับอวี่เย่มองจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับพระอาจารย์เสวียนตูด้วยสีหน้าซับซ้อน
ถ้าหากผู้สืบทอดสำนักเต๋าชนะการวางหมากบนนพยมโลกในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร การให้กำเนิดเจ้ามรรคาคนใหม่ หลังจากวันนี้เป็นต้นไป สำนักเต๋าจะได้รับประโยชน์
สำเร็จตำแหน่งเจ้ามรรคา เป็นอีกระดับหนึ่ง ไม่ต้องกลัวการเปิดเผยความจริง
กระนั้นในฐานะผู้เกี่ยวข้องที่ผ่านลมฝนหลายรอบ เฟิงอวิ๋นเซิงกับอวี่เย่สยบความอึดอัดในใจไม่ได้
เพียงรู้สึก ชนะแล้วก็ไม่มีความสุข
“สหายร่วมเส้นทางหนานจี๋เก็บเป็นความลับไม่เปิดเผย ทำให้คนเลื่อมใสยิ่ง” ตอนนี้ทีปังกรพุทธะพลันพูดขึ้น “กระนั้นหากบอกว่าชนะได้แน่แล้ว ยังกล่าวเร็วไป”
ท่านพนมมือ “ตอนนี้ตัวแปรดูเหมือนจะหมดแล้ว สมควรถึงเวลาแล้ว”
………………..