ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1786 มุกค้ำทะเลกลับคืนสำนักเต๋า
สภาวะเหมือนแบ่งฟ้าฟันทะเล เยี่ยนจ้าวเกอฉีกทะเลเพลิงไฟขาวที่เปลี่ยนมาจากแสงพุทธของมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์เบื้องหน้า
‘ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในระดับสุญญตา เขาผสานวรยุทธการสืบทอดสายข้างสามพิสุทธิ์ สร้างวรยุทธใหม่เป็นของตัวเอง ยังมีร่องรอยให้สืบสาว พอมองเห็นต้นตอได้บ้าง’ ใต้สถูปอภิรดีศูนย์กลาง ลู่ยาเต้าจวินมองเยี่ยนจ้าวเกอลงมือ คิ้วขมวดแน่น ‘ตอนนี้กลับมองเงื่อนงำไม่ออกแล้ว…’
เยี่ยนจ้าวเกอแยกแสงไฟทั่วฟ้า ยื่นมือหนึ่งออกมาตั้งนิ้วชี้นิ้วกลางดุจกระบี่ แทงใส่มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์
โพธิสัตว์ใต้เท้าเกิดบัว ยกท่านถอยหลบไปด้านหลัง
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอเร็วยิ่งกว่า ถึงมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์จะใช้ก้าวเท้าเกิดดอกบัวเคลื่อนย้ายความว่างเปล่า ยังคงเห็นประกายกระบี่ที่ปลายนิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมายิ่งใกล้ท่าน
มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์จนปัญญา พนมมือผนึกรวมร่างธรรมไร้ประมาณ
แสงสว่างไร้สิ้นสุดแผ่ไปทั่วบริเวณ จากนั้นก็หุบลงไปที่จุดหนึ่ง
แสงทองผนึกรวมเป็นแท่นบัวเก้ากลีบตรงหน้าทรวงอกร่างธรรมโพธิสัตว์
แท่นบัวนี้ลอยไปยังด้านหน้า ปะทะกับประกายกระบี่ที่ปลายนิ้วเยี่ยนจ้าวเกอ
ในความว่างเปล่าบนเขตมาร บริเวณที่แท่นบัวเคลื่อนผ่านล้วนถูกเผาทะลุ เกิดเส้นทางที่ว่างเปล่าสายหนึ่ง
แสงสว่างไร้ประมาณผนึกหลอมและหดตัวในระดับสูง กลายเป็นความร้อนที่ยากจินตนาการ ยังเหนือกว่าเปลวไฟ
ประกายแสงกีดกันทำลายล้างหลอมละลายทุกสิ่งที่พบเจอ แท่นบัวเก้ากลีบใช้ป้องกันแทนโจมตี มีทั้งตั้งรับและจู่โจม อานุภาพน่าสะพรึง ปะทะกับปลายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ
เทียบกับแท่นบัวเก้ากลีบนี้ ประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอเล็กไม่อาจสัมผัสได้ ราวกับเทียนเหลือกลางสายลม
กระนั้นหลังจากสองสิ่งปะทะกัน ประกายกระบี่ที่เหมือนอ่อนแอนั้นก็ถึงกับแทงแท่นบัวเก้ากลีบทะลุ!
แท่นบัวที่ถูกแทงทะลุไม่แข็งแกร่งอีกต่อไป แสงสว่างไร้ประมาณที่ผนึกรวมยากจะรวมตัวต่อ เริ่มกระจายไปรอบๆ
แสงสว่างกระจายไปทั่วสี่ทิศ แต่กลับสูญเสียจิตอันไร้สิ้นสุดไร้ประมาณไร้ขอบเขตก่อนหน้า พอหายไปจุดหนึ่ง ก็เล็กลงจุดหนึ่ง
พร้อมกับที่แท่นบัวเก้ากลีบแตก เส้นแสงก็รีบหรี่ลงอย่างรวดเร็ว
ประกายกระบี่ที่ดูเหมือนธรรมดาไม่มีใดพิเศษนั้น กลืนพ่นยืดหดเหมือนหย่อมเพลิง แทงใส่มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ต่อ
“พระพุทธองค์เมตตา” ทีปังกรพุทธะมองทะเลเลือดด้านล่างที่ใกล้จะแห้งเหือด แต่ยังคงหลงเหลือ ถอนใจยาว เปล่งคำสรรเสริญคุณ เซ่นมุกค้ำทะเลสิบแปดชิ้นให้พุ่งใส่เยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน หมายจะล้อมเว่ยช่วยจ้าว โจมตีศัตรูเพื่อช่วยแก้ไขวงล้อมให้มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์
บนมุกค้ำทะเลส่องแสงห้าสี มองดูจนลายตา สะกดขวัญวิญญาณ
เยี่ยนจ้าวเกอมองท้องฟ้า เป่าลมสามครั้ง ปราณพิสุทธิ์สามสายไหลไปบนศีรษะตนราวกับทะเลเมฆ
เส้นแสงห้าสีของมุกค้ำทะเลถูกปราณพิสุทธิ์กลบ พลันส่องไม่ถึงตัวเยี่ยนจ้าวเกอ
มุกที่หนักอึ้งเหมือนกับท้องฟ้าร่วงลง กระแทกศีรษะเยี่ยนจ้าวเกออย่างแม่นยำ
เยี่ยนจ้าวเกอกลับเหมือนไม่เห็นของวิเศษที่ชื่อเสียงเจิดจรัส สังหารผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดมามากมายนี้ในสายตา
ปลายนิ้วเขามีประกายกระบี่กะพริบ หลังจากทะลวงแท่นบัวเก้ากลีบ ก็ออกอีกหนึ่งกระบี่ไปด้านหน้าต่อ
มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์คิดจะหลบหลีก แต่ประกายกระบี่ที่แข็งแรงไม่อาจทำลาย ยังแทงทำลายศีรษะท่าน
กายทองพุทธะที่เปล่งบุปผาแสงสว่างไสว เหมือนกับลูกหนังลมรั่ว
เยี่ยนจ้าวเกอชักนิ้วถอยหลัง ปากแผลบนศีรษะมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์มีแสงหลายสายไหลออกมาจากด้านในไม่หยุด
การถอนกระบี่เหมือนกับถอนลมหายใจชีวิตจากมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์จนหมดสิ้น
ขณะเดียวกัน มุกค้ำทะเลพุ่งถึงเหนือศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ
เห็นเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนหลบไม่ทัน สมองเขาตอนนี้เปิดออก มีควันขาวสายหนึ่งพุ่งสู่ฟากฟ้าอีกครั้ง
พอถูกควันขาวนี้สะกด ปราณพิสุทธิ์สามสายบนศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอก็ผสมกัน สามพิสุทธิ์รวมเป็นหนึ่งปราณ
หนึ่งปราณนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นฉัตรคันหนึ่ง คลุมศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ
บนฉัตรบังเกิดปรากฏการณ์พิเศษ แต่ละชั้นรวมกันเป็นเจดีย์
ความโกลาหลผืนหนึ่งด้านล่างสุดขมุกขมัวไม่ชัดเจน ยากจะอธิบาย เหมือนมีคืนสู่ไม่มี คล้ายตอนที่ความขมุกขมัวยังไม่แยก
ความขมุกขมัวด้านบนเปิดออก จักรวาลเริ่มต้น ดินน้ำลมไฟที่กระจายว่อนไหลเวียนทั่วสี่ทิศ ภาพก่อนกำเนิดสั่นไหวไม่มั่นคง
ห้ากำเนิดห้าจริยะก่อนกำเนิดเกิดประจักษ์แจ้ง กำหนดดินน้ำลมไฟ เปิดฟ้าผ่าดิน ไท่จี๋แบ่งเป็นหยินหยาง สรรพสิ่งบังเกิดขึ้น
ภายหลังกาลเวลาเปลี่ยนผัน สิ่งมีชีวิตหมื่นวัตถุถือกำเนิด ภาพหมื่นพันบนโลกพากันโผล่ขึ้นมา
ชั้นแล้วชั้นเล่าขึ้นไปด้านบน ปรากฏการณ์พิเศษมากมายทับซ้อนกัน
ถึงภายหลัง ธรรมชาติจะสิ้นสูญ หมื่นวัตถุสิ้นชีวิต ทุกสิ่งกลับคืนสู่ความไม่มี
จุดหนึ่งที่ยากบอกกล่าว ยากจะบรรยาย ตั้งอยู่บนสุดของฉัตร เดี๋ยวสูญหายเดี๋ยวปรากฏ ราวกับมุกวิเศษ
แต่นั่นไม่ใช่จุดจบ กลับคล้ายการเริ่มต้นใหม่ของเวลา แสดงการเปิดผ่าความขมุกขมัว และการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอีกชั้นหนึ่ง
เป็นเช่นนี้เวียนวนไม่หยุด ปรากฏการณ์พิเศษไร้สิ้นสุดไม่มีวันหมด
ที่ขอบฉัตรยังเป็นปราณพิสุทธิ์ไร้สิ้นสุดไร้วันหมด ราวกับผ้าต่วนหลายสายพากันห้อยตกลงมา
มุกค้ำทะเลที่เหมือนสวรรค์ร่วงลง เกรี้ยวกราดสุดเปรียบปาน ตกลงบนฉัตรเหนือศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ กลับไร้สุ้มเสียง
จักรวาลแต่ละแห่งหดตัว กลับกลายเป็นมุกห้าแสงสิบสี เหมือนกับตกลงไปในจาน ถูกฉัตรเยี่ยนจ้าวเกอรองรับไว้
เฟิงอวิ๋นเซิง มหาวิทยราชมยุรี หยางเจี่ยน สั่วหมิงจางเห็นดังนั้น ดวงตาต่างสาดแสงเจิดจ้า
พวกลู่ยาเต้าจวิน นาจา ใบหน้าฉายแววตกตะลึงพรึงเพริด
ทีปังกรพุทธะที่เผชิญความแหลมคมจากเยี่ยนจ้าวเกอโดยตรง สัมผัสได้รุนแรงกว่า ทะเลจิตในห้วงวิญญาณเกิดคลื่นยักษ์เทียมฟ้า ยากจะสงบลง
พอเห็นบนศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏฉัตรคันนั้น ทีปังกรพุทธะเห็นท่าไม่ดี
ท่านคิดดึงมุกค้ำทะเลกลับไป
ผลคือมุกค้ำทะเลหลายชิ้นที่ร่วงลงบนฉัตรสั่นสะเทือน กลับยากหลุดออกจากฉัตร คล้ายถูกยึดไว้ด้านบน
ไม่ว่าทีปังกรพุทธะจะพยายามอย่างไร มุกค้ำทะเลเหล่านั้นจะขัดขืนบนฉัตรอย่างไร ก็ไม่อาจลอยขึ้นได้
“ชะตาชีวิตเช่นนี้…” ทีปังกรพุทธะเงยหน้าถอนใจยาว
มีแต่ต้องละทิ้งมุกค้ำทะเลที่ถูกฉัตรดูดไว้
ของล้ำค่าที่ในอดีตเป็นของจ้าวกงหมิงผู้ยิ่งใหญ่สายเหนือพิสุทธิ์ ภายหลังตกสู่มือทีปังกรพุทธะมาหลายยุคสมัยนี้ ปัจจุบันในที่สุดทั้งหมดก็กลับคืนสู่มือผู้สืบทอดสำนักเต๋า
ทีปังกรพุทธะไม่เพียงละทิ้งมุกค้ำทะเล ยังออกจากด้านบนเหวลึกทะเลเลือด หลบหนีไปยังที่ไกล
การวากหมากบนนพยมโลกที่ลำบากวางแผนมานาน แดนสุขาวดีตะวันตกในที่สุดก็เลือกยอมแพ้
ไม่อย่างนั้นไม่รอทีปังกรพุทธะทำสำเร็จ เหล่าพุทธะแดนสุขาวดีรวมถึงตัวท่านเอง วันนี้ล้วนต้องมรณะลงที่นี่!
เพราะเห็นเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งขึ้นสู่มหาชาล ความสำเร็จของตัวอยู่ตรงหน้า เมื่อครู่ทีปังกรพุทธะกับเหล่านักบวชแห่งศาสนาพุทธจึงเกิดโลภโกรธหลง ฝืนใจสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอ
กระนั้นความจริงได้พิสูจน์ว่า การพึ่งโชคใช้ไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอเดินมา ไปที่ใดก็กวาดล้าง ทำลายเหล่าพุทธแห่งแดนสุขาวดี!
พวกทีปังกรพุทธะถูกเตือนสติ ตัดสินใจถอยหนีห่างไปทันที
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนไม่มีเรื่องใด เดินทีละก้าวไปถึงด้านบนทะเลเลือด ก้มมองลวดลายตัว 卍 ไร้สิ้นสุดที่ลอยขึ้นบนลวดลายค่ายกลทะเลเลือดด้านล่างแวบหนึ่ง
เขาวาดมือใส่อากาศไปทางด้านล่าง ลวดลายอาคมตราพุทธที่เป็นสีทองแวววาว บริสุทธิ์ราวสีเคลือบนั้นก็พากันหายไป
“ประสกเยี่ยนมีพลังฝึกปรือน่าตกตะลึง พวกเราเลื่อมใสยิ่ง” ทีปังกรพุทธะถอนใจ “เพียงแต่วันนี้ท่านขึ้นสู่มหาชาล พลังแม้แข็งแกร่ง แต่ยังห่างจากระดับมรรคาอีกไกล ที่โยมเดินเป็นเส้นทางที่ไม่เคยเห็นมาก่อน การวางหมากบนนพยมโลกในวันนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะกับโยม กลับไม่ทราบสุดท้ายแล้วจะทำให้สหายร่วมเส้นทางเสวียนตู หรือสหายร่วมเส้นทางหนานจี๋สมหวัง?”
………………..