ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1790 มหาเทวะกลับมา
วานรหนึ่งกระบอง นพยมโลกทรุดโทรม
โลกเขตมารที่ดํารงอยู่มาหลายยุคสมัย เปลี่ยนมาจากศพมาร สวรรค์ธรรมชาติ บรรพมารตนที่สอง ตอนนี้พานพบวันสิ้นโลก!
กระบองนี้ไม่ใช่ทําลายล้างให้ดับสูญอย่างเดียว แต่เปลี่ยนจากดับสู่ เกิด
จุดที่วานรฟาดกระบองลง เขตมารนพยมโลกพังทลาย ทุกสิ่งใน โลกเขตมารต่างก็ไหลเข้าไปด้านในราวกับกระแสน�า
แต่ในเวลาเดียวกัน ขณะที่จุดจุดนั้นบิดเบี้ยว ก็เชื่อมต่อกับความ ว่างเปล่าไร้สิ้นสุดในมหาจักรวาลรอบนอก
กระแสปราณหลายสายไหลเลื้อยไม่หยุด แบ่งแยกหยินหยางก่อน จากนั้นก็กระจายเป็นปราณพิสุทธิ์และปราณขุ่น สิ่งสะอาดลอยขึ้น สิ่ง สกปรกจมลง เป็นภาพเปิดฟ้าดิน
โลกธรรมชาติแห่งใหม่ วินาทีนี้เหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาแทนที่นพ ยมโลกดั้งเดิม ใกล้ชิดกับมหาจักรวาลอย่างแนบแน่น เหมือนกับกระจก พลิกด้าน
ฟ้าดินแห่งนี้ถึงจะเริ่มต้น แต่สองลักษณะกลายเป็นสี่สภาพ สี่
สภาพกลายเป็นแปดทิศ แปดทิศให้กําเนิดหมื่นวัตถุ สร้างจักรวาล
กาลเวลาเลื่อนไหล ปรากฏอาทิตย์จันทราและหมู่ดาว ธรรมชาติเริ่มต้น
หมื่นสภาพยิ่งสวยตระการ กลิ่นอายสิ่งมีชีวิตที่บัดเดี๋ยวปรากฏบัดเดี๋ยวสูญหาย ถือกําเนิดขึ้น
ด้านใน ถึงจะยังอ่อนแอ กลับยิ่งมายิ่งเข้มข้น ที่แห่งนี้แตกต่างจากนพยมโลกซึ่งก่อนหน้าเต็มไปด้วยการแก่งแย่ง
ต้องการกลืนกินมนุษย์พร้อมทําให้แปดเปื้ อน เขตมารกว้างขวางวินาทีนี้สูญสลายอย่างรวดเร็ว มุ่งสู่จุดจบ แม้แต่หุบเหวทะเลมารที่อยู่ตรงกลางก็พังทลายอย่างรวดเร็ว ไถล
ลงไปยังจุดนั้น ในทะเลเหวแว่วเสียงคํารามสะท้านแก้วหู มวลมารพิโรธโหยหวน ถึงแม้พวกมันจะเอนเอียงไปทางความโกลาหลและความตายโดย
สันดาน แต่ตอนนี้ยังเดือดดาลเจ็บปวดใจ นพยมโลกถูกทําลาย ศพมารธรรมชาติแยกตัว อํานาจสูญหาย คิดจะซ่อมแซม ระดับความยากยังมากกว่าการจุติของมารสวรรค์
ปัจฉิมธรรม
แทบทํานายได้ว่า แม้แต่ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ที่ไม่
สมบูรณ์ก็ยากจะก่อตั้งขึ้นมาอีกครั้ง ขณะเดียวกัน การล่มสลายของนพยมโลกก็หมายถึงความสามารถ
มารดับสูญคืนชีพเท่ากับสูญสิ้น นอกจากสิบสองเทพมารสวรรค์ แม้เทพมารระดับมหาชาลดับสูญ
ก็ไม่อาจคืนชีพหลังดับสูญจากนพยมโลกได้อีก ค่ายกลแหลกสลาย ทะเลเลือดแห้งเหือด เหล่ามารพุ่งออกมาจาก
ในทะเลเหวที่ถล่มทลาย มารร้ายซึ่งที่แล้วมามอบความตายให้คนอื่นๆ ปัจจุบันเหมือน
ประสบวันสิ้นโลก แต่ละตนต่างหมดอาลัยตายอยาก นพยมโลกกลายเป็นประวัติศาสตร์เช่นนี้ มารสวรรค์บรรพกําเนิดกับมารสวรรค์ไร้พันธนาสีหน้าไร้อารมณ์
มองไท่ซ่างเหล่าจวินกับกษัตริย์บูรพาไท่อี้ที่ขวางอยู่ตรงหน้า อามิตาภพุทธเจ้าหยุดมือ มองไปยังทิศทางที่มหาเทวะเสมอฟ้าอยู่ ณ ที่แห่งนั้น มีแสงสว่างไร้สิ้นสุดลอยขึ้น มองไม่เห็นเงาร่างวานร
แสงสว่างกับซากนพยมโลกหายไปในจุดจุดนั้น เข้าไปในธรรมชาติ ฟ้าดินที่เกิดใหม่
หมู่คนที่เดิมอยู่ในนพยมโลก นอกจากเจ้ามรรคาทั้งหลาย ก็ถูก ม้วนเข้าไปด้านในตาม
พื้นที่ที่ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาเช่นเหล่าจวินดํารงอยู่ เปลี่ยนจากเหว ลึกที่ลึกล�าสุดประมาณก่อนหน้า กลายเป็นดินแดนสูงไกลไร้สิ้นสุดเหนือ ความว่างเปล่า
ขณะพวกเขา ‘ก้มมอง’ ก็เห็นปราณพิสุทธิ์สายหนึ่งพุ่งออกจาก ธรรมาชาติที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ มาอยู่เหนือความว่างเปล่าใน ‘ระดับเดียว’ กับพวกเขา
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นใหม่นั้น ยืนอยู่ ในจักรวาลความว่างเปล่าที่รกร้างโบราณ มองไปยังเจ้ามรรคาทั้งหลาย บนความว่างเปล่า
เห็นปราณพิสุทธิ์ผนึกรวมตัวข้างพวกเหล่าจวิน เป็นกระบอง สารพัดนึกสีทองอร่ามท่อนหนึ่ง
กระบองท่อนนั้นหมุนกลางอากาศรอบหนึ่ง รูปร่างเปลี่ยนแปลงอีก ครั้ง
ซุนหงอคงเผยร่างจริง ยังเป็นวานรใส่เสื้อนักพรต เขาประสานมือให้ไท่ซ่างเหล่าจวินกับกษัตริย์บูรพาไท่อี้ จากนั้น
พูดกับบัวขาวที่อยู่ห่างไป “ขอบคุณสามท่านที่ช่วยให้สมหวัง” จากนั้นวานรก็มองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในฟ้าดินใหม่ด้านล่าง แยก
เขี้ยวหัวเราะ “ขอบคุณสหายน้อยด้วย” เสียงเขาล�าลึกลี้ลับ เหมือนกับมหามรรคาส่งเสียง ทว่าผู้คนพอได้ยิน ล้วนเข้าในความนัยในคําพูด “ยินดีกับมหาเทวะที่ได้กลับมา!” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ ประสาน
มือคารวะตอบเงาร่างนั้นบนความว่างเปล่า “เทวกษัตริย์มหาเทวะเจ้า
สูงส่ง สุขและอายุไร้ประมาณ!” ลู่ยาเต้าจวินกับพวกปีศาจจากเขาทะเล ต่างมองมหาเทวะเสมอฟ้า
ที่เพิ่งขึ้นสู่ระดับมรรคาด้วยสีหน้าซับซ้อน มหาเทวะเผ่าปีศาจเช่นราชาปีศาจกระทิง จิตใจยิ่งเป็นสรรพรส ความจริงหลังวานรหลุดจากใต้เขาเบญจคีรี เดินทางไปสักการะ
ศาสนาพุทธที่ชมพูทวีปในยุคโบราณตอนกลาง ผู้คนค่อยๆ รับรู้เป็นน
วงกว้าง
จอมปีศาจเช่นราชาปีศาจกระทิงลดความชิงชัง แต่ยากบอกยิ่งว่า จะสนิทได้เหมือนเมื่อก่อน
กระนั้นตอนนี้พร้อมกับที่ซุนหงอคงขึ้นสู่ระดับมรรคา สภาา พการณ์ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีก
อย่างรวดเร็ว พวกปีศาจพากันคํานับเงาร่างนั้นพร้อมกันโดยมีลู่ยา เต้าจวินเป็นผู้นํา “ขอใต้เท้าอริยกษัตริย์สุขชั่วนิรันดร์!”
กระนั้นพวกเขาเพิ่งมีการเคลื่อนไหว ก็ถูกพลังไร้รูปร่างหยุดไว้
“กษัตริย์บูรพาคือกษัตริย์บูรพา ข้าคือข้า ทุกท่านไม่ต้องมาก มารยาท” เสียงวานรดังมา “ข้าครั้งนี้กลับมา ไม่ใช่เพื่อรับมารยาทของ พวกท่าน ในอดีตเพราะข้า พี่น้องทุกคนประสบภัย วันนี้ข้าขึ้นสู่ระดับ มรรคา ย่อมดูแลชดเชย”
“ลู่ยาครั้งนี้ข้ายึดวาสนาท่าน ครั้งหน้าจะช่วยท่านอีกแรง”
ลู่ยาเต้าจวินหัวเราะขื่นขมในใจ การวางหมากนี้เขาพลาดไปแล้ว ภายหลังจะมีโอกาสอีกหรือไม่ ยากจะบอกกล่าวจริงๆ
แต่วันนี้หงอคงกลายเป็นเจ้ามรรคา การรับปากของการดํารงอยู่ เช่นนี้ย่อมมีค่าสุดขีด ลู่ยาเต้าจวินรีบขอบคุณ
“กระนั้นขอกล่าววาจาไม่ลื่นหูต่อหน้า เขาดาราทะเลดาวต่อสู้กับ ฝั่ งอื่น ข้าต้องเข้าร่วมด้วยแน่ แต่ว่าการแก่งแย่งกับศิษย์สามพิสุทธิ์ ข้า ล้วนติดข้าน�าใจสองฝั่ ง ได้แต่มองอยู่ด้านข้าง ถ้ากษัตริย์บูรพาออกโรง ด้วยตัวเอง ข้าไม่แน่ว่าจะไกล่เกลี่ย” วานรภายหลังกลับกล่าวตาม ประโยคหนึ่ง ทําให้เหล่าปีศาจหัวเราะขื่นขมอีกครั้ง จิตใจเคร่งขรึม เล็กน้อย
วาจาที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทุกคนในสํานักเต๋าย่อมได้ยินชัดเจน
หลังเงียบเล็กน้อย ทุกคนก็ยังคํานับไปด้านบนความว่างเปล่า “เท วกษัตริย์มหาเทวะเจ้าสูงส่ง ความสุขและอายุไร้ประมาณ!”
วานรหันไปมองเหล่าจวิน เอ่ยว่า “ตาเฒ่า ครั้งนี้ข้ารอดจากภัย พิบัติขึ้นสู่มรรคา น�าใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่ที่ท่านกับสหายน้อยเยียน น�าใจ นี้ภายหลังต้องตอบแทน ศิษย์สามพิสุทธิ์แย่งชิงกับคนอื่น ถ้าเรียกข้าจะ ไปร่วมด้วย แต่อย่าได้สร้างความลําบากแก่ข้าเพราะเขาดาราทะเล ดวงดาว”
“ไหนเลยมีเวลากล่าวไร้สาระกับวานรเช่นเจ้า จัดการเรื่องตรงหน้า ค่อยว่ากล่าว” เหล่าจวินนั่งบนหลังกระบือ กล่าวอย่างไม่นําพา
กระบือก้าวเท้า เหล่าจวินแบกเจดีย์เหลืองดําฟ้าดิน ถือไม้เท้าแบน ฟาดใส่มารสวรรค์บรรพกําเนิดต่อ
กษัตริย์บูรพาไท่อี้มองอามิตาภพุทธเจ้า
วานรหัวเราะฮ่าๆ ถึงจะขึ้นสู่มหาชาล ในมือกลับเพิ่มกระบองท่อน หนึ่ง ฟาดใส่หน้ามารสวรรค์ไร้พันธนาโดยตรง
บนความว่างเปล่า พวกเจ้ามรรคาสู้กันเป็นพัลวันอีกครั้ง กลับ ต้องการทําลายล้างวิถีมารให้หมด!
อีกด้านหนึ่ง ในจักรวาลธรรมชาติที่สร้างขึ้นใหม่ หลังนพยมโลกถูก ทําลายแล้วเกิดใหม่ สถูปอภิรดีศูนย์กลางในที่สุดก็หายไปพร้อมกับเวลา ที่ผ่านไป
วัชระปลุกเสกกับสารีริกธาตุศากยมุณีสิ้นชิ้นแสงหายไป ร่วงลงมา ใหม่
มหาวิทยราชมยุรีสีหน้านิ่งขรึม เก็บวัตถุวิเศษกลับไปในถุงย่าม สายตากวาดมองทีปังกรพุทธะ ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้หยุดรั้งอยู่ จากไป ทันที
ทีปังกรพุทธะกับเหล่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกต่างก็โกรธ เคือง รีบร้อนหนีไป
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้หยุดพวกท่าน แต่เดินเข้าหาจักรพรรดิอายุ วัฒนาหนานจี๋กับพระอาจารย์เสวียนตูโดยตรง!
………………..