ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1800 ไปโถงเซียน!
วานรขึ้นสู่ระดับมรรคา ก้าวต่อไปคือเสาะแสวงการหลุดพ้นเช่นกัน
เหล่าจวินที่เหมือนไม่สนใจสิ่งใดไม่ต้องพูดถึง สําหรับกษัตริย์บูรพา ไท่อี้กับพระศรีอริยเมตไตรยแล้ว กล่าวในระดับหนึ่ง วานรเป็นคู่แข่ง ของพวกเขาในการแย่งชิงโอกาสการหลุดพ้น
กระนั้นอีกฝ่ายอย่างไรก็เพิ่งขึ้นสู่ระดับมรรคาในยุคสมัยนี้ ถึงแม้ ปัจจุบันกษัตริย์บูรพาไท่อี้จะไม่ยืนยันว่าวานรหลุดพ้นได้อย่างไร แต่ใน ฐานะหนึ่งในตัวตนที่เก่าแก่ที่สุดบนโลก กษัตริย์บูรพาไท่อี้มีความ เชื่อมั่นมากพอ
ดูจากวันนี้ ตัวตนที่แย่งชิงกับเขาในยุคสมัยนี้ได้ มีแค่อามิตาภพุทธ เจ้า
ขอแค่กษัตริย์บูรพาไท่อี้เอาชนะได้ในยุคนี้ ยุคต่อไปจะเป็นอย่างไร ย่อมไม่มีความสําคัญสําหรับเขาอีกแล้ว
มีพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตัวเองก่อนหลุดพ้นผู้หนึ่งเพิ่ม มา หลังหลุดพ้นยังคงมีเจ้ามรรคาคนหนึ่งสามารถดูแลเผ่าปีศาจ กษัตริย์บูรพาไท่อี้ย่อมยินดีจะเห็น
เปรียบเทียบกันแล้ว ความสัมพันธ์คู่แข่งระหว่างวานรกับพระศรี อริยเมตไตรยค่อนข้างแจ่มชัด แต่ก็มิใช่ความขัดแย้งโดยตรง อย่างไร ทุกฝ่ายก็ไม่เหมือนกัน
ถึงแม้ต่างชิงตําแหน่งหลุดพ้น แต่ว่าก่อนหน้านี้ยังคงมีพื้นที่สําหรับ ร่วมมือกัน
“คู่แข่งโดยตรงของพระศรีอริยเมตไตรย ยังคงเป็นเทวกษัตริย์ไร้ ประมาณ” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ย “กล่าวอย่างไม่เกรงใจ ระหว่างสองศาสดา เส้นทางนอกรีตแบ่งผลแพ้ชนะก่อน จากนั้นค่อยมีความมั่นใจแย่งชิง ตําแหน่งหลุดพ้นกับเจ้ามรรคาคนอื่น”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “มิผิด เป็นเช่นนี้เอง ปัจจุบันมหาเทวะขึ้นสู่ ระดับมรรคาในสํานักเต๋าสายหลักของพวกเรา ไม่ถูกกับเทวกษัตริย์ไร้ ประมาณโดยกําเนิด ต่อให้ไม่ใกล้ชิดกับพระศรีอริยเมตไตรย แต่ก็ยัง ดีกว่าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ นี่เป็นสาเหตุที่ก่อนหน้านี้พระศรีอริย เมตไตรยช่วยเหลือ”
เว้นเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “หนําซ�า คําพูดก่อน หน้านี้ของมหาเทวะคล้ายมีความลี้ลับอยู่หลายส่วน”
“ท่านหมายถึง…” เฟิงอวิ๋นเซิงถาม “มหาเทวะเหมือนให้ ความสําคัญกับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณเป็นพิเศษ สนใจจะต่อสู้กับอีก ฝ่ายหรือ?”
“ถูกต้อง” เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนนึกอะไรออก “มหาเทวะขึ้นสู่ระดับ มรรคา มองอะไรออกมากมาย เขาไม่ได้เก็บความลับเก่งเหมือนเจ้า มรรคาคนอื่นๆ ย่อมเผยความลับฟ้าออกมาเล็กน้อย…”
เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้วแล้วคลาย ขมวดคิ้วแล้วคลาย “ยืนยันได้แล้ว ว่าจักรพรรดิจื่อเวยพิทักษ์ธรรมถวายเป็นมงคลแก่สํานักเต๋าเราแล้ว”
“เอาล่ะ พวกเราไปเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอยกเท้าขึ้นก้าว “ในเมื่อ ตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือกับโถงเซียน เช่นนั้นเรื่องบางเรื่องก็ต้องมีการ เตรียมตัวก่อน ครั้งนี้จัดการให้หมดทีเดียว”
เขาเขย่าร่าง ภาพตรงหน้าเปลี่ยนจากเขาเมฆมรกต เป็นผาบัวแดง บนยอดเขาอัศจรรย์
เฟิงอวิ๋นเซิงร่วมทางกับเขา ขณะมองผาบัวแดงตรงหน้า ในใจรู้สึก หนักอึ้งเป็นกังวล ทั้งฮึกเหิมคาดหวัง
หลังเมิ่งหวานกับฟู่อวิ๋นฉือได้รู้จักกัน ก็กลับมาอยู่ที่ผาบัวแดง เวลา สวนใหญ่ในหนึ่งปีล้วนอยู่บนยอดเขาอัศจรรย์
เวลาที่เหลือไปอยู่เป็นเพื่อนเฉินหมิงอิง อาจารย์ผู้สั่งสอนวิชาบน
โลกแปดพิภพ หอคลื่นโหมในอดีตตั้งรกราก หยั่งรากฐานบนฟ้าเหนือฟ้ามานาน
แล้ว ถังหย่งฮ่าวสร้างสํานักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นใหม่ เฉินหมิงอิงไม่กลับมา
แต่ยังคงรับหน้าที่ขุนนางต่างประเทศในหอคลื่นโหม เวลาพันปีอันยาวนานผ่านไป ในสถานการณ์ปกติ เฉินหมิงอิง
สมควรแก่ชรา หมดอายุขัยไปนานแล้ว โชคดีที่บนเขากว่างเฉิงมีต้นผลคนที่ทาบกิ่งไว้ ประสิทธิผลของผล
ที่ผลิตได้ถึงแม้จะสู้ผลคนของจริงไม่ได้ แต่ก็มีผลเพิ่มอายุขัยเช่นกัน เมิ่งหวานขอผลวิญญาณจากเขากว่างเฉิงให้เฉินหมิงอิง ดังนั้นจึง
คืนความเยาว์วัย นอกจากจะพักบนผาบัวแดงและอยู่เป็นเพื่อนเฉินหมิงอิงแล้ว บาง
ครั้งเมิ่งหวานก็ไปพักที่เนินต้นจักรพรรดิเป็นระยะเวลาสั้นๆ บ้านเก่าที่เดิมเป็นของหลิวเซี่ยนถิงมารดานางถูกปรับปรุงแต่แรก
เหมาหยวนเซิงผู้ควบคุมในปัจจุบันของเนินต้นจักรพรรดิตัดสินใจ ถ่ายทอดม้วนคัมภีร์ร่างหงส์อมตะให้นาง ทําให้ปัจจุบันนี้เมิ่งหวาน ครอบครองจุดเด่นของสองสํานัก
ตอนเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมาถึงยอดเขาอัศจรรย์ เมิ่งหวาง วันนี้อยู่นี่พอดี
หลังนางขึ้นสู่ระดับเซียน ก็สร้างที่บําเพ็ญนิวาสสถานของตัวเอง ขึ้นบนยอดเขาอัศจรรย์ ด้านนอกผาบัวแดง
คนที่เหมือนกันยังมีฟู่ถิงกับเหอซีสิงที่ย�าทําลายภัยพิบัติมนุษย์ กําเนิดไปนานแล้ว
ทว่าตอนนี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมาเยี่ยมผาบัวแดงบน ยอดเขาอัศจรรย์ พวกเขาสามคนล้วนกลับผาบัวแดง เยี่ยมเยือนฟู่อวิ๋ นฉือ
เมิ่งหวาน ฟู่ถิง ยังมีเหอซีสิง พวกเขาสามคนมีจุดร่วมหนึ่งอย่าง ก็ คือก่อนที่จะกลายเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุข ได้ทราบถึงการ ดํารงอยู่ของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณแล้ว เพราะสาเหตุนี้จึงถูกฝังเมล็ด พันธุ์ลึกลับในจิตใจ
การดํารงอยู่ของเมล็ดพันธุ์นี้ ทําให้พวกเขาต่างมีความเป็นไปได้ที่ จะถูกเทวกษัตริย์ไร้ประมาณชําระล้างข้ามมิติ
อีกทั้งยังไม่หายไปเพราะพลังฝึกปรือในภายหลังของพวกเขา เพิ่มขึ้นด้วย
หลายปีมานี้ ภัยซ่อนเร้นคงอยู่มาโดยตลอด เพียงแต่ไม่เคยปะทุ ออกมา
พวกเยี่ยนจ้าวเกอย่อมตั้งใจหาวิธีแก้ไข
เป็นเพราะว่าฟู่อวิ๋นฉือประสบภัยในครั้งกระโน้น คนที่ได้เจอ เหตุการณ์คล้ายๆ กันไม่ได้มีแค่พวกเมิ่งหวาน เพียงแต่ตอนนี้พวกเขา สามคนมีพลังฝึกปรือสูงสุด มีความสําเร็จมากที่สุด
เวลาพันกว่าปีผ่านไป คนที่ประสบภัยในวันนั้นเหมือนกัน ส่วน ใหญ่อายุขัยหมดลง ธุลีกลับสู่ธุลี ดินกลับสู่ดิน ไม่สร้างผลกระทบ ร้ายแรงกว่าเดิม หรือความเสียหายมากกว่าเดิม
แต่ว่าคนที่ยังอยู่ยังต้องเผชิญปัญหาอยู่ดี
“ข้าฝ่าภัยพิบัติฟ้ากําเนิด เข้าใจหลักการฟ้าดิน มีสิ่งที่ได้มาใหม่ๆ มากมาย” เขามองพวกฟู่อวิ๋นฉือ เมิ่งหวาน ฟู่ถิงที่อยู่ตรงหน้า “ปัจจุบัน สถานการณ์ของสามท่านข้าเริ่มมีความมั่นใจแล้ว เพียงแต่ต้องไปโถง เซียน”
หลังเขาสําเร็จระดับเซียนสวรรค์มหาชาล ตรวจสอบสภาพของเมิ่ง
หวาน ฟู่ถิง และเหอซีสิงอีกครั้ง ทัศนวิสัยก็ไม่เหมือนเดิม ย่อมมี
ความรู้สึกต่างจากเดิม ก่อนหน้านี้ในใจมีความคิดคร่าวๆ แล้ว วันนี้แน่ใจกว่าเดิม เยี่ยนจ้าวเกอขบคิด มีความมั่นใจแท้จริงแล้ว ฟู่อวิ๋นฉือพ่อลูกอาจารย์ศิษย์ได้ยิน ต่างก็ยินดี “ในอดีตทําผิดพลาดครั้งใหญ่ หลายปีมานี้ทุกข์ใจมาตลอด วันนี้
โชคดีได้เทวกษัตริย์ช่วยเหลือ ในที่สุดก็กอบกู้กลับมาได้ ข้าผู้แซ๋ฟู่
ละอายใจจริงๆ” ฟู่อวิ๋นฉือกษัตริย์แพรขอบคุณเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็
มองเมิ่งหวานกับเหอซีสิงอย่างรู้สึกผิด ตอนนั้นฟู่ถิงหลงไปในโถงเซียน ยังพอทําเนา เมิ่งหวานกับเหอซีสิงประสบภัยพิบัตินี้ กลับกล่าวได้ว่าเป็นฟู่อวิ๋
นฉือกระทําขึ้นตอนที่จิตวิญญาณปั่ นป่วน หลายปีมานี้ไม่เคยได้อยู่เป็นสุข วันนี้เยี่ยนจ้าวเกอมีวิธีการแก้ไข
แล้ว ฟู่อวิ๋นฉือย่อมยินดีเหลือประมาณ รู้สึกโล่งใจ เมิ่งหวาน ฟู่ถิง และเหอซีสิงต่างลิงโลด กล่าวขอบคุณเยี่ยนจ้าว
เกอ
ถึงจะมิใช่ร่างมนุษย์มานาน แต่ตอนนี้สามคนต่างตื่นเต้น เต็มไป ด้วยความฮึกเหิม
เฟิงอวิ๋นเซิงกับเมิ่งหวานสบตากัน สองคนที่รักกันเหมือนพี่น้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นนิ้วออกมา ตวัดกลางอากาศ เขียนยันต์อาคมสาม ใบ แยกกันตกลงไปในสมองของพวกเมิ่งหวาน
“ก่อนจะสําเร็จ เพื่อความรอบคอบ ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายสร้าง ความลําบากตอนท้าย ขอให้สามท่านอย่าได้ออกไปจากฟ้าเหนือฟ้า” เขากําชับ “วิชามากมายที่พวกเราได้วางแผนไว้ ล้วนต่างใช้ จากนนั้น ใช้ยันต์อาคมของข้า รวมกายใจเป็นหนึ่ง อย่าได้ฟุ้งซ่าน”
เมิ่งหวาน ฟู่ถิง เหอซีสิง ต่างก็พยักหน้า
“ทําใจสบายๆ รอข้ากลับมาก็พอ” เยี่ยนจ้าวเกอลุกขึ้นจากเก้าอี้ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ข้าจะไปโถงเซียนดู”
………………..