ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1811 ขึ้นวังดุสิตอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอมองหยกหรูอี้ไตรรัตนะกับกรอบรูปที่หายไป อด ใคร่ครวญไม่ได้
เขาลองกับของอย่างอื่น แต่ไม่มีผลแล้ว
กวาดมองสภาพแวดล้อมที่ทั้งแปลกหน้าและคุ้นเคยในบ้าน เยี่ยน จ้าวเกอเหม่อลอย
เนิ่นนานให้หลัง เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกตัว จิตใจสั่นไหว
ภาพในห้วงจิตเปลี่ยนแปลง เหมือนกับถอยหลัง ความคิดจิตใจ ของเยี่ยนจ้าวเกอออกจากดวงดาวสีน�าเงินครามดวงนั้น หลุดจากธาร ดาวจักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล
มิติเวลาตรงหน้าบิดเบี้ยวเปลี่ยนแปลง สีสันพรรณราย
ตอนที่สภาพมั่นคงอีกครั้ง ปรากฏความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดอันมืดมิด ใหม่ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเหมือนวิญญาณเดียวดายที่ลอยจากปรโลก คืน ชีพอีกครั้ง กลับสู่เปลืองร่างของตัวเอง
ในสายตานอกจากความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดอันไพศาล ยังมีสายตา เป็นห่วงอย่างของเฟิงอวิ๋นเซิง
“จ้าวเกอ?” นางมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างกังวลอยู่บ้าง
“วางใจไม่เป็นไร” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มให้เฟิงอวิ๋นเซิงก่อน จากนั้นก็ ใคร่ครวญอีกรอบ
หยกตกอยู่ในมือเขา หมุนเล่นไปมา
พร้อมกับที่ความคิดเยี่ยนจ้าวเกอทํางาน แสงสว่างสีม่วง ขาว ทอง พากันกะพริบบนหยกหรูอี้ไตรรัตนะ
วินาทีต่อมา กรอบรูปนั้นโผล่ในมือเขา
โผล่ขึ้นใต้อวกาศจักรวาลที่ต่างจากดวงดาวสีน�าเงินดวงนั้น!
ขณะมองกรอบรูป ขณะมองใบหน้าในรูปภาพนั้น เยี่ยนจ้าวเกอสี หน้าเคร่งขรึม
เขาถึงขั้นสัมผัสได้ถึงความเย็นทะลักขึ้นด้านหลัง
“ท่านมีภาพเหมือนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สวมเสื้อผ้าประหลาดนัก ยังใช้วิธีที่ประหลาดชนิดนี้ติดภาพวาดอีก?” เฟิงอวิ๋นเซิงถามขึ้น ด้านข้าง “กลับสะดวกต่อการรักษา”
นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ หลังจากเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมอยู่บ้างของอีก ฝ่าย สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา “จ้าวเกอ?”
“ไม่เป็นไร…” เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมหายใจออกยาวๆ ขณะมอง ตัวเองบนภาพ พลันหัวเราะขึ้น “น่าสนใจ!”
‘ตอนนั้นเรากําลังทําอะไรอยู่? ดูเหมือนเพิ่งกลับบ้าน โยนตัวไปบน ที่นอน ยื่นขาออกมาก่อน และเล่นโทรศัพท์…’ เยี่ยนจ้าวเกอพูดในใจ ‘จากนั้นอยู่ๆ ก็เบื่อ…’
‘รอรู้สึกตัว เราก็เป็นวิญญาณหอของหอเก็บหนังสือแห่งวังเทพ แล้ว’
วิญญาณของเขาทะลุมิติมาในธรรมชาติอากาศโกลาหลแห่งนี้
ตามเหตุผล ร่างกายสมควรอยู่ในโลกเก่า อยู่บนดาวดวงนั้น
จุดเชื่อมเวลาที่กลับไปไม่เปลี่ยนแปลง เช่นนั้นถึงขั้นกล่าวได้ว่า ร่างกายสมควรหยุดอยู่ที่เดิม ในบ้านที่ตัวเองอยู่
คนบนดาวดวงนั้นไม่อาจเคลื่อนย้ายร่างของเขา กล่าวให้แม่นยํา คือ ไม่มีคนพบความผิดปกติของเขา
กระนั้นตอนนี้เขาอยู่บนดาวสีน�าเงิน ไม่เห็นร่างในโลกใบนั้นของ ตัวเองแล้ว
ถูกทําลายไปแล้วตอนเขาข้ามมิติ ระเหยหายไปจากโลกไม่ทิ้ง
ร่องรอยใดๆ ไว้ หรือว่า… ‘…ถูกย้ายไปแล้ว?’ เยี่ยนจ้าวเกอก้มมองกรอบรูปในมือตน ‘เรานํากรอบรูปนี้กลับมาได้ผ่านหยกหรูอี้ไตรรัตนะ เช่นนั้น
หมายความว่าคนอื่นๆ ก็ทําได้เช่นกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอหยีตา ‘แต่ว่าคนที่ทําได้มีไม่มากแล้ว’ ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาย่อมทําได้ แต่ก็อย่างจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ กลับทําไม่ได้ ถึงเขาจะห่างจากระดับมรรคาแค่ก้าวเดียว ควบคุมหลักการฟ้าดิน
ได้ล�าลึกมากพอ แต่ว่าอิทธิฤทธิ์ไม่มากพอ พื้นฐานค่อนข้างเบาบาง พูดอีกอย่างคือ จิตใจของเขาอาจจะทดลองกระโดดจากธรรมชาติ
อากาศโกลาหลแห่งนี้ได้เหมือนเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ถ้ากระโดดออกไป จะ
ทนทานไม่ไหว ดับสูญในชั่วพริบตา เหมือนกับวิญญาณคนธรรมหลุดจากร่าง ถึงแม้จะหลุดจากเปลือก
ร่างตัวเองได้ แต่ว่าวิญญาณไม่แกร่งมากพอ ไม่อาจท่องในกลางวัน
กลางคืน แค่เคลื่อนไหวเล็กน้อย ก็สูญสลายหายไปแล้ว
พลังแข็งแกร่งมากพอ แต่ว่าควบคุมหลักการฟ้าดินได้ไม่ดีพอ คน ที่ยังไม่เตรียมทะลวงสู่ระดับมรรคาเรียบร้อย บางทีวิญญาณนั้น แข็งแกร่งมากพอแล้ว แต่ยังไม่อาจแย่งแยกวิญญาณ หลุดจากเปลือก ร่างนี้
สถานการณ์แบบนี้ย่อมใช้ไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอตั้งสมาธิใช้ความคิด เฟิงอวิ๋นเซิงยืนอยู่ด้านข้าง เงียบๆ
ความกังวลบนใบหน้านางปลาสนาการ ค่อยๆ กลายเป็นสงบ สายตานิ่งดุจสายน�า แข็งแกร่งราวเหล็ก อดทนรอคอยการตัดสินของ เยี่ยนจ้าวเกอ
ครู่ต่อมา ดวงตาเยี่ยนจ้าวเกอมีจุดศูนย์รวมอีกครั้ง เขามองเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างรู้สึกผิดก่อน จับมือนางเบาๆ สตรีตรงหน้ายิ้มให้เขาพลางส่ายหน้า รอให้เขาพูดอยู่เงียบๆ “ไปสถานที่หนึ่งกับข้าเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย สองคนจูงมือเดินทางด้วยกัน
ฉัตรบนศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอกางออก ชักนําพวกเขาลอยสูงทีละ ก้าวๆ เหมือนกับไปยังสถานที่ที่ ‘สูงกว่า’ ความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอก เขตแดนแห่งหนึ่ง
ที่นั่นยากกําหนดตําแหน่ง ยากค้นหาร่องรอย เหมือนกับแดนเซียน อันเป็นมายา น่าอัศจรรย์สุดบรรยาย
ในนี้ดารดาษด้วยดอกไม้วิญญาณและหญ้าประหลาด สัตว์วิเศษ นกเซียนกระจายอยู่ทั่ว
ระหว่างน�าตกอันงดงาม ตั้งไว้ด้วยตําหนักที่ดูธรรมดาหลังหนึ่ง
บนประตูตําหนักแขวนแผ่นป้าย มีคําสามพยางค์
วังดุสิต
สถานที่แห่งนี้เยี่ยนจ้าวเกอกลับมิใช่มาครั้งแรก
ประตูตําหนักมีเด็ก กําลังมองเขาอย่างกระสับกระส่ายอยู่บ้าง
กล่าวให้แม่นยําคือ มองไปบนฉัตรที่เหมือนแฝงธรรมชาติบนศีรษะ ของเขา
บนฉัตรสะกดพระอาจารย์เสวียนตู
พระอาจารย์เสวียนตูมองสภาพของวังดุสิตตรงหน้า บนใบหน้าไม่
มีความยินดีโล่งอก กลับระทมทุกข์กว่าเดิม ถอนใจคําหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก้าวเท้า มาถึงบริเวณเขาด้านข้างวังดุสิต ยกมืองัด
ภูเขาขึ้น ก่อนจะสะกดพระอาจารย์เสวียนตูไว้ด้านล่าง จากนั้นเขาขีดเขียนบนภูเขา ทิ้งยันต์อาคมหลายสาย สุดท้าย
กลายเป็นข้อคววามสายหนึ่ง ข้อความกะพริบแสงครั้งหนึ่ง สุดท้ายละลายเข้าในภูเขาไม่เห็นอีก สะกดพระอาจารย์เสวียนตูไว้ล่างภูเขาเสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอหมุนตัว
เดินกลับไปถึงหน้าประตูวังดุสิต เด็กที่ยืนรออ้าปากพะงาบๆ คําพูดมาถึงมุมปาก กลับพูดไม่ออก “ทุกอย่างย่อมมีเหล่าจวินตัดสิน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เหล่าจวินถ้ามีความต้องการ พี่ร่วมเส้นทางเสวียนตูจะเป็นอิสระเอง” เด็กคนนั้นยิ้มขื่นขม อย่าเห็นว่าพระอาจารย์เสวียนตูเป็นผู้สืบทอดเอกพิสุทธิ์ ศิษย์ของ
เหล่าจวิน แต่เหล่าจวินจะปล่อยเขาออกมาหรือไม่ มีโอกาสห้าสิบห้าสิบ
สองความเป็นไปได้…
“เทวกษัตริย์ นี่…นี่ออกจะ…” เด็กอ�าอึ้ง ใบหน้ากระอักระอ่วน
“พวกเจ้าแก้ไขตราผนึกที่ข้าวางไว้ไม่ได้ และไม่อาจคาดเดา ความคิดของเหล่าจวินออก ย่อมไม่จําเป็นต้องลําบากใจ พี่ร่วมเส้นทาง เสวียนตูไม่โทษพวกเจ้าหรอก” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “วันนี้ที่ข้ามา นอกจากจะส่งพี่ร่วมเส้นทางเสวียนตูกลับมาแล้ว ยังมีเรื่องหนึ่งคิดถาม ไถ่”
เด็กกล่าวอย่างจนปัญญา “ขอแจ้งให้เทวกษัตริย์ทราบว่า หลังนาย ผู้เฒ่าใหญ่กลับมาก็ไม่พบแขก ลู่ยาเต้าจวิน ทีปังกรพุทธะเคยมาแล้ว แต่นายผู้เฒ่าใหญ่ปิดประตูไม่พบปะ”
“ข้าเข้าใจ” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ข้ามิใช่ต้องพบเหล่าจวิน พวกเจ้าเองก็ให้คําตอบข้าได้เช่นกัน”
เด็กมองภูเขาด้านนั้นแวบหนึ่ง พยักหน้าอย่างจนปัญญา “เท วกษัตริย์เชิญถาม กระผมทราบจะบอก เมื่อบอกจะบอกหมดสิ้น”
“ของวิเศษที่บรมครูเทวกษัตริย์เต๋าทิ้งไว้หลังหลุดพ้น ล้วนอยู่ที่วัด ดุสิต?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
เด็กคนนั้นงงงันเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่า เขาสังเกตเห็นจุดสําคัญในคําถามของเยี่ยนจ้าวเกอ
สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอถามก็คือของวิเศษที่เทวกษัตริย์เต๋าเอกพิสุทธิ์ พกติดตัว มิใช่ของวิเศษที่ไท่ซ่างเปล่าจวินพกติดตัว
………………..