ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1812 สิ่งดีๆ ไม่เป็นจริง สิ่งชั่วๆ เป็นจริง
ซึ่งความจริง พูดว่าของวิเศษที่เทวกษัตริย์เต๋าเอกพิสุทธิ์พกติดตัว ล้วนเป็ของเหล่าจวิน ก็ไม่นับว่าผิด
ถึงเทวกษัตริย์เต๋าจะหลุดพ้น แต่ว่าทิ้งเหล่าจวินไว้ ความจริงของ วิเศษส่วนใหญ่ต่างเป็นของเหล่าจวิน ตัวเองใช้ของตัวเอง
ต่อให้มีหลุดไปด้านนอก ก็สมควรผ่านการอนุญาตของเหล่าจวิน
หากแต่พิจารณาว่าเทวกษัตริย์บรรพกําเนิดกับเทวกษัตริย์รัตน วิเศษแยกกันทิ้งหยกหรูอี้ไตรรัตนะกับกระบี่แหนเขียวไว้ บางครั้งเยี่ยน จ้าวเกอก็คาดเดาว่า เทวกษัตริย์เต๋าจะทิ้งสมบัติใดไว้หรือไม่?
ที่ว่าทิ้งไว้ในที่นี้ คือกระจัดกระจายไปสู่โลก ไม่ได้ตกสู่มือเหล่าจวิน แต่แรก
ด้วยนิสัยของเหล่าจวินไม่มีทางไปค้นหากลับมา
เด็กผู้นั้นได้ยินคําถามเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ได้ตอบทันที แต่ว่าตั้งใจขบ คิดสักพักหนึ่งจึงค่อยเอ่ย
“เรื่องของนายผู้เฒ่าใหญ่ กระผมไม่กล้ากล่าวส่งเดช” เด็กน้อย ตอบอย่างระมัดระวัง “แต่มีเบาะวายุอัคคีไม่ทราบหายไปไหน ที่เหลือ สมควรไม่ขาด”
หลังเขาเว้นครู่หนึ่ง ก็แอบมองพระอาจารย์เสวียนตูที่ถูกสะกดใต้ ภูเขาแวบหนึ่ง “นายผู้เฒ่าน้อยอาจจะทราบถ่องแท้กว่า เทวกษัตริย์ ท่านว่า…”
เมื่อได้ยินว่า ‘เบาะวายุอัคคี’ เยี่ยนจ้าวเกอเหม่อลอยเล็กน้อย รอ เห็นท่าทางของเด็กคนนั้น อดหัวเราะไม่ได้ “ไม่ต้องลําบากพี่ร่วม เส้นทางเสวียนตูแล้ว”
ว่าแล้วเขาคํานับวังดุสิตตรงหน้า จากนั้นพาเฟิงอวิ๋นเซิงออกจาก สวรรค์หลี่เฮิ่น
ยืนอยู่นอกสวรรค์หลี่เฮิ่น เยี่ยนจ้าวเกอหันกลับมองวังดุสิต พึมพํา “สิ่งดีๆ ไม่จริง สิ่งชั่วๆ เป็นจริง…”
เขาส่ายหน้า กลับสวรรค์สํานักเต๋าพร้อมเฟิงอวิ๋นเซิง
กลับถึงสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย เข้าไปในฟ้าเหนือฟ้า พวกเยี่ยนจ้าวเก อกลับถึงประตูเขาของเขากว่างเฉิง
ถึงเป็นเซียนสวรรค์มหาชาลสองคน แต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ทํา การเคลื่อนไหวใหญ่เกินไป
สวีเฟยรับพวกเขาเข้ามา ทางหนึ่งเดินทางหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม “จัดการคนธรรมดาที่ก่อนหน้านี้อยู่ใต้การปกครองของเส้นทางนอกรีต เหล่านั้นมิใช่เรื่องง่ายจริงๆ มิน่าเจ้าไม่ยุ่งด้วย”
“ย่อมแน่นอน โลกมนุษย์ทรมานคนที่สุด ข้าหลบไปพักได้ ย่อม หลบไป” เยี่ยนจ้าวเกอพูด “แต่ว่าในทางกลับกัน ศิษย์พี่สวีท่านจะขึ้น มหาชาลตอนไหน? ถึงเวลาจักรวาลสวรรค์ที่ใช้มุกค�าทะเลสร้างขึ้นแห่ง นี้มีนิวาสสถานที่บําเพ็ญแห่งหนึ่งเหมือนกัน นี่มาก่อนได้ก่อน มาทีหลัง ไม่มีแล้ว
สวีเฟยว่า “ได้มาเป็นความโชคดี เสียไปเป็นโชคชะตา ข้าสํานึกตัว ว่าต้องสั่งสมก่อน จึงกล้าไปทดลองภัยพิบัติฟ้ากําเนิด”
เขาส่ายหน้า “ปัจจุบันมหาเทวะเสมอฟ้าขึ้นสู่ระดับมรรคา ถึงแม้ ข้าจะไม่มีพลังของกายทองมหาเทวะอีกแล้ว แต่ได้รับวาสนาการ ประทานในอดีตของมหาเทวะเสมอฟ้า ทําให้ข้าโชคดีกว่าคนนับไม่ถ้วน แล้ว กลับไม่กล้าเกิดความชะล่าใจเพราะเหตุนี้ ต้องประทับรอยเท้าที ละก้าวถึงจะดี”
วานรขึ้นสู่ระดับมรรคา เป็นหนึ่งในโลกหล้า
ก่อนก้าวเท้าก้าวนั้นออกสังหารยุทธวิชัยพุทธะทิ้งก่อน หลังจาก ก้าวเท้าก้าวนั้นแล้ว กายทองมหาเทวะสามร่างก็หายไป
กลับเป็นศิลาดินกําเนิดกับกระบองสารพัดนึกเหลืออยู่
เยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟย ยังมีพ่านพ่านไม่ได้อาวรณ์อันใด
นอกเสียจากพวกเขายินดีเปลี่ยนเป็นร่างแยกหรือร่างแปลงของ วานร
สอดประสานกับกายทองมหาเทวะมาพันกว่าปี ร่างแยกสมุทรสุด ขอบโลก สวีเฟย และพ่านพ่านต่างได้รับผลกระทบที่ค่อยๆ ก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลง
ผลลัพธ์สุดท้ายคือ ต่อให้ไม่มีกายทองมหาเทวะ สามคนก็บรรลุถึง ระดับสูงสุดของเซียนกําเนิด
แต่ว่าสามคนจําเป็นต้องตั้งใจสั่งสม จึงจะมีความหวังปีนป่ายขึ้นที่ สูงต่อ
ในนี้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนวิชาแปด เก้าของหยางเจี่ยนมีผลสําเร็จ รากฐานมั่นคงที่สุด ใกล้กับระดับมหา ชาลที่สุด
สวีเฟยมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา มุมานะฝึกฝน ตัวเองตั้งหลักมั่นคง แล้ว คาดหวังต่อมหาชาลได้
พ่านพ่านเกียจคร้านไปบ้าง ต้องให้เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นทั้งวัน
“จะว่าไปเกาหานสําเร็จสามบุปผาบนกระหม่อม ระดับเซียน สวรรค์มหาชาลแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเป็นปกรติ พูดขึ้นมา
“เก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ในอดีต เป็นอัจฉริยะแห่งยุคจริงๆ ต่อ ให้ไม่นับราชันพระเสาร์ที่เข้าสู่เส้นทางนอกรีต ปัจจุบันก็มีสองท่านที่ขึ้น สู่ระดับมหาชาลแล้ว” สวีเฟยพยักหน้า ถอนใจกล่าวว่า “ราชันพระ อาทิตย์ยังเร็วกว่าผู้อาวุโสเกาและผู้อาวุโสหลงแห่งมรกตท่องฟ้าอีก”
“คนธรรมดาเปรียบกับเกาหานไม่ได้จริงๆ แต่ว่าเขาเป็นคนก่อน วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ อยู่ในยุคเดียวกันกับฆราวาสเถาม่วงและราชัน พระเสาร์ อายุมากกว่าพวกอาจารย์อาหลง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ใน ตอนที่ผู้อาวุโสสั่วขึ้นสู่มหาชาล เกาหานก็สองบุปผารวมบนกระหม่อม แล้ว เร็วกว่าคนอื่นๆ”
“เพียงแต่พวกอาจารย์อาหลงเป็นผู้ฝึกกระบี่ ก้าวหน้าไม่ง่าย คิด จะทะลวงภัยพิบัติฟ้ากําเนิดขึ้นสู่มหาชาล จําเป็นต้องใช้เวลา”
เวลาผ่านไปพันกว่าปี ผู้อาวุโสสามคนของมรกตท่องฟ้าเกาชิง เสวียน หลงซิงเฉวียน รวมถึงอวิ๋นเจิงเต้าหยิน บรรลุขอบเขตสองบุปผา รวมบนกระหม่อม จุดยอดของเซียนกําเนิดมานานแล้ว
เพียงแต่ว่าเหมือนที่เยี่ยนจ้าวเกอพูด พวกเขาคิดทะลวงระดับมหา ชาล ยังจําเป็นต้องใช้เวลาและความพยายาม
ยิ่งใกล้ระดับมรรคายิ่งลําบาก ที่แล้วมาไม่ใช่แค่คําพูดเท่านั้น
ภัยพิบัติฟ้ากําเนิดมิใช่ไม้ประดับ ฝ่าไม่ได้ ร่างตายมรรคาสลายใน พริบตา ผู้ใดล้วนช่วยไม่ได้ สนับสนุนไม่ได้
ตอนนี้พวกเกาชิงเสวียนต่างเริ่มซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ เข้าฌาน ฝึกฝน นอกจากเรื่องใหญ่อย่างการกําจัดโถงเซียนในวันนี้ จะไม่ออกเขา ง่ายๆ
โชคดีที่ปัจจุบันสํานักเต๋ารุ่งเรือง ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ พวกผู้อาวุโส ไม่จําเป็นต้องห่วงคนรุ่นหลัง
มิพักเอ่ยถึงอวี่เย่กับหลงเสวี่ยจี้ขึ้นสู่ระดับเซียนกําเนิดมานาน ทั้ง ยังพุ่งทะยาน พัฒนาขึ้นต่อเนื่องไปอีก
พันกว่าปีมานี้ สายเอกพิสุทธิ์ไม่ได้มีแค่มรกตท่องฟ้า แต่ว่าสวรรค์
ชื่อหมิงเหอหยางกับโลกแต่ละใบด้านในสวรรค์อู๋ซือเจียงโหยวต่างมีคน
โดดเด่นรุ่นหลังจํานวนนับไม่ถ้วนเกิดมา สํานักเต๋าสายหลักในปัจจุบัน มิใช่อยู่ในเวลาห่อเหี่ยวท้อแท้ ในสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียก็เป็นสภาพรุ่งเรืองเช่นเดียวกัน เยว่เจิ้นเป่ยบนเขาก็สองบุปผารวมบนกระหม่อมแล้ว เพียงแต่ว่าเขาเหมือนกับพวกเกาชิงเสวียน ยังคงต้องตั้งใจขัดเกลา
อดทนสั่งสม หวังผู่ศิษย์ของเขานครหยกผลักเปิดประตูเซียน สําเร็จร่างเซียน
จริงแท้ไร้ช่องโหว่ว เยว่เจิ้นเป่ยส่งสายเขานครหยกให้หวังผู่ควบคุมแต่แรก ตนเอง
ตั้งใจกับการบําเพ็ญเต๋า ปัจจุบันได้เนี่ยจิงเสินกลับมา โถงเซียนสิ้นสูญ การใหญ่ในใจเยว่
เจิ้นเป่ยล้วนกลายเป็นจริง วางใจฝึกฝนได้มากกว่าเดิม คนที่หมดความกังวลเหมือนกันยังมีฟู่อวิ๋นฉือแห่งผาบัวแดงบน
ยอดเขาอัศจรรย์
ภัยซ่อนเร้นของพวกฟู่ถิงและเมิ่งหวานหายไป ฟู่อวิ๋นฉือวางใจได้ ทะลวงสู่ระดับเซียนกําเนิดสุญญตาที่ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกําเนิดสุดกําลัง
ฟู่ถิงกับเมิ่งหวานสองพี่น้องที่ขึ้นสู่ระดับเซียนลี้ลับย่อมเหมือนกัน
ในเขากว่างเฉิงบ้านของเยี่ยนจ้าวเกอ ท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโส หยวนเจิ้งเฟิงกับฟางจุ่นต่างขึ้นสู่ระดับเซียนลี้ลับแล้ว
กระนั้นสภาวะขึ้นด้านบนของหยวนเจิ้งเฟิงค่อยๆ หมดลง
ฟางจุ่นภายหลังถึงแม้จะยังมีศักยภาพในการทะลวงห้าปราณมุ่งสู่ ต้นกําเนิด แต่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย
ในฐานะผู้อาวุโสที่ช่วงเริ่มต้นแรกสุดอยู่บนโลกแปดพิภพ พวกเขา เสียเวลาไปบ้าง
ถึงจะยังคงได้รับผลดีที่การปรับปรุงสภาพแวดล้อมใหญ่โดยรวม ของสํานักเต๋าในปัจจุบันนํามา แต่จะมากจะน้อยสุดท้ายก็มีผลกระทบ อยู่บ้าง
ทว่าสองคนไม่ขุ่นข้อง จิตใจผ่อนคลายยิ่ง
สายเขากว่างเฉิงมีคนสืบทอดต่อ มิพักเอ่ยถึงเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เฟิงอวิ๋นเซิง สามเซียนสวรรค์ในสํานัก สวีเฟยก็ห่างจากมหาชาลก้าว เดียวเท่าานั้น
ในคนที่เหลืออยู่ ผู้เข้มแข็งอายุน้อยโผล่มาไม่ขาดสาย พันปีมานี้ รุ่งโรจน์กว่าเดิม
………………..