ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1813 ระยะห่างนิดเดียว
นานมาแล้ว ตัดเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงที่ระดับพลังฝึกปรือ ค่อนข้างสูงออก โลกภายนอกจัดสวีเฟย อิงหลงถู เซี่ยกวง ซือคงจิงที่ โดดเด่นที่สุดในรุ่นหนุ่มสาวของเขากว่างเฉิงว่าเป็น ‘สี่อัจฉริยะกว่าง เฉิง’
ปัจจุบันกาลเวลาผันผ่าน รุ่นหนุ่มสาวในอดีต กลายเป็นเสาค�าหลัก แห่งกว่างเฉิง ผุ้อาวุโสสูงส่ง
สวีเฟยเป็นเพราะวาสนาโชคชะตา ปัจจุบันมีความหวังสําหรับมหา ชาล ย่อมไม่ต้องกล่าวถึง
ที่เหลืออีกสามล้วนขึ้นสู่ระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่งมาหลายปี
ในนี้อิงหลงถูถึงขั้นทําให้ห้าปราณมุ่งสู่กําเนิด บรรลุขอบเขตเซียน ลี้ลับสงบนิ่ง
ต�าลงไป ในรุ่นอายุน้อยยิ่งกว่าที่มีสือจวินเป็นผู้นํา ก็ล้วนไม่ ธรรมดา ไม่ขาดผู้ที่เป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า
ในกลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูลเยี่ยน ยังมีหวงหู่ถิง เยี่ยนเสี่ยวอ้าย ต่างรับงานเฉพาะด้าน บรรลุถึงระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่ง
กล่าวตามความจริง นอกจากพวกเขามีศักยภาพพรสวรรค์เหนือ ใครแล้ว เมื่ออยู่ในเขากว่างเฉิง อยู่บนจุดยอดคลื่นความรุ่งเรืองของ สํานักเต๋าที่ด้านหน้าสุด ย่อมไม่อาจมองข้าม ได้รับประโยชน์มากกว่า คนอื่นๆ
การเปลี่ยนแปลงสภาพการอยู่อาศัยโดยรวมสํานักเต๋าทําให้ผู้สืบ ทอดสํานักเต๋าทั้งหมดได้ประโยชน์ไม่ธรรมดา
สภาพแวดล้อมที่ดีกว่า เงื่อนไขที่เป็นประโยชน์กว่า ผลิตผลที่อุดม สมบูรณ์กว่า การสืบทอดที่เป็นระบบกว่า เหล่านี้ล้วนเร่งการสืบทอด สํานักเต๋าให้กําเนิดอัจฉริยะบุคคลอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
เทียบกับสภาพแวดล้อมที่มั่นคงมากกว่าเมื่อก่อน ยังปกป้อง อัจฉริยบุคคลจํานวนมากให้เติบโต ไม่ถึงกับเสียชีวิตกลางทาง
“ตอนนี้ผู้อาวุโสเสวี่ยเป็นอย่างไร?” สวีเฟยถามเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “มีความมั่นใจฝ่าภัยพิบัติปฐมลี้ลับแล้ว ราชัน พระพฤหัสบดี จักรพรรดิเจิดจรัสต่างสมหวัง มารดานางไม่มีอุปสรรค อีก จิตใจผุดผ่อง ไม่มีปัญหาแน่”
เสวี่ยชูชิงก็น่าเสียดายอยู่บ้างเหมือนกับหยวนเจิ้งเฟิงและฟางจุ่น
ตอนอายุน้อยต้องระหกระเหิน ในช่วงเวลาที่หลบซ่อนตัวย้ายที่อยู่
จะมากจะน้อยก็ถ่วงการฝึกฝนของนาง การขัดเกลาไม่น้อยย่อมส่งผลดีต่อการเติบโตอยู่บ้าง แต่ว่าเงื่อนไข
ทรัพยากรย�าแย่เกินไป ถึงแม้ภายหลังจะได้กลับมาอยู่ร่วมกับเยี่ยนจ้าวเกอพ่อลูก ตั้งหลัก
ได้อีกครั้ง หลายปีมานี้ได้ผลประโยชน์จากการยกระดับปรับปรุง
สภาพแวดล้อมของผู้สืบทอดสํานักเต๋า แต่ว่าประสบการณ์ก่อนหน้า
ยังคงทิ้งผลกระทบไม่ดีไว้ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะทําให้พรสวรรค์ศักยภาพส่วนหนึ่งของนาง
ยากจะปรากฏ ปัจจุบันขอบเขตห้าปราณมุ่งสู่ต้นกําเนิด ย่อมไม่ต้องพูดถึง แต่ว่าไปยังที่สูงอีก จะไปได้ถึงขั้นไหน ยากจะบอกกล่าว เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ทุกครั้งที่คิดถึง ต่างก็เสียดาย กลับเป็นเสวี่ยชูชิงปลอดโปร่งยิ่ง บ่อยครั้งเป็นฝ่ายปลอบโยน
ครอบครัว
“จ้าวเกอ…” สวีเฟยครุ่นคิดเล็กน้อย ในที่สุดก็ถามจุเร “แม้เจ้าจะ เพิ่งขึ้นมหาชาล แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่เพียงแค่แข็งแกร่งจนใช้นิ้วและมือ บังฟ้าได้ หนําซ�าการบรรยายหลักการฟ้าดินของเจ้ายังล�าลึกสุดขีด”
สวีเฟยพูดพลางมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เจ้าห่างจากระดับมรรคาอีก ไกลขนาดไหน?”
“มีระยะห่างอยู่บ้าง แต่ว่า…” เยี่ยนจ้าวเกอตอบตรงๆ
เขายื่นมืออกมา ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ทําท่า ระหว่างสองมือเพียงขาด อีกจุดเดียวก็จะแตะกัน “…ระยะห่างนิดเดียว”
“แต่ว่าใกล้มากหากเหมือนฟ้ากับเหว ระยะห่างน้อยนิดนี้ อาจจะ ข้ามไม่ได้ตลอดชีวิต”
เยี่ยนจ้าวเกอน�าเสียงสงบนิ่ง สวีเฟยกับเฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินไม่รู้สึก สิ้นหวัง
เฟิงอวิ๋นเซิงขึ้นสู่มหาชาลมาพันปี พลังล�าเลิศ แต่ต้องการสําเร็จ ระดับมรรคา เส้นทางอนาคตก็ยังขรุขระ
“เส้นทางชัดเจนแล้วหรือ?” สวีเฟยถาม
เยี่ยนจ้าวเกอเงียบงันครู่หนึ่ง มุมปากตวัด แสดงอารมณ์ที่เหมือน รอยยิ้ม “เส้นทางขึ้นสู่มรรคาของข้าความจริงชัดเจนแล้ว ตอนนี้รอห้วง เวลาที่จังหวะเวลามาถึงก็จะสําเร็จ”
เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยิน อดนึกถึงพฤติกรรมที่แปลกประหลาดเล็กน้อย หลังเยี่ยนจ้าวเกอพบเกาหานไม่ได้
ถึงแม้ก่อนหน้านี้สวีเฟยไม่ได้ร่วมทางกับเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ตอนนี้ ขณะมองสีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ รู้สึกไม่ถูกต้องอยู่บ้าง
“วางใจ ไม่เป็นไร” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “เหมือนกับการวางหมากบน นพยมโลก เดินมาถึงขั้นนี้ในวันนี้ ไม่ว่ากับใครตอนนี้ก็เป็นสะพานไม้ แผ่นเดียว มีแต่ต้องทะลวงไปสุดความสามารถ จึงจะปลอดโปร่งได้ เหมือนทะเลและท้องฟ้า”
“หลังการวางหมากบนนพยมโลก เทวกษัตริย์มหาเทวะเจ้าขึ้นสู่ ระดับมรรคา ผู้สืบทอดสํานักเต๋าของพวกเราสภาพแวดล้อมถูก ปรับเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง แต่ว่าในทางเดียวกัน สภาวะความเป็นไปก็กําลัง เปลี่ยนแปลงมากมาย” สวีเฟยสะท้อนใจ “จ้าวเกอเจ้าคิดขึ้นสู่ระดับ มรรคา ถึงตอนนั้นการเคลื่อนไหวเกรงว่าจะไม่ด้อยกว่าการวางหมาก บนนพยมโลก”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “พูดถึงที่สุด การเดินหมากระหว่างเจ้า มรรคาก็ส่งผลต่อพวกเราโดยตรงเช่นกัน”
“วันที่อามิตาภพุทธเจ้ากับมารสวรรค์ไร้พันธนาฟื้ นฟู อีกฝ่าย จะต้องพลิกพสุธากลับมา” สวีเฟยกล่าวเสียงทุ้ม
ผู้ที่ยังอยู่ในปัจจุบัน ยังมีเจ้ามรรคาแปดคน
เหล่าจวินจิตใจไม่แน่นอน ยังไม่ต้องพูดถึง
ในเจ็ดคนที่เหลือ อามิตาภพุทธเจ้า เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ มาร สวรรค์บรรพกําเนิด มารสวรรค์ไร้พันธนาร่วมมือกัน
กษัตริย์บูรพาไท่อี้ วานรกับพระศรีอาริย์ ต่างมีสภาวะดูแล ช่วยเหลือกัน
แต่ว่าในนี้ มารสวรรค์สองตนกับอามิตาภพุทธเจ้าใช่ว่าจะต้อง สามัคคีกัน
พระศรีอริยเมตไตรยกับกษัตริย์บูรพาไท่อี้เป็นพันธมิตรกัน แต่การ ช่วยให้กษัตริย์บูรพาไท่อี้หลุดพ้น กลับหมายถึงพระศรีอริยเมตไตรย สูญเสียพันธมิตรที่พึ่งพาได้ ต้องเผชิญกับอามิตาภพุทธเจ้าและเท วกษัตริย์ไร้ประมาณคนเดียว
นอกเสียจาก ก่อนที่กษัตริย์บูรพาไท่อี้จะหลุดพ้น พวกเขาร่วมมือ กันกําจัดอามิตาภพุทธเจ้าหรือเทวกษัตริย์ไร้ประมาณได้ก่อน
สําหรับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ สถานการณ์ดีกว่าพระศรีอริย เมตไตรยเล็กน้อย
อามิตาภพุทธเจ้าคิดจะหลุดพ้น หมายถึงพระศรีอริยเมตไตรยต้อง หายไป
ตอนนี้กษัตริย์บูรพาไท่อี้นั่งบนแท่นตกปลา รอคอยจุดจบยุคสมัย มาถึงก็พอ หรือยินดีจะเสี่่ยงอันตรายต่อสู้ถึงตายกับศัตรูหรือไม่ บอกได้ ยากจริงๆ
กลับกันเป็นวานรตอนนี้มีอิสระมากที่สุด
ในฐานะเจ้ามรรคาและแม่ทัพของฝั่ งผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ กล่าวได้ ว่าเป็นทหารแกร่งอาชากล้า
และเป็นเพราะการสนับสนุนของวานร ดังนั้นกษัตริย์บูรพาไท่อี้ ผ่อนคลายกว่าเดิม
กระนั้นกล่าวในทางกลับกัน ถ้าวานรมีความคิดแย่งชิงตําแหน่ง หลุดพ้นในยุคนี้ เขากับผู้สืบทอดสํานักเต๋าสายหลักเกรงว่าจะล่อมืดล่อ เท้าคนอื่นๆ มากที่สุด
”สําหรับพวกเราแล้ว ต่างมีข้อดีข้อเสียกระมัง”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “กษัตริย์บูรพาหลุดพ้นในยุคนี้ ไม่มีส่วนดีใดๆ ต่อวิถีมาร มารสวรรค์ไร้รูปไม่มีทางจุติ ยุคต่อไปพระศรีอริยเมตไตรย ตบมือข้างเดียวไม่ได้ เกรงว่ายากจะประคับประคองใต้การลงมือของอา มิตาภพุทธเจ้า”
อามิตาภพุทธเจ้าขอแค่ลบการดํารงอยู่ของพระศรีอริยเมตไตรย ยุคต่อไปก็หลุดพ้นได้ ขอแค่ไม่มีตัวแปรใหญ่อื่นๆ
ถึงตอนนั้นขอแค่ผู้สืบทอดสํานักเต๋าไม่ช่วยแดนสุขาวดีบัวขาว อา มิตาภพุทธเจ้าก็สมควรไม่เป็นศัตรูกับสํานักเต๋า ทุกคนปลอดภัยไร้ เรื่องราว
แต่ว่ามารสวรรค์บรรพกําเนิด มารสวรรค์ไร้พันธนา กับเทวกษัตริย์ ไร้ประมาณยากบอกยิ่งแล้ว
ถึงตอนนั้นสํานักเต๋าสายหลักอาจเผชิญกับควาลําบากเป็นไม้แผ่น เดียวยากค�ายัน
“ถ้าอามิตาภพุทธเจ้าลบการดํารงอยู่ของพระศรีอาริย์ในยุคนี้ หลัง เขาหลุดพ้น ยุคต่อไปยากจะมีคนเร็วกว่ากษัตริย์บูรพา” สวีเฟยกล่าว “เพียงแต่ถึงเวลามารสวรรค์ไร้รูปจุติ มารสวรรค์สามตนมาถึงพร้อมกัน
ตอนนั้นอาจจําเป็นต้องมีเทวกษัตริย์มหาเทวะเจ้า กษัตริย์บูรพากับเท วกษัตริย์ไร้ประมาณร่วมมือกันถึงจะต้านได้ ถ้าเหล่าจวินไม่ลงมือ”
เว้นเล็กน้อย สวีเฟยก็พูดต่อ “สมมติว่าวาสนาหลุดพ้นมีจํากัด จริงๆ เทวกษัตริย์มหาเทวะเจ้าใช่ว่าจะยอมรอสองยุคสมัย ถึงอย่างไร ตัวแปรก็มีมากเกินไปแล้ว”
“ถ้าเทวกษัตริย์มหาเทวะเจ้าหลุดพ้น…”
………………..