ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1814 การดํารงอยู่ที่ไม่ควรมองข้าม
วานรเมื่อหลุดพ้น ถ้าสํานักเต๋าสายหลักไม่มีเจ้ามรรคาคนใหม่ถือ กําเนิด แม้ไม่ถึงกับถูกฟาดตกลงสู่เหวลึกหมื่นจั้ง แต่ผลลัพธ์คงไม่ผ่อน คลายเช่นตอนนี้
ความสัมพันธ์ของสํานักเต๋าสายหลักกับเผ่าปีศาจ และแดนสุขาวดี บัวขาว ความจริงไม่ได้เป็นมิตรขนาดนั้น
เพียงแต่ว่ามีพวกเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ มารสวรรค์บรรพกําเนิด อามิตาภพุทธเจ้า ดังนั้นทุกคนจึงยืนอยู่บนแนวรบเดียวกัน
กษัตริย์บูรพาไท่อี้กับวานรมีความสัมพันธ์เป็นมิตร นอกจากวานร ถือกําเนิดจากเผ่าปีศาจ สาเหตุที่มีความสําคัญยิ่งอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้ วานรไม่ได้แสดงสัญญาณว่าจะหลุดพ้นในยุคสมัยนี้
เปรียบเทีบกับอามิตาภพุทธเจ้าคู่แข่งโดยตรงแล้ว สําหรับกษัตริย์ บูรพาไท่อี้ วานรเป็นพันธมิตรที่พึ่งพาได้
ถ้าวานรคิดแย่งชิงตําแหน่งหลุดพ้นในยุคสมัยนี้ ความสัมพันธ์ของ สองฝ่ายจะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง
ซึ่งความจริง พลังโดยรวมในตอนนี้ของสํานักเต๋าที่มีวานรคอยดูแล และมีค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอยู่ในมือพร้อมกัน เหนือกว่าเขาดาราทะเล ดวงดาวมากแล้ว
สําหรับแดนสุขาวดีตะวันตกกับแดนสุขาวดีบัวขาว สํานักเต๋าสาย หลักในวันนี้ทําให้คนรู้สึกถึงแรงกดดัน
โถงเซียนที่เพิ่งพินาศเป็นตัวอย่าง ทําให้ขุมกําลังอื่นๆ ระวังตัว
แม้แต่กษัตริย์บูรพาไท่อี้กับพระศรีอาริย์ ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดความคิด
การดํารงอยู่ของวานรยังพอว่า การร่วมมือกันทําลายค่ายกลลง ทัณฑ์เซียนเป็นความคิดที่ทําให้คนหวั่นไหวยิ่ง
เพียงแต่ว่าข้อพิพาทระหว่างอามิตาภพุทธเจ้ากับกษัตริย์บูรพาไท่ อี้ ถึงช่วงเวลาสําคัญของการแบ่งแยกผลแพ้ชนะแล้ว
มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย แพ้ชนะอาจจะกลับตาลปัตร ในนี้เกี่ยวพัน ถึงความปลอดภัยของพระศรีอาริย์ ดังนั้นสองฝ่ายยากจะผนึกกําลัง ร่วมมือกัน
เป็นเพราะแบบนี้สํานักเต๋าสายหลักจึงกระทําได้เต็มที่
เพียงแต่ว่าคนไร้ความกังวลไกลย่อมมีความกังวลใกล้ พวกเยี่ยน จ้าวเกอต้องพิจารณาว่า หลังจากมารสวรรค์ไร้พันธนากับอามิตาภพุทธ
เจ้าฟื้ นฟู เมื่อรวมกับมารสวรรค์บรรพกําเนิด และเทวกษัตริย์ไร้ ประมาณ ก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาสี่คนแล้ว
“อามิตาภพุทธเจ้าคงจะเร็วกว่าเล็กน้อย มารสวรรค์ไร้พันธนา ก่อนหน้านี้เสียท่ามากเกินไป สมควรจําเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้เพื่อ ฟื้ นฟูหล่อเลี้ยง” สวีเฟยกล่าว “แต่ว่าวันที่มารสวรรค์ไร้พันธนาหายดี อาจจะเป็นเวลาที่เกิดระลอกคลื่นอีกครั้ง”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “มีคนหนึ่งที่พวกเราทุกคนไม่ สมควรมองข้ามการดํารงอยู่”
เขาพูดพลางยื่นมือออกมาทําท่า
ลักษณะการวางนิ้วมือ เหมือนนกยูง
“มหาวิทยราชมยุรี!” เฟิงอวิ๋นเซิงกับสวีเฟยสายตาสั่นไหวเล็กน้อย
ในนพยมโลก มหาวิทยราชมยุรีข่งซวนเพื่อให้ได้มาซึ่งสารีริกธาตุ ศากยมุณีจึงช่วยเหลือเผ่าปีศาจและแดนสุขาวดีบัวขาว
ผลคือต่อสู้ถึงกลางทาง ประสบแผนการลับที่แดนสุขาวดีตะวันตก ฝังไว้ก่อนหน้านี้ เผชิญการสะกดจากสถูปอภิรดีศูนย์กลาง
จนกระทั่งถึงภายหลัง เยี่ยนจ้าวเกอขึ้นสู่มหาชาล วานรขึ้นสู่ระดับ มรรคา
สถานการณ์ใหญ่ถูกกําหนด หลังสถูปอภิรดีศูนย์กลางหายไป มหา วิทยราชมยุรีก็ไม่ได้หยุดอยู่ต่อ แต่เลือกจากไปทันที
ทว่าตามการนัดหมายของพระศรีอริยเมตไตรยกับท่านเมื่อก่อน หน้า ขอแค่มหาวิทยราชมยุรีลงมือช่วยเหลือลู่ยาเต้าจวินสุดกําลังใน การวางหมากบนนพยมโลก สารีริกธาตุศากยมุณีชิ้นที่ห้าหรือชิ้น สุดท้าย จะเป็นของท่าน
“พระศรีอริยเมตไตรยฝึกฝนพลังศรัทธา ไม่มีทางทําลายคํา สาบาน เช่นนี้ มหาวิทยราชมยุรีจะรวบรวมสารีริกธาตุศากยมุณีครบห้า ชิ้นแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงว่า
“ความจริงมหาวิทยราชมยุรีเป็นฝ่ายชนะในการวางหมากบนนพ ยมโลก” สวีเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถึงวานรจะขึ้นสู่ระดับมรรคา แต่เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งสําเร็จเป็นเซียน สวรรค์มหาชาล ก็แสดงพลังน่าทึ่งออกมา
ในผู้สืบทอดสํานักเต๋า หยางเจี่ยนเป็นไม้ไผ่ร้อยปล้องยืดขึ้นอีกขั้น ปรับปรุงวิชาแปดเก้าอ่างต่อเนื่องจนลี้ลับกว่าเดิม มีความต้องการประ มือกับมหาวิทยราชมยุรี เพื่อแก้ไขผลแพ้ที่เขาสู้มหาวิทยราชมยุรีไม่ได้ ตอนยังเป็นเซียนกําเนิดสุญญตาในยุคโบราณตอนต้น
สั่วหมิงจางเพิ่งสั่นสะเทือนโลกในหนึ่งการตอ่สู้ เผชิญกับแสง ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไม่พ่ายแพ้
มากไปกว่านั้น เฟิงอวิ๋นเซิงกับเนี่ยจิงเสินมีสภาพไม่มั่นคง มิอาจลง มือได้ในสงครามนพยมโลกเพราะผลกระทบจากวิถีมาร
เวลาผ่านไปพันปี พวกเขาที่อยู่ในช่วงทะยานด้วยความเร็วสุดขีด พลังบรรลุถึงจุดสูงสุดใหม่มานานแล้ว
ถ้าพูดว่าก่อนหน้ายังมีคําถาม การแสดงออกของสั่วหมิงจางความ จริงยืนยันกับพวกเขาแล้ว
ในสงครามนพยมโลก ก่อนที่จะสู้กับสั่วหมิงจาง ผู้ที่มหาวิทยราช มยุรีกริ่งเกรงที่สุดนอกจากร่างจริงแท้ของมหาเทวะเสมอฟ้าแล้ว ความ จริงเป็นดาบเดียวลอบสังหารของเฟิงอวิ๋นเซิง…
หากบอกว่าพันปีก่อนท่านยังไม่ใส่ใจ ปัจจุบันผ่านไปพันปี พลัน ประสบการลอบโจมตีจากเฟิงอวิ๋นเซิง ข่งซวนไม่มีความมั่นใจว่าจะเอา ตัวรอดโดยไร้รอยขีดข่วนได้
ความรุ่งเรืองของสํานักเต่ากําลังเจอสภาวะใหญ่
ในสถานการณ์ที่ผู้เข้มแข็งระดับสุดยอดโผล่มาติดต่อกัน แม้มหา วิทยราชมยุรีไม่กลัวการศึก แต่ว่าท่านเคยยึดครองอันดับหนึ่งรองจาก
ระดับมรรคา ก้มมองพลังอํานาจของคนอื่นๆ ในเวลาที่ค่อนข้าง ยาวนาน ไม่อาจหลีกเลี่ยงการถอยหนี
กระนั้นนี่ล้วนเป็นการต่อสู้ระหว่างระดับมหาชาลรองจากระดับ มรรคา
กับระดับมรรคา เป็นคนละเรื่องกัน
ถ้ามหาวิทยราชมยุรีก้าวเท้าก้าวนั้นสําเร็จ ขึ้นสู่ระดับมรรคา นั่นก็ เป็นฟ้าดินอีกแห่งเหมือนกับวานร
“ล้วนพูดกันว่าสารีริกธาตุศากยมุณีเกี่ยวข้องกับการขึ้นสู่ระดับ มรรคาของมหาวิทยราชมยุรี เช่นนั้นเขาตอนนี้ห่างจากระดับมรรคา ขนาดไหนกันแน่?” สวีเฟยถาม
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่แน่ใจอยู่บ้าง “มหาวิทยราช มยุรีกําลังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม หรือยังคงขาดสิ่งของ? ข้ารู้สึก เหมือนเป็นข้อหลัง แต่ไม่กล้ายืนยัน”
นางแม้ทําศึกแข็งแกร่ง แต่การควบคุมหลักการฟ้าดินค่อนข้างเอน เอียง ด้านการรับรู้อนุมานด้อยกว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่น้อย
“ก่อนสามบุปผาบนกระหม่อม ข้ายังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้กล่าว ประโยคหนึ่งได้อย่างแน่ใจแล้วว่า ข่งซวนยังขาดอีกเล็กน้อย” เยี่ยนจ้าว เกอกล่าว “สารีริกธาตุศากยมุณีเป็นเงื่อนไขจําเป็น แต่มิใช่ทั้งหมด”
“ยังขาดอีกเล็กน้อย…” เฟิงอวิ๋นเซิงเหมือนนึกอะไรออก “เมื่อเป็น แบบนี้ ก็มิใช่วัชระปลุกเสกที่เจ้ามรรคาจุ่นถีทิ้งไว้ ไม่อย่างนั้นสิ่งของอยู่ ในมือเขาแล้ว ไม่ถึงกับมีสิ่งที่ขาด”
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับตัวเองเบาๆ “เป็นไปได้ว่ามิใช่ปัญหาทาง ศาสนาพุทธ ข่งซวนที่แล้วมามิใช่ผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธที่แท้จริง”
“เขาเองก็ถือกําเนิดจากเผ่าปีศาจเช่นกัน…” เฟิงอวิ๋นเซิงกับสวีเฟ ยต่างเข้าใจ
“ข้าเดาว่าพี่ร่วมเส้นทางข่งยังขาดอะไรสักอย่างทางเผ่าปีศาจ” เยี่ยนจ้าวเกอเหม่อลอยเล็กน้อย “แต่ว่าสิ่งของใช่ว่าจะอยู่บนเขาดารา ทะเลดวงดาว”
สวีเฟยว่า “ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เช่นนั้นกุญแจสําคัญยังอยู่ที่มา รสวรรค์ไร้พันธนาจะฟื้ นตัวเมื่อใด”
มหาวิทยราชมยุรีมีโอกาสขึ้นสู่ระดับมรรคา ถึงตอนนั้นจะต้องตกสู่ สายตาทุกคน
เจ้ามรรคาคนอื่นๆ ต่างเข้าร่วม
ข่งซวนถ้าสําเร็จระดับมรรคา ตัวเลือกต่อจากนี้ของท่านมี ความสําคัญยิ่ง อาจจะส่งผลต่อสถานการณ์ใหญ่ทั้งหมด
ไม่ว่าทุกคนจะสะกดข่งซวนด้วยกัน หรือช่วยให้ข่งซวนสําเร็จ มรรคา ต้องเกิดการสู้รบดุเดือดรอบหนึ่ง สภาพเกรงว่าจะไม่ด้อยกว่า การวางหมากบนนพยมโลก
ตอนนั้น เจ้ามรรคาอย่างมารสวรรค์ไร้พันธนาจะเข้าร่วมหรือไม่ อาจจะตัดสินผลลัพธ์สุดท้ายโดยตรง
“พวกเราเตรียมตัวเองให้พร้อมกันเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วย รอยยิ้ม
เฟิงอวิ๋นเซิงกับสวียเฟยพยักหน้าขานรับ
บอกลาสวีเฟย เยี่ยนจ้าวเกอพาเฟิงอวิ๋นเซิงไปถึงเขาหลังด้วยกัน
ยืนอยู่ด้านนอกประตูสถานที่ที่เยี่ยนตี๋เข้าฌาน เยี่ยนจ้าวเกอ ใคร่ครวญเงียบๆ
ครู่ต่อมา เขาหันไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง ถามเบาๆ “อยากจะฟัง เรื่องราวสักเรื่องหรือไม่?”
………………..