ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1815 ฮวงจุ้ยเปลี่ยนทิศ พันปีสภาพใหม่
“ท่านเล่า ข้าฟัง” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้ม “ไม่เล่า ก็ไม่เป็นไร”
เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ใจเจ้าควรจะมีความสงสัยมากมายกระมัง?”
“ได้แต่บอกว่าเป็นความอยากรู้อยากเห็น แต่ว่าที่แล้วมาข้าไม่ค่อย มีความอยากรู้อยากเห็นมากนัก” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้ม “ท่านก็รู้ข้าไม่ได้มี ความสงสัยและความทะเยอทะยานมากมาย มีความคิดมุมานะ ส่วน ใหญ่ก็มิใช่เพื่อตัวเอง”
“ท่านฉลาดกว่าข้ามากนัก ตอนอยู่คนเดียวข้ายังต้องเปลือง ความคิด พออยู่กับท่านข้าก็คร้านจะคิดแล้ว ท่านคิดเสร็จค่อยบอกข้า ให้ทําอะไร แบบนี้ประเสริฐยิ่ง”
เฟิงอวิ๋นเซิงจับมือเยี่ยนจ้าวเกอขึ้น คนทั้งสองประกบมือกัน “จํา ได้ว่าเคยพูดกับท่านว่า ข้อคิดเห็นที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตข้า ก็คือสิ่งที่คน อื่นๆ พูดข้าไม่ฟัง สิ่งที่ท่านพูดข้าฟัง”
เยี่ยนจ้าวเกอบนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเช่นกัน
เขาหันกลับไปมองนิวาสสถานที่เยี่ยนตี๋เข้าฌาน จากนั้นจูงมือ เฟิงอวิ๋นเซิงจากไป ทางหนึ่งเดินทางหนึ่งพูด “เรื่องราวอาจยาวไปบ้าง”
…
นพยมโลกล่มสลาย โถงเซียนพังพินาศ
ภัยพิบัติอีกครั้งหนึ่้งที่เทียบได้กับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีต
นํามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอันรุนแรงแก่ธรรมชาติแห่งนี้
ผู้สืบทอดสํานักเต๋าสายหลักกลายเป็นตัวละครหลักที่บนเวที ประวัติศาสตร์อีกครั้ง อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งในตัวละครหลัก
สํานักเต๋าพัฒนาเหมือนอาทิตย์จันทราดวงใหม่ ก้าวหน้าขึ้นอย่าง คึกคัก ปรากฏสภาพโลกอันรุ่งเรืองในยุคโบราณตอนต้น และยุคโบราณ ตอนกลาง
กาลเวลาเนิ่นนานผันผ่าน ผ่านไปอีกพันปี อามิตาภพุทธเจ้า มารสวรรค์บรรพกําเนิด เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ กษัตริย์บูรพาไท่อี้ วานร พระศรีอาริย์ ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาาทั้งหลายส่วนใหญ่เงียบสงัด นอกจากานรยังไล่ล่าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณไม่ลดละ
กษัตริย์บูรพาไท่อี้เร้นกายในเขาดาราทะเลดวงดาว หลังจากมหา ภัยนพยมโลก หลายพันปีมานี้ไม่มีข่าวคราวอีก
อามิตาภพุทธเจ้ามาตรว่าคิดกําจัดพระศรีอาริย์ กลับยังทําอะไร ไม่ได้
ท่านพอเคลื่อนไหว กษัตริย์บูรพาไท่อี้ที่ดูเหมือนเงียบเชียบไร้สุ้ม เสียงจะต้องเคลื่อนไหวเหมือนกัน
ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายมีค่ายกลลงทัณฑ์เซียนคอยช่วยเหลือ แดน สุขาวดีตะวันตกไม่มีทางได้ประโยชน์อย่างเด็ดขาด
กระนั้น อามิตาภพุทธเจ้าขอแค่ไม่เล็งเป้าไปที่พระศรีอาริย์ กษัตริย์บูรพาไท่อี้ก็ไม่เข้าร่วมการต่อสู้ของเต๋าและพุทธะ
ดังนั้นสํานักเต๋าสายหลักเผชิญกับศาสนาพุทธสายหลัก ถึงแม้จะ ได้เปรียบเพราะว่ายอดฝีมือระดับเซียนแข็งแกร่งและมีจํานวนมากกว่า แต่ว่าแดนสุขาวดีตะวันตกยังรักษาความสงบมั่นคงไว้ได้
โถงเซียนพินาศ วันเวลาของพระศรีอริยเมตไตรยกับแดนสุขาวดี บัวขาวผ่อนคลายสุดเปรียบปาน
แต่คิดขยับขยายดินแดน เทศนาประชากรมากกว่าเดิม ต้องเจอกับ การกดอัดและการแก่งแย่งสองชั้นจากสํานักเต๋าและเผ่าปีศาจ
นี่ทําให้แดนสุขาวดีบัวขาวยากจะยืดตัวตรงเผชิญกับแดนสุขาวดี ตะวันตก
แดนสุขาวดีตะวันตกสงบเสงี่ยมกว่าเดิม เหมือนกลับไปสู่ยุคผนึก เขาเข้าสู่ทางโลก
แดนสุขาวดีตะวันตกไม่เหยียบย�าธรรมชาติขมุกขมัวที่วานรสร้าง ขึ้นโดยสิ้นเชิง ปล่อยให้สํานักเต๋า เผ่าปีศาจ กับแดนสุขาวดีบัวขาวยื้อ ยันกันตรงกลาง
ที่นี่ย่อมเป็นสํานักเต๋าสายหลักที่ยอดฝีมือรวมตัวคับคั่งได้เปรียบ ที่สุด
กลับเป็นโถงเซียนเส้นทางนอกรีต หลังจากพินาศไปในวันนั้น หลายพันปีมานี้ ก็คิดฟื้ นจากความตายมาโดยตลอด
แต่ว่าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณถูกวานรพัวพันตลอดเวลา ยากจะ ตั้งใจดูแลจัดการ
เพิ่งมีคนถูกชําระล้างหันมานับถือ ก็ประสบการกลุ้มรุมจากผู้สืบ ทอดสามพิสุทธิ์ทันที
หมื่นกว่าปีก่อน หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ยุคสมัยอันมืดมนที่ผู้สืบ ทอดสํานักเต๋าเคยได้ประสบ ตอนนี้ส่งคืนไปยังคนในโถงเซียนเส้นทาง นอกรีตโดยทวีเป็นร้อยพันเท่า
วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่เหมือนกัน ถูกไล่ล่าสกัดขวางเหมือนกัน กาลเวลาโหดร้ายทารุณที่มืดมิดนองเลือด ทําให้คนไม่อาจสะท้อนใจว่า ‘ฮวงจุ้ยเปลี่ยนทิศแล้ว’
ถึงแม้เวลาส่วนใหญ่จะซ่อนตัวเร้นกาย ทําอะไรเงียบๆ แต่ว่าผู้สืบ ทอดสํานักเต๋าในตอนนั้นยังมีผู้เข้มแข็งระดับสุดยอดรอดชีวิตกระจัด กระจายอยู่
หากตอนโถงเซียนพินาศ เหล่าเซียนเส้นทางนอกรีตแทบถูกเยี่ยน จ้าวเกอสังหารหมดสิ้นด้วยตัวคนเดียว
โดยเฉพาะเซียนสวรรค์และเซียนกําเนิด กองทัพสิ้นสูญ ไม่รอด แม้แต่คนเดียว
ผู้เข้มแข็งเส้นทางนอกรีตระดับนี้ แม้เทวกษัตริย์ไร้ประมาณคิดชุบ เลี้ยง ก็ไม่ง่ายดาย
ผู้สืบทอดสํานักเต๋าก็ไม่อนุญาตให้โถงเซียนมีพื้นที่สําหรับชุบเลี้ยง ผู้มีความสามารถอย่างสงบมั่นคงอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีแดนสุขาวดีบัวขาวจ้องตาเป็นมันอยู่ด้านข้าง ตลอดเวลา
ดังนั้นแม้สํานักเต๋าสายหลักจะคิดฟื้ นจากความตาย แต่ด้วยสภาพ น่าอนาถ เกรงว่าแม้แต่เป็นศพยังนับไม่ได้ด้วยซ�า
เมฆดาราที่อยู่ไกลโพ้นในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนอัน กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง หมุนวนอย่างเงียบๆ
ทว่าไม่ทันไร เมฆดาราก็เริ่มสั่นไหวน้อยๆ สุดท้ายแตกแหลกจาก กัน
ครู่ต่อมา มีเงาแสงลอยออกมาจากด้านใน
นั่นกลับเป็นเรือยักษ์นาวาเทพลําหนึ่ง ขนาดใหญ่โต ถูกครอบคลุม อยู่ใต้แสงสว่างเจ็ดสีหลายชั้น แล่นอยู่กลางความว่างเปล่า เหมือนร่อน ลมทะลวงคลื่น
ใต้แสงสว่าง คนกลุ่มหนึ่งกระตือรือร้น วิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด
“เหลวมาสามครั้งแล้ว ครั้งนี้ในที่สุดก็จับได้”
“พูดถูกแล้ว หนําซ�าพวกเราครั้งนี้ไม่เพียงทําลายกากเดนเส้นทาง นอกรีต ยังช่วยเหลือคนธรรมดามากกว่าหมื่นคน รอกลับสวรรค์ หยวนหมิงเหวินจวี่ ขอให้ส่งฝนมาชําระล้างเชื้อเส้นทางนอกรีต ก็ ทํางานใหญ่สําเร็จแล้ว”
“พวกท่านว่าอาจารย์อารุ่นปู่จางล้อมจุดตีกําลังหนุน จะซุ่มโจมตี คนในเส้นทางนอกรีตที่พลังฝึกปรือสูงกว่าได้หรือไม่?”
“บอกไม่ได้ กากเดนเส้นทางนอกรีตตอนนี้รู้แกวแล้ว เกรงว่าจะไม่ ติดเบ็ดง่ายดายขนาดนั้น”
“เหอะ จะว่าไป หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ครั้งแรก สํานักเต๋าสาย หลักของพวกเราประสบภัย ผู้อาวุโสคนรุ่นก่อนจํานวนมากถูกโจรร้าย เส้นทางนอกรีตกลุ้มรุมสังหารเช่นนี้ วันนี้ทําให้พวกมันรู้แล้วว่าอะไรคือ ดีชั่วสุดท้ายต้องตอบแทน มรรคาฟ้ามีวัฏจักร”
ขณะนาวาเทพโบยบิน ในความว่างเปล่าไกลออกไป มีเงาสายหนึ่ง เดี๋ยวหายเดี๋ยวปรากฏ กลับเป็นชายชราคนหนึ่ง
“อืม ดูเหมือนครั้งนี้จะไม่โผล่หัวมาจริงๆ แล้ว” ชายชราส่ายหน้า ข้ามความว่างเปล่าพร้อมนาวาเทพ ฝ่าทะเลดาว กลับจักรวาลสวรรค์ สํานักเต๋า
ปัจจุบันสํานักเต๋ามีสวรรค์ตั้งอยู่ยี่สิบสี่แห่ง
ในจักรวาลสวรรค์ที่รุ่งเรืองงดงาม เห็นจุดแสงจุดแล้วจุดเล่าบิน ฉวัดเฉวียน บ้างก็เคลื่อนไหวระหว่างสวรรค์แต่ละแห่ง บ้างก็บินไปยัง ความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนที่อยู่ไกลออกไป
ยิ่งใหญ่อลังการดุจดังธารสวรรค์หลายสายเคลื่อนไหว
ชายชรากับนาวาเทพเข้าไปด้านในสวรรค์หยวนหมิงเหวินจวี่ที่เป็น หนึ่งในสวรรค์ยี่สิบสี่แห่ง จากนั้นเข้าไปในโลกใบหนึ่งด้านใน
ด้านในย่อมมีคอยคอยประสานงานนําทาง
นาวาเทพเรือยักษ์ขนาดมโหฬารบินข้ามท้องฟ้า ร่อนลงบนผาเขา แห่งหนึ่ง
ที่ที่มันผ่านไม่เพียงจอมยุทธ์คนอื่นๆ แม้แต่มนุษย์ปุถุชนที่ใช้ชีวิต อยู่ในนี้ต่างไม่แปลกใจ
หลายพันปีมานี้ การเปลี่ยนแปลงเหมือนอาทิตย์จันทราดวงใหม่ ปรากฏไม่ขาดสาย ผู้คนในวันนี้ได้เห็นเรื่องราวสิ่งของมากมายจนชิน กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา
นาวาเทพหยุดลง บนพื้นมีคนประสานงานดูแล จอมยุทธ์บนเรือ ยักษ์พากันลงเรือ
ชายชราผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นมา หยิบสิ่งที่ดูเหมือนฟองน�าจากในเรือ
ฟองน�ามองไปไม่ใหญ่ แต่หนักอึ้งสุดขีด ดังนั้นจําเป็นต้องอาศัย ยอดฝีมือที่ผลักเปิดประตูเซียนแล้วอย่างชายชรา จึงจะสามารถคว้า หยิบได้
ใต้ดวงอาทิตย์ ประกายน�าส่องแสงระยิบระยับ ด้านในเห็นเงาคน หลายสาย โลกใบเล็กๆ ที่เหมือนเป็นเอกเทศใบหนึ่งด้านในบรรจุ ทิวทัศน์ภูเขาลําธารและประชากรจํานวนมาก ไม่รู้สึกเบียดเสียดแม้แต่ น้อย
เวลานี้บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งโผล่ขึ้นด้านข้างชายชรา กล่าวด้วย รอยยิ้ม “รบกวนอาจารย์อาแล้ว”
“ไม่มีใดลําบาก เพียงเสียดายที่คว้าน�าเหลว” ชายชราส่งฟองน�า ให้บุรุษวัยกลางคน “แต่ว่าได้ช่วยคนเหล่านี้จากทะเลทุกข์นับว่าไม่เสีย เที่ยว จงจัดการให้ดี”
“อาจารย์อาวางใจเต็มที่ ย่อมจัดการตามระเบียบ” บุรุษวัย กลางคนรับฟองน�ามา “โลกใบนี้ของพวกเรามีดินแดนเหลือใช้ มาก พอจะจัดการ”
……………….