ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1817 ห้วงเวลาสุดท้าย!
“พวกเขาไม่เพียงให้ความสนใจ ยังกระเหี้ยนกระหือรือแต่แรก” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างแช่มช้า “พวกเขาเพียงแค่รอโอกาสเท่านั้น”
เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยอย่างแช่มช้า “กําลังรอมารสวรรค์ไร้พันธนา”
วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่นพยมโลกเมื่อหลายพันปีก่อน และความ พินาศย่อยยับของโถงเซียนที่เกิดขึ้นมาติดๆ ในภายหลัง ถูกคนจํานวน มากในปัจจุบันเรียกว่า วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ครั้งที่สองแห่งยุคสมัยนี้
ในวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ครั้งนั้น เหล่าเจ้ามรรคาล้วนลงมือด้วย ตัวเอง
ผลคือหลังศึกใหญ่ อามิตาภพุทธเจ้า มารสวรรค์บรรพกําเนิด มาร สวรรค์ไร้พันธนา กับพระศรีอริยเมตไตรยต่างเสียท่าครั้งใหญ่
เวลาล่วงเลยถึงตอนนี้ เดือนปีผันผ่าน อามิตาภพุทธเจ้า พระศรี อริยเมตไตรย กับมารสวรรค์บรรพกําเนิดต่างก็ฟื้ นฟูเสร็จแล้ว
มีแต่มารสวรรค์ไร้พันธนาที่เสียท่ารุนแรงที่สุด เกือบจะตกตายใน ตอนนั้น ยังคงซ่อนตัวไม่ออกมา
“หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่นพยมโลกในวันนั้น ความเกี่ยวข้องกับ ข้าและวิถีมารสลายหาย ไม่ได้รับผลกระทบจากวิถีมารอีก แต่ว่าก็ สูญเสียการรับรู้ต่อมารสวรรค์บรรพกําเนิดและมารสวรรค์ไร้พันธนาไป ด้วย” เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว “ปัจจุบันข้ายากแยกแยะสภาพในตอนนี้ ของมารสวรรค์ไร้พันธนา ทางศิษย์พี่เนี่ยก็เหมือนกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ไม่เป็นไร พวกเรารอดูการเปลี่ยนแปลงก็พอ”
เขาเงยหน้ามองฟ้าสีครามบนศีรษะ พูดผ่อนคลาย “ถ้าการรับรู้ ของข้าไม่ผิดพลาด ทางข่งซวนสมควรจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว”
“มหาวิทยราชมยุรีได้ของที่ต้องการอย่างสุดท้ายแล้ว?” เฟิงอวิ๋น เซิงตาเป็นประกาย
“ตอนนี้เขาสมควรเตรียมการพร้อมพรักแล้ว” ในม่านตาของเยี่ยน จ้าวเกอปรากฎยันต์อาคมลี้ลับ “ต่างจากการวางหมากบนนพยมโลกใน ปีนั้น ตอนนี้เขาอาจจะก้าวเท้าก้าวนั้นไปแล้วก็ได้ แต่จําเป็นต้องให้คน อื่นๆ ช่วยคุ้มครอง ไม่อย่างนั้นอาจถูกรบกวนทําลาย”
ยันต์อาคมนี้กลับไม่เหมือนคัมภีร์เกิดนภา แต่เป็นสิ่งใหม่ของโลก ในปัจจุบันที่ก่อนหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน
ต่างจากแสงสว่างที่ก่อนหน้านี้บ้างเขียวมรกตบ้างทองม่วง ตอนนี้ ยันต์อาคมในม่านตาเยี่ยนจ้าเกอ เกิดจากการประกอบกันของปราณ พิสุทธิ์หลายสาย มีความลี้ลับของตัวเอง
“ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนไหว หมายความว่าของชิ้นสุดท้ายที่เขา ขาด ไม่ได้อยู่ในมือกษัตริย์บูรพา และไม่ได้อยู่ในมือพระศรีอาริย์” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเสียงเบา
ทางวานรไม่มี ผู้สืบทอดสํานักเต๋าสายหลักย่อมกระจ่าง
วังดุสิตของเหล่าจวินปิดมาหลายพันปี มหาวิทยราชมยุรีไม่เคยไป มาก่อน
ถึงแม้ระหว่างสํานักเต๋า เผ่าปีศาจ และแดนสุขาวดีบัวขาวจะมีการ กระทบกระทั่งกันบ่อยๆ
แต่ตอนที่เผชิญแดนสุขาวดีตะวันตก เทวกษัตริย์ไร้ประมาณและ มารสวรรค์ สํานักเต๋า เผ่าปีศาจ และศาสนาพุทธเส้นทางนอกรีต ปัจจุบันยังคงฝืนรักษาสภาวะร่วมมือไว้ได้
ถ้าพวกเขาสามฝั่ งขายน�าใจให้มหาวิทยราชมยุรี ย่อมหวังว่าจะดึง ตัวมหาวิทยราชมยุรีมาฝั่ งตัวเอง ร่วมมือต้านทานพวกอามิตาภพุทธเจ้า
ในสถานการณ์แบบนี้พวกเขาย่อมหวังว่า มหาวิทยราชมยุรีขึ้น ระดับมรรคายิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ยิ่งราบรื่นเท่าไหร่ยิ่งดี
ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อยเลยว่า สมควรอาศัยตอนที่มารสวรรค์ไร้ พันธนาไม่ฟื้ นฟูเคลื่อนไหว
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาสู้สามต่อสาม สํานักเต๋ายังมีค่ายกลลงทัณฑ์ เซียนอยู่ในมือ ผู้เข้มแข็งรองจากระดับมรรคารวมตัวกันคับคั่ง ยึดครอง ความได้เปรียบเด็ดขาด คิดจะปกป้องให้มหาวิทยราชมยุรีขึ้นสู่ระดับ มรรคา อัตราชนะไม่น้อย
อีกฝ่ายคิดทําลาย ต่อให้มีไพ่ตายอื่นๆ ระดับความยากก็สูงมาก เกรงว่ามิสู้ให้เหล่าจวินเกิดฉุกใจขึ้นมา เล่นงานนกยูง
ทว่าตอนนี้ถ้าการรับรู้ของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ผิดพลาด มหาวิทยราช มยุรีได้สิ่งที่ตนเองต้องการทั้งหมดแล้ว แต่ยังพะว้าพะวงไม่ก้าวเท้าก้าว นั้นออก ก็หมายความว่า นกยูงตัวนั้นสมควรยืนอยู่ฝั่ งตรงข้ามแล้ว
ท่าน อามิตาภพุทธเจ้า เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ยังมีมารสวรรค์ บรรพกําเนิด ต่างกําลังอดทนรอคอยเวลาที่มั่นใจมากที่สุด
หรือก็คือวินาทีที่มารสวรรค์ไร้พันธนากลับมา
“เพียงแค่ไม่ทราบว่าอามิตาภพุทธเจ้า เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ และมารสวรรค์บรรพกําเนิด ผู้ใดช่วยข่งซวนในครั้งสุดท้ายสุดนี้?” เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “การวางหมากบนนพยมโลกในปีนั้น ลู่ยากับ พระศรีอาริย์ให้สารีริกธาตุสองชิ้นแก่เขา ช่วยเขารวบรวมสารีริกธาตุ ศากยมุณีจนครบ ช่างเสียเปล่าจริงๆ”
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ท่านทําไมยังทําตัวเป็นเด็กแบบนี้อีก ตอนนั้นพี่ร่วมเส้นทางลู่ยาถ้าทํา สําเร็จ ไหนเลยนับว่าเสียเปล่า?”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่
“เสียดายที่หาที่อยู่ของข่งซวนไม่เจอ ไม่อย่างนั้นพวกเราชิงลงมือ ก่อนได้เปรียบ” รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเฟิงอวิ๋นเซิง เม้มปากกล่าว “ไม่รอถึงนาทีสุดท้าย เกรงว่าจะขวางเขาไม่ได้”
แดนสุขาวดีตะวันตกผนึกภูเขาแล้ว ต่อให้บุกไปทําลายแดนสุขาวดี ตะวันตก แต่ทําอะไรอามิตาภพุทธเจ้าไม่ได้ ยังคงสูญเปล่า
บางทีอาจทําให้มารสวรรค์บรรพกําเนิดหวั่นไหว แทงหอกกลับ ทุก คนรุมโจมตีอามิตาภพุทธเจ้าได้
แต่ว่ามารสวรรค์บรรพกําเนิดก็ต้องคิดด้วยว่าน�าพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ต่อจากนี้เป็นตามันกับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ถึงเวลาถูกโจมตีแตกพ่าย กลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อไป
ต่อให้มันมีใจเป็นอื่น เชื่อว่าจะรอเวลาที่มารสวรรค์ไร้พันธนาเข้า ร่วมสงครามใหม่ก่อน
เหล่าจวินไม่ออกมา มารสวรรค์สองตนร่วมมือกัน พูดถึงขุมกําลัง เดี่ยวๆ แทบนับได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลก ถึงเวลาไม่ว่าจะตัดสินใจ อย่างไร ล้วนมีความมั่นใจกว่าเดิม
“มารสวรรค์ไร้พันธนากลับมา มหาวิทยราชมยุรีทะลวงสู่ระดับ มรรคา ตอนนั้นกรงว่าจะเป็นห้วงเวลาตัดสินผลลัพธ์สุดท้ายของยุค สมัยนี้อย่างแท้จริง” เฟิงอวิ๋นเซิงพึมพํา
มหาวิทยราชมยุรีได้รับการช่วยเหลือจากอามิตาภพุทธเจ้า เท วกษัตริย์ไร้ประมาณ มารสวรรค์สองตน ขึ้นสู่ระดับมรรคา พวกเขาห้า คนร่วมมือ จะทําลายสมดุลของสถานการณ์ในปัจจุบันได้อีกครั้ง
ต่อให้มารสวรรค์สองตนหรือมหาวิทยราชมยุรีมีความคิดและ แผนการของตัวเอง แต่อย่างน้อยผลแพ้ชนะของการต่อสู้ระหว่าง กษัตริย์บูรพาไท่อี้กับอามิตาภพุทธเจ้า ก็เปลี่ยนเป็นไม่อาจหยั่งรู้ได้อีก
นอกจากนี้แล้ว…
เฟิงอวิ๋นเซิงมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ อีกฝ่ายยักหน้าช้าๆ “มิผิด จังหวะเวลาขึ้นระดับมรรคาของข้าเกรงว่าจะขึ้นอยู่กับการวางหมาก ครั้งนี้!”
“หลังชนะการวางหมากนี้ สภาวะฟ้าดินจะเปลี่ยนแปลงเพราะข้า ถ้าแพ้ ข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอสายตาสงบนิ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฟิงอวิ๋นเซิงสายตาไม่แปรเปลี่ยน ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง เพียงแต่ ยื่นมือออกมาประกบฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอเบาๆ
เยี่ยนจ้าวเกอกลับมุมฝ่ามือนาง สามีภรรยาสบตา ใบหน้าต่าง ปรากฏรอยยิ้ม
“อาจารย์อาเยี่ยนก็จะออกฌานในตอนนั้นกระมัง?” เฟิงอวิ๋นเซิง ถามเสียงเบา
“ถึงเวลาคิดไม่ออกก็ถูกคนบังคับให้ออกมากระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอ เอ่ยอย่างราบเรียบ
เฟิงอวิ๋นเซิงถาม “การเตรียมตัวของท่านเรียบร้อยแล้วหรือ?”
“ยังขาดอีกเรื่อง” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “จําเป็นต้องขอกระบี่แหน เขียวจากเจ้าแม่อู๋ตังมาใช้”
“ท่านสงบใจพักผ่อน ข้าไปค้นหาค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกับเจ้าแม่อู๋
ตัง” เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า ร่างหายไปจากที่เดิม หลังนางยืมกระบี่แหนเขียวกลับมา แล้วมอบให้เยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยน
จ้าวเกอก็เริ่มวันเวลาเข้าฌานของตัวเอง เดือนปีต่อจากนี้รวดเร็วดุจสายน�า วันคืนยังคงไม่หยุดลง ทุกสิ่งเหมือนกับค่อนข้างสงบราบคาบ ไม่มีความแตกต่างจากเวลา
หลายพันปีที่ผ่านไปแล้วมากนัก จนกระทั่งถึงวันหนึ่ง การดํารงอยู่ที่สุดยอดที่สุดบนโลกใบนี้ ต่าง
พากันรู้สึกได้ว่า ธรรมชาติฟ้าดินแห่งนี้ค่อยๆ เริ่มสั่นสะเทือน ทอง ไม้ น�า ไฟ ดินสภาพปัญจธาตุในธรรมชาติถึงกับปั่ นป่วน มิใช่ทิวทัศน์อีกอย่างเท่านั้น แต่ว่ารากฐานปัญจธาตุในธรรมชาติ
ฟ้าดิน มหาจักรวาล จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลทั้งหมด เริ่มสับสน เยี่ยนจ้าวเกอออกฌานในวินาทีนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงรอเขาอยู่ด้านนอก เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมหายใจออกยาวๆ ใบหน้าฉายรอยยิ้มยาก
บรรยาย “ถึงเวลาแล้ว”
………………..