ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1821 ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนร่างมนุษย์!
คนหนึ่งเป็นจอมปีศาจสะท้านโลกา วิทยราชศาสนาพุทธที่โด่งดัง ในยุคโบราณตอนต้น ถูกยกย่องเป็นหนึ่งในผู้เข้มแข็งที่สุดรองจาก ระดับมรรคาตลอดมา
คนหนึ่งเป็นผู้เข้มแข็งรุ่นใหม่ที่ผงาดขึ้นในยุคปัจจุบัน สั่นสะเทือน ใต้หล้า มาทีหลังแซงหน้า ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน เซียนสวรรค์สํานักเต๋า ที่อดีตปัจจุบันมีเพียงหนึ่ง
ก่อนหน้านี้สองฝ่ายเคยสู้กันมาก่อน เพียงแต่ตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอ อาศัยกายทองมหาเทวะสามร่างรวมเป็นหนึ่ง แสดงร่างแท้จริงของมหา เทวะเสมอฟ้า วัดกําลังกับข่งซวน
ตอนนี้เป็นตัวเขามาถึงหน้าข่งซวน
ข่งซวนสีหน้าซับซ้อนขณะมองแสงศักดิ์สิทธิ์กลมสมบูรณ์หลัง ศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ ปราณพิสุทธิ์อบอวลรอบๆ เหมือนกับไม่อยู่บนโลก ใบนี้ ยากจะเอื้อมถึง
“พี่ร่วมเส้นทางเชิญ” เยี่ยนจ้าวเกอไม่พูดมาก ยื่นมือออกว่าคว้าใส่ กายทองยูไลห้าทิศบนศีรษะข่งซวน
การรอคอยหลายปี ความพยายามหลายปี ข่งซวนย่อมไม่ยอมให้ เยี่ยนจ้าวเกอทําลายแผนการของท่านในเวลานี้
ขอแค่พิธีกรรมค่ายกลบนศีรษะยังทํางาน ท่านจะยิ่งมายิ่งเข้าใกล้ ระดับมรรคา ตัวท่านมิใช่ไม่อาจลงมือต่อสู้
พุทธะจีวรขาวยืนขึ้นจากบนหลังราชายูงทอง แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ม้วนครั้งหนึ่ง พุ่งใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
แสงศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ดุจฟ้าดุจทะเล แผ่พุ่งทั่วความว่างเปล่า จักรวาล เหมือนยาวไกลไร้สิ้นสุด
ธรรมชาติทั้งหมดยามนี้เหมือนสั่นสะเทือนด้วยกัน ต้องการ แบ่งแยกกลายเป็นสภาพปัญจธาตุแรกเริ่ม หลอมละลายเข้าไปในแสง ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของข่งซวน สะกดเยี่ยนจ้าวเกอ
ฉัตรบนศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ ศิลาดินกําเนิดที่ยอดฉัตรช่วยเขาต้าน แสงเพลิงที่ก่อเกิดจากการลุกไหม้ของศิลาฟ้ากําเนิด
จากนั้นตัวฉัตรหมุนวน ยกปราณพิสุทธิ์หลายสายขึ้น เหมือนกับ บดบังธรรมชาติจักรวาล ขวางกั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของข่งซวนไว้ด้าน นอก
พลังของสองฝ่ายพอฟัดพอเหวี่ยง ต่างบีบอัดกันและกัน
ข่งซวนทะลวงสู่ระดับมรรคา สั่นสะเทือนมหาธรรมชาติ ท่านยิ่งมายิ่งเข้าใกล้ระดับมรรคา แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีก็ยิ่งมายิ่ง แข็งแกร่ง เหมือนกับหลอมมหาจักรวาลใหม่รอบหนึ่ง ท่านในตอนนี้เหนือกว่าตัวเองที่ผ่านมาไม่ว่าเวลาไหน แข็งแกร่ง อย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่แข็งกล้านั้น ตอนนี้กลับยากดูดกลืนเยี่ยน จ้าวเกอ ฉัตรหมุนบนศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่กว้างใหญ่ ไพศาลเฉไปด้านข้าง แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีซัดสาดไม่ขาดสาย เหมือนกับคลื่นทะเลไร้สิ้นสุด ไร้ประมาณ หนึ่งคลื่นสูงกว่าหนึ่งคลื่น ต้องการกลบกลืนเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือมาชี้ที่ฉัตรบนศีรษะ ฉัตรหมุน ปราณพิสุทธิ์ หลายสายห้อยลง ปราณพิสุทธิ์ลอยพลิ้ว ผนึกกลายเป็นหนึ่ง เปลี่ยนเป็นไร้สี ในความว่างเปล่าเหมือนบังเกิดคมดาบที่ไร้รูปร่างไร้สสารไร้สี
จากนั้นคมดาบนี้ก็เหมือนกับตัดผ้า ตัดแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่กว้าง ใหญ่ไร้สิ้นสุดนั้นออก! ถูกดาบไร้รูปร่างนี้ตัดออก แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสียากรวมตัวกันใหม่ กระจัดกระจายจากกัน ห้าแสงสิบสีเสื่อมสภาพ เหมือนกับบุปผากระจายทั่วแผ่นดิน ข่งซวนตกใจ เยี่ยนจ้าวเกอเท้าไม่หยุดลง แหวกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี มาถึงด้านข้างเขา! “สั่ง!” พุทธะจีวรขาวตวาดอย่างเร่งร้อน ลงจากราชายูงทอง ราชายูงทองกระพือปีก บินขึ้นด้านบน เข้าไปในค่ายกลยูไลห้าทิศ ประสานกับกระดูกหงส์อมตะนั้น ระหว่างสองตาของกระดูกหงส์อมตะ เหมือนมีแสงเพลิงจุดหนึ่ง สว่าง จากนั้นเห็นบนแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่ไหลเวียนไม่หยุดของข่งซวน มี ลวดลายห้าจริยะก่อนกําเนิดนูนโผล่ขึ้นมา ในเพลิงสีชาดที่ลุกโหม เมฆาคุณธรรมสีขาวดําลอยขึ้น บนไม้เขียวที่มีชีวิตชีวา ปราณขาวกุศลซ่อนหลายสายลอยรอบ
ในดินเหลืองหนักอึ้ง แฝงปฐพีอานิสงส์ที่ล�าลึกหนักหน่วง เหมือนกัน
บนทองขาวที่แหลมคม กะพริบแสงม่วงบารมีเข้มข้น
ในน�าดําสายยาว เกิดคลื่นน�ายอดกุศลหลายกลุ่ม
ห้าจริยะก่อนกําเนิดกับปัญจธาตุหลังกําเนิดสอดประสาน หมุนวน กลายเป็นกงจักร เหมือนกับธรรมชาติฟ้าดินหดลงกลายเป็นจุด หนักจน มิอาจหนักไปกว่านี้ ไร้ประมาณไร้เทียมทาน
หากแต่เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงทิ่ม นิ้วใส่อากาศ
ปราณพิสุทธิ์หลายสายที่ห้อยลงจากบนฉัตร ผนึกรวากลายเป็นคม แหลมไร้รูปร่างไร้สสารอีกครั้ง
คมแหลมไร้สี ปะทะกับวงแสงห้าสี ไร้สุ้มไร้เสียง
แต่ว่ามหาจักรวาลและธรรมชาติฟ้าดินของจริงด้านนอก สั่นไหว อย่างฉับพลัน
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะข่งซวนทะลวงระดับมรรคา ชําระล้าง ธรรมชาติทั้งหมด แยกหมื่นวัตถุกลายเป็นสภาพปัญจธาตุแรกเริ่ม
ตอนนี้กระบวนการนี้พลันได้รับการขัดขวาง จากนั้นทุกสิ่งนี้ก็เริ่มหมุนทวนอย่างบ้าคลั่ง การบิดเบี้ยวระหว่างรุกถอย ทําให้ความว่างเปล่าในจักรวาลแทบ หลุดจากตําแหน่ง เหมือนถูกฉีกออก สถานที่มากมาย แม้แต่เวลาก็กําลังหยุดนิ่ง ธรรมชาติขมุกขมัวแห่งใหม่ที่แนบชิดกับมหาจักรวาลแรกสุดที่ วานรสร้างขึ้นแห่งนี้ บิดเบี้ยวตาไป สั่นกระเพื่อมไม่สงบ ถ้าไม่ใช่เพราะทุกที่ล้วนมียอดฝีมือจากการสืบทอดแต่ละแห่งดูแล รักษา โลกแต่ละใบนั้นได้รับผลกระทบเช่นนี้ เกรงว่าจะพากันดับสูญ ข่งซวนสีหน้าเคร่งขรึม เป็นเพราะวงแสงห้าสี ตอนนี้ชัดเจนว่ากําลังถูกคมดาบไร้รูปร่าง นั้นหั่นออกอย่างช้าๆ! พวกลู่ยาเต้าจวินมองฉากเหตุการณ์นี้ กลางหลังเย็นวาบขึ้น เป็นค่ายกลลงทัณฑ์เซียนร่างมนุษย์จริงๆ! ทุกคนต่างกําลังสะท้อนใจ ตกตะลึงกับตัวเอง
เจ้าของวงแสงห้าสีนั้น มิใช่ใครอื่น หากเป็นมหาวิทยราชมยุรีที่มี ชื่อเสียงมาหมื่นปี!
ถึงแม้ตําแหน่งจะได้รับการกระทบกระเทือนจากผู้โดดเด่นรุ่นหลัง อย่างหยางเจี่ยนกับสั่วหมิงจาง ปัจจุบันบารมีของมหาวิทยราชมยุรีไม่ เท่าในอดีตอีก
แต่ถ้าให้พวกหยางเจี่ยนกับสั่วหมิงจางพูดเอง ก็ต้องยอมรับเช่นกัน ว่า พวกเขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะมหาวิทยราชมยุรีได้อย่าง แน่นอน
ผลลัพธ์การต่อสู้ มีแต่ต้องวัดกําลังกันก่อนค่อยล่วงรู้
ถึงแม้ปัจจุบันผู้เข้มแข็งจะโผล่มาเรื่อยๆ แต่ว่ามหาวิทยราชมยุรีใน ที่สุดยังเป็นตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดยอดสุดของเซียนสวรรค์มหาชาลโดย ตลอด
อย่างมากสุดได้แต่บอกว่า เขามิใช่กิ่งเดี่ยวโดดเด่นเหมือนในอดีต อีกแล้ว แต่ว่าเหล่าผู้มาภายหลังก็ได้แต่ไล่ตามท่าน ยังอีกห่างไกลกว่า จะเป็นคลื่นลูกหลังกระแทกคลื่นลูกหน้ากับหาดทราย
โดยเฉพาะตอนนี้ มหาวิทยราชมยุรีก้าวสู่ระดับมรรคา ในช่วงเวลา พิเศษแบบนี้ พลังของท่านบรรลุจุดยอดสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน
ก่อนหน้านี้ยังมีธงวิเศษบัวเขียว ธงแดนเมฆสีม่วง ธงเหลืองโบ่วกี้ ธงแสงดินทักษิณสามารถต้านความร้ายกาจของท่านได้
แต่ว่าการศึกในวันนี้ ต่อให้เป็นธงวิเศษสี่คันนี้ เกรงว่ายากจะ ป้องกันแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรี
ทว่าตอนนี้ แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่แข็งกล้านี้ กลับถูกคมดาบไร้รูปร่าง ไร้สีด้ามหนึ่งฟันเปิด!
ความแหลมคมนี้มิใช่มาจากค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แต่มาจากคนผู้ หนึ่ง
คนที่เป็นมหาชาล ยังไม่ขึ้นสู่ระดับมรรคาคนหนึ่ง!
เยี่ยนจ้าวเกอมองวงแสงห้าสีที่สลักลวดลายห้าจริยะ ยกฝ่ามือ ตัวเองขึ้น ฟันใส่ความว่างเปล่าอีกครั้ง
ปราณพิสุทธิ์หลายสายผนึกเชื่อมกลายเป็นคมแหลมไร้รูปร่าง ฟัน ลงไม่หยุด
ห้าจริยะสลาย ปัญจธาตุมลาย ทุกสิ่งล้วนกลายเป็นความว่างเปล่า
วงแสงห้าสีถูกเยี่ยนจ้าวเกอฟันทิ้ง!
ฉัตรหมุนพร้อมกระแทกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่เหลือกระจัดกระจาย ชนข่งซวนกระเด็นออกไป! เยี่ยนจ้าวเกอไปถึงศีรษะข่งซวน ผลักฝ่ามือหนึ่ง ค่ายกลยูไลห้าทิศ พลันส่าย มหาพุทธะสีทองเหลืองที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอผลัก ร่างเอียงไปด้านข้าง เสียงมนตราบทสวดมนต์ทั่วฟ้าเบาลง ค่ายกลพลันแหลกสลาย ในค่ายกล หย่อมเพลิงในม่านตาสองข้างของกระดูกหงส์อมตะนั้น มอดดับลง ร่างราชายูงทองถูกแบ่งแยกออกมา ระเบิดกลายเป็นละอองเลือด กลางความว่างเปล่า พุทธะจีวรขาวด้านล่างสั่นไปทั้งร่าง สะกดไม่อยู่อีกต่อไป เลือดสี ทองพ่นออกมาจากปากและจมูก เส้นทางขึ้นสู่ระดับมรรคาของข่งซวนหยุดชะงักลง!