ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 101 มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม
ดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดลอยขึ้น สาดส่องแสงทั่วฟ้าทั่วแผ่นดิน
ชั่วพริบตาเดียว อุณหภูมิของแผ่นดินในอาณาบริเวณก็พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ร้อนรุ่มจนไม่อาจต้านทาน
ต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวเฉา ผืนแผ่นดินแตกระแหง ครั้นสูดอากาศหายใจเข้าไปก็รู้สึกร้อนผ่าวตั้งแต่ลำคอจนถึงในปอดเลยทีเดียว
เยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่ และคนอื่นๆ มองไปทิศทางนั้น ดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดดวงส่องแสงเจิดจ้าจนแทบไม่อาจลืมตาได้
ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงที่อยู่ข้างกายถอนหายใจ และรับรู้ได้ถึงพลังของศัตรูที่ครอบคลุมไปทั่วทุกทิศแล้ว
ผู้คนของเขากว่างเฉิงคิดจะออกไปก็ออกไปไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าสือเถี่ยจะโจมตีขับไล่พานป๋อไท่ไปได้
ถึงกระนั้นต่อให้สือเถี่ยจะมีความมั่นใจมากแค่ไหน แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่สู้ดีนัก
“ชิ ในเมื่อจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ปรากฏตัว มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมก็นับว่ามีพลังสูงสุดในโลกแปดพิภพ ณ ตอนนี้แล้ว”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นป้องหน้าผาก พลางหรี่ตามองไปยังทิศทางที่พานป๋อไท่ปรากฏตัวขึ้น
พระอาทิตย์เจ็ดดวงนั้นไม่ได้ลอยขึ้นทีละดวง แต่จับกลุ่มกันเป็นวงกลม ไม่นานนักก็เคลื่อนตัวข้ามผ่านผืนฟ้าแผ่นดินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
และในตอนนี้เอง ครึ่งวงกลมสีดำที่คว่ำอยู่บนพื้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ โดยสิ้นเชิง แสงสีทองสายหนึ่งพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า
ภายในเสาแสงสีทองขนาดใหญ่ สือเถี่ยลอยตัวอยู่ตรงกลาง สีหน้าหนักแน่นทว่าก็นิ่งสงบเช่นกัน สายตาจดจ้องไปยังกลุ่มพลังอันแข็งแกร่งที่กำลังเคลื่อนมาถึงเบื้องหน้าของตน
บริเวณด้านในของเสาแสงสีทอง รอบกายสือเถี่ยปรากฎแสงวาววับสีทองขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะใสราวกับแก้ว มองไปแล้วเหมือนกับแท่นบูชา อีกทั้งคล้ายกับหอคอยสูงเช่นกัน
ลายอักขระลึกลับมากมายรวมตัวกันกลายเป็นวงแหวนพลัง พาดทับสลับกันเป็นชั้นๆ เข้าด้วยกัน จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับแท่นบูชาอีกทั้งคล้ายกับหอคอยนั้นปกคลุมสือเถี่ยไว้
แสงสว่างโชติช่วงของดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดดวง สาดส่องไปทั่วท้องฟ้าทั่วแผ่นดิน แสงแดดร้อนจัดส่องสว่างไปทั่วทุกซอกทุกมุม เสมือนกับอากาศที่มีอยู่อณูพื้นที่ในอากาศ
ทว่าแสงแดดเหล่านี้มีพลังอันน่าหวาดผวามากกว่านัก เพราะแผดเผาทำลายทุกสรรพสิ่งที่สัมผัสโดนอย่างไม่มีข้อยกเว้น
พลังที่เกรี้ยวกราด ทำลายแม้กระทั่งจันทราในแสงรัตติกาลของแสงรัตติกาล ยอดฝีมือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันเอง
แท่นบูชาที่ครอบสือเถี่ยเอาไว้ ครั้นถูกแสงแดดสัมผัสก็สั่นไหวเล็กน้อยเช่นกัน
ที่ด้านหน้าของแท่นบูชานั้น ชั่วพริบตาหนึ่งดูไปแล้วเหมือนกับมีควันสีเขียวลอยขึ้น คล้ายกับว่าจะถูกแผดเผาไปด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้น ใจกลางของดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดที่ล้อมรวมเป็นวงแหวน ก็มีเสียงที่ทั้งแก่ชราและทรงพลังสายหนึ่งดังขึ้น ทำเอาทุกสารทิศสั่นสะเทือน
“สือเถี่ย ศิษย์เขากว่างเฉิงของเจ้าอาจหาญยิ่งนักที่กล้าสังหารหลานของข้า มันต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
ขณะเดียวกันกับที่เสียงนั้นดังขึ้น อุณหภูมิทั่วฟ้าทั่วแผ่นดินราวกับพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในทั้งห้าถูกแผดเผา
สีหน้าท่าทางของสือเถี่ยยังคงสงบนิ่ง เพียงแต่ขนาดของแท่นบูชาสีทองรอบกายหดเล็กลงไปเล็กน้อย กระนั้นกลับมีพลังแข็งแกร่งและบริสุทธิ์ขึ้น
พร้อมกันกับที่แท่นบูชาสีทองหดเล็กลง ควันสีเขียวลวงตาบนผิวแท่นบูชา อันเกิดจากดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดแผดเผากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ก่อนหน้านี้บุกเข้าไปในหุบเขาวายุวิญญาณที่เป็นเขตของสำนักข้า ก็น่าจะรู้ตัวว่าจะต้องเจออะไร”
ใบหน้าของสือเถี่ยไร้ความรู้สึก ราวกับรูปปั้นหินก็ไม่ปาน “ดาบหรือกระบี่ไม่เลือกความเป็นหรือความตาย ฆาตกรย่อมได้รับกรรม”
“เซียวเซิงหลานของเจ้ามักมากในกาม เจ้าในฐานะผู้ปกครองก็ต้องรับผิดชอบอบรมสั่งสอน”
“ข้าสือเถี่ยหากอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกแล้วละก็ คงไม่ต้องให้ผู้อื่นออกโรง ข้าจะไปจัดการกับหลานของเจ้าเอง!”
ขณะที่สือเถี่ยลอยตัวอยู่กลางอากาศ แท่นสีทองที่ปกคลุมร่างกายของเขาไว้ก็ยิ่งหดตัวกระชับขึ้นอีกจนกลายเป็นแก้วใส
แสงสว่างสีทองพุ่งออกมาจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ร่างกายของสือเถี่ยค่อยๆ เลือนรางไปจนมองเห็นไม่ชัดเจน
ภายในดวงอาทิตย์เจ็ดดวง ราวกับมีเสียงชราภาพสายหนึ่งดังขึ้นพร้อมกัน “เจ้าเด็กปากดี วันนี้ข้าจะจัดการเจ้าเสียตรงนี้เลย!”
“ส่วนเยี่ยนตี๋ ไม่ใช่แค่เพียงเจ้าลูกสุนัขตระกูลมันเท่านั้น ตัวมันเองก็จะต้องชดใช้ให้กับหลานของข้าด้วยชีวิตเช่นกัน!”
“ข้ารู้ว่ามันได้รับข่าวแล้ว และกำลังรีบมาจากปฐพีพิภพ แต่พวกเจ้าไม่ต้องอยู่รอมันแล้วละ”
เสียงของพานป๋อไท่ดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า “ต้องมาตายเพราะมาตรสุริยันวัดสวรรค์ ก็เพราะมันทำตัวเอง!”
ขณะเดียวกันลำแสงก็พุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอและสือเถี่ย
จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
มาตรสุริยันวดสวรรค์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ครอบครองอยู่!
กำลังพลที่มากมายขนาดนี้ เป้าหมายที่แท้จริงของสำนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันไม่ใช่ทั้งเยี่ยนจ้าวเกอ และไม่ใช่ทั้งถังตะวันออกด้วยเช่นกัน ทว่ากลับเป็นเยี่ยนตี๋ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งเขากว่างเฉิง ผู้บดบังคนในรุ่นเดียวกันนั่นเอง!
พูดถึงความสามารถแล้ว เยี่ยนตี๋น่าเกรงขามกว่าหยวนเจิ้งเฟิง เจ้าสำนักอาวุโสแห่งเขากว่างเฉิงในปัจจุบันเสียอีก
ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอถูกเซียวเซิงสังหาร หรือเยี่ยนจ้าวเกอสังหารเซียวเซิง แล้วได้รับการคุกคามจากยอดฝีมือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในภายหลัง เยี่ยนตี๋ล้วนจำต้องเร่งรีบตามมาแน่นอน
และสิ่งที่รอเขาอยู่ ไม่ใช่มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม หรือกระบวนทัพของเหล่ามหาปรามาจารย์ แต่เป็นการซุ่มโจมตีอันเหนือความคาดหมายของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มาตรสุริยันวัดสวรรค์!
หลังจากสิ้นเสียงของพานป๋อไท่ หนึ่งในอาทิตย์เจ็ดดวงก็ตกลงมา!
จากมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาเห็นเส้นโค้งอันน่ามหัศจรรย์ของดวงอาทิตย์นั้นวาดผ่าน กำลังตกลงจากท้องฟ้า!
เส้นโค้งนั้นดูเหมือนจะเป็นไปตามธรรมชาติ เหมือนกับพระอาทิตย์ที่ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกในทุกวัน ดวงตะวันเคลื่อนกลับภูผา คล้อยลงสู่เส้นขอบฟ้าทิศประจิม
เพียงแต่ว่าทิศทางที่มันตกลงไปนั้น เป็นตำแหน่งที่สือเถี่ยอยู่!
ในสายตาของสือเถี่ย พระอาทิตย์ดวงนั้นใกล้เข้ามาหาตนและใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบดบังการมองเห็นทั้งหมด
แม้ดวงอาทิตย์ที่คล้อยตกจากฟ้าสู่ทิศตะวันตกจะยังไม่ได้สัมผัสพื้นจริงๆ ทว่าพื้นดินกลับเริ่มแตกร้าวออกราวกับพร้อมจะพังทลายย่อยยับได้ทุกเมื่อ
เมื่อมองแสงที่แยงตานั้นอย่างถี่ถ้วน ก็พบว่าที่จริงแล้วพระอาทิตย์ดวงนั้นก็เป็นแท่นที่ส่องสว่างเจิดจ้าเช่นกัน
รูปร่างลักษณะของมันแตกต่างจากแท่นที่ห่อหุ้มร่างกายของสือเถี่ยเอาไว้ แต่ก็เสมือนกับทั้งแท่นบูชาหรือหอคอย และมาพร้อมกับพลังอันเกรี้ยวกราด
อักขระจิตขนาดใหญ่ที่ราวกับก้อนอิฐกลายเป็นค่ายกล
ค่ายกลรวมตัว กลายเป็นแท่นบูชาสูงระฟ้านี้ในที่สุด
แท่นบูชานี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกสูงใหญ่ตระการตา แต่กลับให้ความรู้สึกแหลมคม และเกรี้ยวกราดดุจไฟ!
วิชาดาบฟ้าผลาญคล้อยประจิมของพานป๋อไท่นี้ ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่ทะยานบูรพาจะสามารถเทียบเทียมได้เช่นกัน เพราะมันเป็นถึงหนึ่งในวิชาเจ็ดสุริยะ เจตจำนงดาบรุนแรงบ้าคลั่งให้ความรู้สึกราวกับจะผลาญล้างทุกสิ่งจริงๆ!
แววตาของสือเถี่ยดุจเหล็กกล้า ไม่มีการสั่นไหวแม้แต่น้อย เขายืดตัวตรงขึ้นกลางอากาศ แล้วปล่อยหมัดหนึ่งโจมตีออกไป
วินาทีนี้เขาเหมือนกับเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้ ต่อให้ฟ้าทลายดินถล่มก็ไร้ความหวั่นเกรง ไร้ความรู้สึกสั่นคลอนใดๆ
เขาใช้เพียงมือต้านคลื่นพลังอันบ้าคลั่งที่พัดมา ราวกับเข็มเทพสยบคลื่นปักลงกลางทะเล!
แม้แต่วิชาดาบฟ้าผลาญคล้อยประจิมที่น่ากลัวก็ไม่อาจพังทลายเขาได้!
ชั่วขณะนั้นเหมือนกับดวงอาทิตย์ตกลงไปชนเข้ากับภูเขาสูงตระหง่าน!
แสงสีทองระเบิดออก เพลิงลุกโชนโชติช่วง ภูเขาสั่นแผ่นดินไหว
หลังจากที่พายุผ่านไป ภูเขาเขียวสูงตระหง่านก็ยังคงตั้งมั่นอยู่ดังเดิม!
จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงโดยรอบเมื่อเห็นดังนั้นต่างก็ถอนหายใจยาวครั้งหนึ่ง รู้สึกภูมิใจในตัวของผู้อาวุโสสือของตนยิ่งนัก ทว่าสีหน้าของพวกเขาก็ยังคงจริงจังหนักแน่นเช่นเดิม
ใบหน้าของสือเถี่ยไม่มีความหวั่นกลัวแม้แต่นิดเดียว
เขายังคงเหมือนเดิมตั้งแต่แรกจนตอนนี้ จดจ้องไปที่คู่ต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความเด็ดเดี่ยวและใจเย็น
บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์หกดวงลอยอยู่ ทว่าไม่นานนักดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และยังคงสาดส่องแสงลงบนแผ่นดินเช่นเดิม
เสียงของพานป๋อไท่ดังสนั่นทั่วท้องฟ้า “สือเถี่ย เจ้ามาถึงถังตะวันออกเร็วกว่าที่คาดไว้ นั่นอยู่เหนือความคาดหมายของสำนักข้าอยู่จริงๆ”
“แต่ข้ารู้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขากว่างเฉิงยังไม่ได้ออกมาจากสำนัก เมื่อไร้ซึ่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยนตี๋จะต้องตายแน่!”
“การที่เจ้าปรากฏตัว ณ ที่แห่งนี้ก็เพื่อเปิดฉากให้เยี่ยนตี๋ จงตายไปพร้อมกับพ่อลูกตระกูลเยี่ยน ชดใช้ให้กับหลานข้าด้วยชีวิตเสีย”
“สามวีรบุรุษแห่งกว่างเฉิงอย่างนั้นหรือ ตอนที่ข้าออกรบทั่วสารทิศ พวกเจ้ายังอยู่ในครรภ์มารดาอยู่เลย”
ขณะที่พูด ดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดดวงก็เริ่มหมุนวนพร้อมกัน!
ครั้งนี้ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ดวงเดียวที่ตกลงมาอีกต่อไปแล้ว ทว่ากลับเป็นดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดดวงเริ่มตกลงไปที่สือเถี่ยอย่างต่อเนื่อง!
……………..