ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 112 สะสมพลังให้ก้าวหน้าขึ้นอีก
ลำพังแค่กระจกเมฆเคลื่อนรวมกับไข่มุกกลั่นโลหิต แน่นอนว่าสร้างหลอดเลือดอสูรไม่ได้อยู่แล้ว
ทว่าวัตถุดิบหลักทั้งสองก็มีครบแล้ว หากเยี่ยนจ้าวเกออยากจะหลอมสร้างหลอดเลือดอสูรก็ง่ายขึ้นมาก
นอกจากกระจกเมฆเคลื่อนแล้ว เยี่ยนตี๋ยังนำหยกลายเพลิงจำนวนมากจากอัคคีพิภพมาให้เยี่ยนจ้าวเกอด้วย นั่นทำให้เขารู้สึกดีใจมาก
ชายหนุ่มนำหินลายเพลิงกับไขมันน้ำแข็งที่ผลิตจากนภาพิภพผสมเข้าด้วยกัน หลังจากกลายเป็นขี้ผึ้งยาแล้ว เขาก็นำมาทาบนร่างกายของตนเอง
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิและหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ราวกับรูปปั้น
ขี้ผึ้งยาที่อยู่บนตัวของเขาใสมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเกิดเป็นควัน ก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะดูดซับเข้าจุดลมปราณทั่วร่างอย่างไม่หยุดหย่อน
ภายในจุดตันเถียนชี่ไห่ ปราณดั้งเดิมที่ปราณบริสุทธิ์ปกปิดไว้ก็กระเพื่อมไม่หยุด และค่อยๆ กลายเป็นปราณเย็นและปราณร้อน
ภายในปราณร้อนรุ่มนั้น เชื้อไฟเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นและกะพริบแสงเบาๆ
พลังวิญญาณภายในขี้ผึ้งยาถูกปราณเย็นและร้อนแบ่งกันดูดซึม จากนั้นก็กลับไปเป็นปราณดั้งเดิมเช่นเดิม
เขาลืมตาขึ้น กลอกตาไปมา ความรู้สึกรับรู้ของตนต่อโลกภายนอกว่องไวมากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
ไม่เพียงแต่ปราณจิตราที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ประสาทสัมผัสของเขาก็ว่องไวขึ้นด้วย
ระดับปรมาจารย์นี้ โดยปกติแล้วถูกแบ่งออกเป็นสามขั้น คือ ขั้นจิตราชั้นใน ขั้นจิตราชั้นนอก และขั้นเคียงนภา ซึ่งขั้นที่สูงกว่าขั้นเคียงนภาก็คือขั้นฝ่านภา ที่จะเริ่มบรรลุเข้าสู่ระดับมหาปรมาจารย์
จุดที่ต่างกันที่สุดของปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้าย กับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะต้นอยู่ที่ว่าสามารถฝึกฝนปราณจิตราของตนให้มีจิตใจได้หรือไม่
เมื่อปราณจิตรามีจิตใจ ปราณจิตราก็จะแก่กล้ายิ่งขึ้น โดยจอมยุทธ์ก็จะควบคุมปราณจิตราได้ดั่งใจมากขึ้น
ปราณจิตราที่มีระดับความหนาแน่นเช่นเดียวกัน หากฝ่ายหนึ่งมีจิตใจก็จะจู่โจมอีกฝ่ายที่ไม่มีจิตใจได้ง่ายมาก ซึ่งหากฝ่ายหลังอยากจะร่นความห่างชั้นลง ก็จำเป็นต้องใช้ปราณจิตราที่มากยิ่งกว่า
นี่เป็นหนึ่งในความห่างชั้นของปรมาจารย์ขั้นเคียงนภากับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอก
เมื่อเทียบความห่างชั้นระหว่างปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้าย กับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางแล้ว จากขั้นจิตราชั้นนอกถึงขั้นเคียงนภามีความห่างชั้นมากกว่า ซึ่งก็เหมือนกับเหวลึกที่คั่นอยู่ระหว่างขั้นจิตราชั้นในถึงขั้นจิตรานอกชั้นในตอนนั้น
นอกจากคุณภาพของปราณจิตรามีความเปลี่ยนแปลงแล้ว ประสาทสัมผัสของปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาก็จะเพิ่มขึ้นมากด้วย ในยามปกติยิ่งมีประโยชน์ในการค้นหาคู่ต่อสู้ที่หลบซ่อนตัวอยู่ อีกทั้งเมื่ออยู่ในสนามรบ ความรวดเร็วของปฏิกิริยาตอบโต้ก็จะยิ่งมีมากขึ้น
เมื่อเทียบกันแล้ว การบรรลุจากขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายสู่ขั้นเคียงนภาระยะต้น ความเข้าใจสำคัญกว่าการเก็บสะสมปราณจิตรา
ทว่าระดับความหนาแน่นปราณจิตราของปรมาจารย์ขั้นเคียงนภา ก็จะเหนือกว่าปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกมากอยู่แล้ว
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ที่จริงการจะทำให้ปราณจิตรามีจิตใจไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่เป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งบรรลุเป็นปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายตอนที่อยู่ถังตะวันออก จากนั้นก็เข้าร่วมสงครามมาตลอด ไม่มีเวลาฝึกฝน ทำให้การสะสมมีน้อยเกินไป
แต่ตอนนี้เขาใช้ไขมันน้ำแข็งกับหินลายเพลิงเพื่อทำพิธีชำระล้างร่างกายเป็นทวีคูณ จึงสามารถชดเชยในจุดที่สะสมไม่ครบได้มากทีเดียว
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตนเองก็เข้าใกล้ความสำเร็จในระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาขึ้นอีกขั้น
“เก็บกระดูกไฟใต้ดินเอาไว้ก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบจัดการในทันที” เยี่ยนจ้าวเกอลุกขึ้นยืน แล้วบิดคอไปมา “เถาวัลย์ป่ายฟ้าก็มีแล้ว การกลั่นโอสถเซียนกลับสวรรค์ให้อาจารย์ปู่ ยังขาดสมุนไพรหลักอีกเพียงหนึ่งตัวเท่านั้น หวังว่าข่าวจะไม่ได้หลอกหลวง สามารถหาได้ที่ภูผาพิภพ”
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเดินออกจากประตูไป อาหู่กลับมีท่าทีผิดจากปกติไป เขาไม่ได้รออยู่ด้านนอก
“ไม่รู้ว่าอาหู่จะทำสำเร็จแล้วหรือยัง” เยี่ยนจ้าวเกอรู้ว่าตอนนี้อาหู่กำลังฝึกฝนอยู่เช่นกัน
อาอู่เป็นปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้ายแล้ว คราวนี้จะลองบรรลุขั้นฝ่านภาดู
ปรมาจารย์ขั้นที่สิบ ขั้นฝ่านภาก็คือขั้นสุดท้าย ชื่อฝ่านภาก็บอกทุกอย่างชัดเจนแล้ว
เมื่อก้าวเข้าสู่ขั้นนี้ ก็จะสามารถเริ่มการบรรลุสู่ระดับมหาปรมาจารย์ได้ หลังจากที่สำเร็จแล้วก็จะเป็นโลกอีกใบหนึ่ง
ด้วยความที่อาหู่ยอมเป็นคนรับใช้ที่อยู่เบื้องล่าง จึงทำให้คนอื่นๆ มักจะดูถูกเขาอยู่เสมอ กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้ชัดเจนดี ว่าชายร่างกำยำที่ทั้งซื่อสัตย์ทั้งขี้เล่นผู้นี้ แท้จริงแล้วมีพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ที่น่าทึ่งมาก!
พูดอย่างไม่เกรงใจเลยก็คือ ไม่ด้อยไปกว่าเจ้าของร่างคนเดิมของเยี่ยนจ้าวเกอเลย!
เยี่ยนตี๋เองก็ไม่เคยเอารัดเอาเปรียบเขา มองเขาเหมือนเป็นลูกศิษย์คนหนึ่ง อบรมสั่งสอนอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นพลังความสามารถของอาหู่จึงไม่แพ้เซียวเซิงและเฉาหยวนหลงที่อยู่ในระดับเดียวกัน
“โอ้ ยังอยู่ที่ด่านเดิม” เยี่ยนจ้าวเกอมายังสถานที่ที่อาหู่ใช้เข้าฌาน หลังจากที่เข้าไปข้างในและยืนมองอยู่เงียบๆ สักพักเขาก็ส่ายศีรษะเบาๆ “เหลือเพียงความห่างสุดท้ายเท่ากระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยังทะลุผ่านไปไม่ได้”
อาหู่ในขณะนี้ บนใบหน้าไม่มีรอยยิ้มขี้เล่นเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็นใบหน้าที่เคร่งครึม จริงจัง และจดจ่ออย่างมาก
พลังทั้งร่างของเขาแผ่กระจายไปรอบๆ ราวกับเสือที่กำลังหาเหยื่อเพื่อเขมือบกิน
ปราณจิตราทั้งกายแปรสภาพเป็นโลกมายา ในระหว่างที่เกิดแสงสว่างวาบ มังกรสีดำม้วนลมกวัดแกว่งบิดเบี้ยวอยู่เต็มท้องฟ้า
ลมพายุค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างของเสือ เสียงเสือคำรามกับเสียงลมผสมปนเปเข้าด้วยกัน จนยากที่จะแยกแยะทั้งสองออกจากกันได้
เยี่ยนจ้าวเกอลังเลเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง “คนอื่นก็ช่างเถอะ ตอนนี้อาหู่ยังขาดอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้ข้าเองก็หมดหนทาง”
“เพียงแต่ว่าวิธีนี้หากพูดออกไป อาจทำให้ท่านพ่อสงสัยได้…เดี๋ยว โยนความผิดไปให้เหยียนซวี่ที่ตายไปแล้วก็ได้นี่”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็เกิดแผนการในหัวขึ้น
‘ดาบฝนดาวตก’ วิชาดาบที่ได้มาจากเหยียนซวี่ เยี่ยนจ้าวเกอคิดคร่าวๆ ครู่หนึ่ง ภายในใจยิ่งเกิดความมั่นใจขึ้น
หลังจากที่อาหู่หยุดพักชั่วคราว เขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่แปลกใจ แต่กลับเปิดปากพูดว่า “ขั้นฝ่านภา ยากอยู่เหมือนกันนะขอรับ”
เมื่อได้ยินอาหู่บ่น เยี่ยนจ้าวเกอก็โยนหนังสือภาพเล่มหนึ่งให้เขา “เพลงดาบฝนดาวตกของเหยียนซวี่ ไม่รู้ว่าเขาไปได้หนังสือวรยุทธ์ที่ไม่สมบูรณ์นี่มาจากที่ใด แต่มันมีความพิเศษอยู่ เจ้าลองดูได้”
อาหู่รับหนังสือภาพมาด้วยความสงสัยอยู่บ้าง “คุณชาย ข้าไม่ฝึกวิชาดาบนะขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “ทำความเข้าใจเพียงบางส่วน ก่อนหน้านี้ข้าดูแล้วคร่าวๆ สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้อาจจะใช้มันได้”
“การจะบรรลุขั้นฝ่านภาได้ ไม่ได้พึ่งแค่การสะสมทั้งหมด ที่สำคัญคือต้องมีความเข้าใจ ตอนนี้เจ้าพร้อมหมดทุกอย่างแล้ว ขาดก็แต่ความเข้าใจที่จะตัดเมฆหมอกชั้นสุดท้ายที่บังตาอยู่ออกไป”
“ความรู้สึกในการฝ่านภา วิชาสืบทอดทั่วหล้า ท้องฟ้าและมนุษย์รวมเป็นหนึ่ง”
สำหรับการชี้แนะจากผู้ที่มีระดับวรยุทธ์ต่ำกว่าตนอย่างเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่ไม่ได้หงุดหงิดรำคาญแต่อย่างใด เขากลับผงกศีรษะเสียด้วยซ้ำ “ใช่ขอรับ”
ชายหนุ่มพูดว่า “เจ้าจะลองสังเกตดาวในเวลากลางคืนสักหน่อยก็ได้ การเปลี่ยนแปลงของดวงดาว โดยเฉพาะแสงเพียงเสี้ยววินาทีเดียวของดาวตก อาจจะมีผลก็ได้”
“ทฤษฎีของเพลงดาบฝนดาวตกปรับปรุงมาจากตรงนั้นเช่นกัน เจ้าจะใช้เป็นตัวเลือกทดลองดูก็ได้เช่นกัน”
ในระหว่างที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้นิ้ววาดเป็นเส้นโค้งในอากาศ ราวกับดาวตกที่ตกลงมาจากอีกฟากของขอบฟ้า
อาหู่คล้ายกับมีความคิดบางอย่าง และยื่นนิ้วมือออกไปวาดอยู่สองสามขีด จากนั้นก็ถือหนังสือม้วนเล่มนั้นเดินออกไปข้างนอก
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “หากเอ่ยถึงคัมภีร์วรยุทธ์ ข้ายังมีโอกาสเข้าไปที่หอคัมภีร์อยู่อีกครั้งนี่”
หอคัมภีร์ของเขากว่างเฉิงเก็บรวบรวมวิชาลับของสำนักเอาไว้ทั้งหมด รวมถึงวิชาวรยุทธ์อื่นๆ ที่จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงในอดีตออกไปทำภารกิจแล้วพบเข้าโดยบังเอิญ
จำนวนชั้นหอคัมภีร์วรยุทธ์ยิ่งสูง วรยุทธ์ที่เก็บสะสมก็ยิ่งเป็นของที่มีคุณภาพดี
ชั้นแรกเป็นวิชาวรยุทธ์พื้นฐานของสำนักเขากว่างเฉิงเอง หลักๆ จะเหมาะกับศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนัก
ชั้นที่สองเป็นวิชาวรยุทธ์ขั้นสูงขึ้นในแต่ละด้านของเขากว่างเฉิง นอกจากนี้แล้ว วิชาวรยุทธ์ที่เก็บรวบรวมมาจากโลกภายนอกโดยส่วนมาก็ถูกเก็บเอาไว้ที่นี่
มีบางวิชาที่ระดับขั้นค่อนข้างต่ำ แต่เมื่อเก็บไว้ที่นี่ เขากว่างเฉิงไม่เคยห้ามปรามลูกศิษย์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ก่อนอื่นต้องมีพื้นฐานแน่นเสียก่อน ดังนั้นวรยุทธ์ที่มาจากภายนอกจึงไม่อยู่ในชั้นแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ศิษย์ที่เข้าใหม่นึกสนุกจนทำให้การฝึกฝนปกติล่าช้า
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงหอคัมภีร์ เขาไม่สนใจชั้นหนึ่งหรือสองโดยสิ้นเชิง ตรงขึ้นไปยังชั้นสามทันที
……….