ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 165 ปรารถนางานที่ดี เครื่องมือจำต้องดีเสียก่อน
เยี่ยนจ้าวเกอฟังคำกล่าวของฟางจุ่นแล้ว ก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆ คำหนึ่ง “อยู่ในการประชุมฝ่านภาครานี้ด้วยหรือขอรับ”
ฟางจุ่นเอ่ย “ข้าเองก็เพิ่งจะรับรู้เมื่อไม่นานมานี้ ว่าสายน้ำที่ไหลมาสู่ทะเลสาบปิดนภามีต้นน้ำมาจากปฐพีพิภพ”
ชายหนุ่มลูบคางของตนเอง เอ่ยเสียงเบา “นอกจากคนรุ่นเยาว์ของเช่นพวกข้าที่เข้าร่วมการประชุม แต่ละสำนักล้วนมีรุ่นอาวุโสรั้งท้ายคณะเพื่อคุ้มกันมาด้วย ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตกล้าลงมือ เช่นนั้นก็หมายความว่าในบรรดายอดฝีมือมหาปรมาจารย์ที่นำคณะครานี้ จักต้องมีคนของพวกเขาอยู่เป็นแน่”
ฟางจุ่นยิ้มน้อยๆ “อีกทั้งในฐานะเจ้าภาพ สามารถควบคุมค่ายกลที่แห่งนี้ได้ ท่านนั้นของหอคลื่นโหมต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน”
เขายิ้มพลางมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “ไม่แน่ว่าข้าเองก็มีปัญหาเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอมองฟางจุ่นเช่นเดียวกัน ใบหน้าเจือรอยยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าคงทำได้เพียงภาวนาให้ท่านไม่มีปัญหาเท่านั้นแล้ว ไม่อย่างนั้นชะตาชีวิตข้าก็รักษาไว้ไม่ได้ทันที”
“ต่อให้ข้ามีปัญหา ก็คงสังหารจ้าวเกอไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้นหรอก” ฟางจุ่นหลุดหัวร่อพลางส่ายศีรษะ “หากข้ามีปัญหา จับเจ้าไว้ก็เพื่อต่อกรกัศิษย์น้องเยี่ยน ไม่ใช่แค่ทำให้เจ้าลำบากเท่านั้น เพียงแต่ศักยภาพและพรสวรรค์ของเจ้า รู้สึกได้ว่าจะเป็นศิษย์เก่งกว่าอาจารย์แล้วนะ”
ฟางจุ่นถอนใจ “ผ่านไปสิบกว่าปี…ไม่สิ อาจจะใช้เวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับการมีอยู่ของเจ้า เผชิญหน้าเจ้า เพียงเพราะว่าเจ้าคือเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น ไม่ใช่บุตรของเยี่ยนตี๋”
ชายหนุ่มยิ้มกล่าว “ท่านอาจารย์ลุงรองกล่าวชมจนข้าเขินไปหมดแล้วขอรับ”
อาจารย์ลุงรองหัวเราะเบิกบาน ก่อนหัวข้อสนทนาจะกลับสู่ประเด็น “ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตต้องการทำให้นพยมโลกเยื้องกรายสู่โลกมนุษย์ พวกมันชั่วร้ายเช่นเดียวกับโลกปีศาจอัคคี ซึ่งเป็นศัตรูร่วมของทั่วทั้งโลกแปดพิภพ ปัจจุบันพวกเราคุมเชิงอยู่กับปีศาจอัคคี ยังคงครองความได้เปรียบเล็กน้อยอยู่กลายๆ แม้ว่าปีศาจอัคคีจะหุนหันพลันแล่นกระตือรือร้นจะต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้กำเริบเสิบสานไม่เกรงกลัวผู้ใดถึงเพียงนั้น หากนพยมโลกมาถึง เช่นนั้นโลกแปดพิภพอาจถูกศัตรูขนาบหน้าหลัง และปีศาจอัคคีอาจฉวยโอกาสนี้รุกเข้าโจมตีเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “ไม่ผิดหรอกขอรับ เมื่อรังคว่ำแล้วไซร้ไข่ย่อมแตก ดังนั้นตำหนักอัสนีสวรรค์ถึงได้นำข่าวสารมาแบ่งปันกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อีกห้าแห่งอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้สินะ แน่นอน ข้าเดาว่าสำนักเรากับเมืองทะเลมรกตและเขาไร้พรมแดนคิดอยากจะได้ข่าวสาร ก็จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อยเช่นกัน”
เขามองไปยังฟางจุ่น อีกฝ่ายผุดยิ้ม “ไม่ผิด นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างยิ่ง”
ชายหนุ่มเงยหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยครู่หนึ่ง ‘ครั้งนี้คงไม่ค่อยสะดวกให้เมืองทะเลมรกตสืบหาเรื่องของหลินโจวกับวิชาคมเชือกเสียแล้ว’
ก่อนหน้านี้ทางตำหนักอัสนีสวรรค์จะส่งข่าวคราวมา ไม่เพียงแค่เยี่ยนส่านเท่านั้น หลินโจวเองก็จะไม่เข้าร่วมการประชุมฝ่านภาครานี้อย่างแน่นอนแล้วเช่นกัน
ในการต่อสู้แย่งชิงดวงตาราชันสายฟ้า เยี่ยนจ้าวเกอโจมตีหลินโจวจนบาดเจ็บ สุดท้ายอีกฝ่ายถูกบีบบังคับจนต้องหลีกหนีไปโดยอาศัยหยกเปลี่ยนโลหิตเป็นธารแสง
ถึงแม้ว่าจะตีฝ่าวงล้อมออกมาได้ ทว่าตนเองก็เลือดลมเสียหายเช่นกัน บาดเจ็บซ้อนบาดเจ็บ ยากจะฟื้นความแข็งแกร่งกลับมาได้ภายในเวลาอันสั้น ต่อให้มาเข้าร่วมการประชุมฝ่านภา ก็ยากจะกระทำได้เช่นกัน
นอกจากนี้ เมืองทะเลมรกตก็กำลังจับตามองอยู่ รอที่จะซักถามเรื่องวิชาคมเชือกกับเขา
ทว่าถึงจะมีเรื่องพรรค์นี้ เมืองทะเลมรกตอยากสืบสาวราวเรื่องก็ใช่ว่าจะทำได้โดยง่าย
แม้ว่าข้อมูลข่าวสารจากทางตำหนักอัสนีสวรรค์จะชัดเจน ทำลายหนอนบ่อนไส้ของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ซึ่งก็เป็นฝีมือของหลินเทียนเฟิง บิดาของหลินโจว ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีความมั่นใจอยู่เก้าส่วน ฟันธงได้ว่าภายในต้องมีความเกี่ยวโยงกับหลินโจวเป็นแน่
“เหอะ เล่นใหญ่ดีจริงๆ!” เยี่ยนจ้าวเกอจุ๊ปากชื่นชม “ครานี้ตำหนักอัสนีสวรรค์ได้รับมากมายยิ่ง”
เรื่องอื่นไม่ต้องเอ่ยถึง ครั้งนี้หอคลื่นโหมติดหนี้น้ำใจครั้งใหญ่ของตำหนักอัสนีสวรรค์เสียแล้ว
ในส่วนในของโลกแปดพิภพในปัจจุบัน ด้วยสถานการณ์ที่ลึกซึ้งเช่นนี้ จุดยืนของหอคลื่นโหมโน้มเอียงมากเกินไป ช่างละเอียดอ่อนนัก
เยี่ยนจ้าวเกอหันศีรษะกลับไปมองฟางจุ่น “โอ้ พูดเสียนานนม ท่านอาจารย์ลุงรอง หนอนบ่อนไส้ของสำนักพวกเราคือผู้ใดหรือ และการประชุมฝ่านภาครานี้ มหาปรมาจารย์ที่มีปัญหาคือผู้ใดบ้างหรือขอรับ”
“ข้าส่งสารกลับสำนักเรียบร้อยแล้ว เหล่าท่านอาจารย์ทั้งหลายจะจัดการเอง” ฟางจุ่นรายงานนามของคนผู้หนึ่งออกไปแล้ว จากนั้นจึงเอ่ยเสริมว่า “ทางด้านตำหนักอัสนีสวรรค์รู้เพียงว่าเป็นคนผู้นี้เท่านั้น ส่วนยังมีคนอื่นอีกหรือไม่ก็ยังไม่อาจรู้ได้ สำนักยังคงไม่สามารถผ่อนปรนการระแวดระวังได้”
ชายหนุ่มพยักหน้า
ฟางจุ่นกล่าวต่ออีกว่า “ส่วนการประชุมฝ่านภาครานี้ นอกจากหอคลื่นโหมผู้นั้นแล้ว เดิมน่าจะยังมีอีกสามคน ตำหนักอัสนีสวรรค์เดิมก็ควรจะมีคนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตนำคณะ ทว่าตอนนี้ได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “เช่นนั้นก็หมายความว่า เดิมทีน่าจะมีสี่คน ถูกจัดการไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนหนึ่งคนในนั้นครอบครองความได้เปรียบ มีโอกาสทำสำเร็จจริงๆ”
“ไม่เพียงแต่หนอนบ่อนไส้เท่านั้น สมาชิกภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตนอกเหนือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหญ่ทั้งหก คราวนี้ก็อาจจะจู่โจมที่นี่เช่นกัน ก่อการพร้อมกัน” ฟางจุ่นกล่าว “เพื่อให้สามารถหว่านแหจับกุมได้มากที่สุด ฉะนั้นนอกจากหนอนบ่อนไส้ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ถูกสืบสวนและจับกุมแล้วผู้นั้น ยอดฝีมือจากบึงน้ำไร้ขอบเขตคนอื่นที่เปิดเผยตัวตนแล้ว พวกข้าล้วนไม่รู้สึกแปลกใจ ทว่าหอคลื่นโหมมียอดฝีมือจำนวนมากยิ่งว่าไปซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่นแล้ว”
เขามองไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ ”แต่พวกเจ้ากลับเป็นคนสำคัญในการเข้าร่วมการประชุมฝ่านภา ยามเรื่องเกิดจริงๆ ต้องระมัดระวัง หาทางหลีกเลี่ยงให้ทันกาล”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกล่าว “ข้ารู้สึกว่าพวกข้าไม่ได้เป็นคนสำคัญแล้วขอรับ หากไม่ใช่เพื่อจะเลี่ยงแหวกหญ้าให้งูตื่น จริงๆ แล้วพวกข้าแยกย้ายกลับสำนักตนก็ได้”
ฟางจุ่นเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “การประชุมยังคงเป็นการประชุม ขั้นเคียงนภาระยะต้นเช่นจ้าวเกอ ต่อสู้ชนะศิษย์สืบทอดของเขาไร้พรมแดนที่อยู่ในขั้นเคียงนภาระยะท้าย ไม่ใช่ว่าเพิ่งเพิ่มพูนชื่อเสียงและอิทธิพลให้แก่กว่างเฉิงของข้าอีกคราหรอกหรือ อีกฝ่ายต้องการลงมือ ก็จำเป็นต้องใช้เวลาตระเตรียมอยู่บ้าง”
“จริงๆ แล้ว หากไม่ใช่เพราะอันตรายจนเกินไป นี่นับเป็นการฝึกฝนที่ดีที่สุดสำหรับคนวัยเยาว์อย่างพวกเจ้าแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ “คำกล่าวนี้สอดคล้องกับเหตุผลขอรับ”
ฟางจุ่นลุกขึ้นเดินออกไปทางข้างนอก “ทางด้านพวกข้าก็มีเรื่องมากมายยิ่งเช่นกัน ยังต้องเตรียมการ จ้าวเกอรู้ดีแก่ใจก็ดีแล้ว เตรียมตนเองให้พร้อม ความผิดปกติอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
“ท่านอาจารย์ลุงรองโปรดวางใจ ข้าเข้าใจดีขอรับ” เยี่ยนจ้าวเกอส่งอีกฝ่ายออกไปแล้ว จึงตะโกนเรียกอาหู่เข้ามา บอกกล่าวกับเขาล่วงหน้า
อาหู่เบิกตาโพลง “คุณชาย เวลาสร้างความดีความชอบของท่านมาถึงอีกแล้ว!”
ชายหนุ่มกลอกตาขาว “…ข้าไม่อยากอาศัยเหยื่อปลาเพื่อมาสร้างความดีความชอบ แต่สิ่งที่ควรค่าแก่การปลอบใจก็คือ ครานี้มีคนกลุ่มหนึ่งติดตามไปพร้อมกับข้า”
ไม่นานนักเซี่ยโยวฉานก็นำโลหะเพลิงแดงกับโลหะแสงเย็นส่งมา หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอใช้วิชาลับจัดการแล้ว ก็ส่งหน้าที่ในการเลี้ยงหมีสยงเมายักษ์ให้อาหู่
“คุณชายขอรับ นั่นท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ” อาหู่เอ่ยถามด้วยความใครู่รู้
เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “ฝึกฝน อีกเดี๋ยวจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ปรารถนางานที่ดี เครื่องมือจำต้องดีเสียก่อนอย่างไรเล่า”
อาหู่รู้สึกว่าสมองตนเองตามไม่ทันอยู่เล็กน้อย “แต่ว่าอีกเดี๋ยวการประชุมฝ่านภาจะเริ่มขึ้นแล้ว เวลาสั้นเช่นนี้ท่านจะฝึกฝนอะไรเล่าขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มทว่าไม่พูดกล่าว
ก่อนหน้านี้เกรงว่าจะเลื่อนขั้นรวดเร็วเกินไป ก่อให้เกิดความกังขา ทว่าบัดนี้สถานการณ์พิเศษนัก เช่นนั้นพลิกแพลงให้ว่องไวสักหน่อยก็พอ
นิ้วมือเยี่ยนจ้าวเกอแตะสัมผัสดวงตาขวาของตนเบาๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็มีข้ออ้างที่ดีอยู่ข้อหนึ่งแล้ว
ชายหนุ่มมาถึงด้านข้างหน้าต่าง มองดูทะเลสาบปิดนภาเบื้องหน้าที่มีเมฆหมอกและควันลอยวนเวียน แววตาของเขาเหม่อลอยอยู่บ้าง “นพยมโลก…”
………………..