ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 295 เจ้าคิดว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้กระมัง?
ครั้นเห็นจูเชียนมีท่าทีเหมือนพบศัตรู ดวงตาของเขาพลันแดงก่ำเป็นพิเศษ เยี่ยนจ้าวเกออดประหลาดใจในทีแรกอยู่บ้างไม่ได้ “หืม?”
จูเชียนไม่สนใจแม้แต่หงเหวินแล้วเช่นกัน และดูเหมือนจะพุ่งมาทางเยี่ยนจ้าวเกอ
หงเหวินกลับไม่อาจเมินเฉย ผลุนผลันชักดาบรุดขึ้นหน้าขวางไว้
เขาแสดงวิชาดาบวิญญาณแปดฉาก หนึ่งในยอดวิชาแปดพิภพ อีกทั้งเป็นวิชาสืบทอดสายสำนักเขากว่างเฉิง ออกมา ในระหว่างที่ปราณจิตราตัดสลับกัน เกิดเปลี่ยนแปลงไร้ที่สิ้นสุด ปราดเปรียวล้ำเลิศ ลึกซึ้งจนเป็นเคล็ดวิชาไปแล้ว
นัยน์ตาจูเชียนเอ่อล้นด้วยแสงโลหิต เอื้อนเอ่ยเยียบเย็น “เจ้ารนหาที่ตาย”
จูเชียนฟันดาบหนึ่งออกไปเช่นกัน ทว่ากลับเป็นอีกกระบวนท่าหนึ่ง แข็งแกร่งรุนแรงหาที่เปรียบไม่ได้ อีกทั้งป่าเถื่อนไร้อุปสรรคขวาง ซึ่งก็คืออีกสุดยอดวิชาดาบหนึ่งในยอดวิชาแปดพิภพ ดาบเทพผสานปราณ!
ปราณดาบทั้งสองฝ่ายฟาดฟัน ฉับพลันนั้นปราณดาบของหงเหวินพลันแตกสลายออกมาไม่หยุดยั้ง
เดิมทีดาบเทพผสานปราณเป็นยอดวิชาที่แก่กล้า รุนแรง รวดเร็ว ดุดันที่สุดในยอดวิชาพิภพทั้งหมด อีกทั้งระดับพลังฝึกปรือของจูเชียนยังสูงกว่าหงเหวิน บัดนี้สำแดงท่าดาบสุดยอดนี้ออกมา ประกายดาบแต่ละครั้งเหินม้วนทั่วท้องฟ้า ประหนึ่งลมกรรโชกอันหนาวเหน็บ ราวกับสามารถตัดยอดเขาขาดได้เลยทีเดียว
หงเหวินรู้ดีแก่ใจถึงความต่างชั้นของทั้งสองฝ่าย กระนั้นประสบการต่อสู้สังหารของเขาเองก็อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่งยวดเช่นกัน ฉับพลันนั้นไม่มุทะลุต่อสู้กับจูเชียน เพียงเคลื่อนที่จู่โจมตลอดเวลา
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่สามารถเอาชนะจูเชียนได้หรือไม่ ทว่าขณะนี้ชัดแจ้งแล้วว่าพวกเขากำลังรวมสมาธิตั้งค่ายกล ไม่มีเวลาเบนความสนใจไปรอบข้าง
ตอนนี้หงเหวินเพียงหวังถ่วงการเคลื่อนไหวของจูเชียนเท่านั้น ทำให้เขาไม่อาจเข้าใกล้พวกเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสองคนได้ก็พอ
หลังจากจูเชียนกลายเป็นมาร พลังความสามารถของเขาพัฒนาย่อมขึ้นอีกขั้น เอาแต่ฟันดาบเทพผสานปราณลงไปทางหงเหวินไม่หยุด
เดิมทีระหว่างเขากับหงเหวินก็มีความแค้นเก่า เวลานี้ยิ่งลงมือโดยไม่ลดละ ไอสังหารเปี่ยมล้นแผ่กระจายทั้งสี่ทิศ ต้องการฟันอีกฝ่ายให้สิ้นชีวิตคาสนามรบ!
เยี่ยนจ้าวเกออยู่ภายในค่ายกล สมาธิโดยส่วนใหญ่นำมาใช้กระตุ้นยันต์อักษร ‘คน’ ทว่าก็แบ่งสมาธิบางส่วนออกมาสนใจสถานการณ์ต่อสู้ของจูเชียนและหงเหวินด้วยเช่นกัน
อาหู่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “คุณชายขอรับ เจ้าบ้านี่เมื่อครู่พูดอะไรหรือ?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย “ในภาพจำของข้าบางส่วน เขาถือว่าเป็นศิษย์หลานสายตรงของซินตงผิง”
อาหู่แยกเขี้ยวยิงฟัน “สามารถฝึกยอดวิชาแปดพิภพได้ สามารถบำเพ็ญฝึกเป็นมหาปรมาจารย์ได้ สำนักคงไม่ได้ปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมกับเขากระมัง?”
เยี่ยนจ้าวเกอแลเห็นหงเหวินประสบอันตราย จึงเอ่ยเสียงดังขึ้นเล็กน้อยว่า “สำนักไม่เคยอยุติธรรมกับเขาจริงๆ แต่คนผู้นี้มีพลังน้อยนิด มีศิษย์ร่วมสำนักล่วงเกินเขา เขาจึงจงใจเอาคืนในการฝึกประสบการณ์ครั้งหนึ่ง เกือบทำให้ศิษย์ร่วมสำนักผู้นั้นเจ็บสาหัส”
“ท่านอาจารย์ลุงใหญ่รับตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งตำหนักอาญา เข้ามาเอี่ยวเรื่องนี้ หลักฐานแน่นหนา ยื่นโอกาสในการทดสอบสุดยอดศิษย์เลื่อนขั้นเป็นผู้สืบทอดสายหลัก”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างเฉยชา “หลังจากนั้นเขายังก่อเหตุคล้ายๆ กัน ทำความผิดต่อเนื่อง สุดท้ายไม่มีโอกาสรีดขอบแถบดำบนชุดสีฟ้าของตนโดยสิ้นเชิงแล้ว”
จูเชียนที่กำลังประมือกับหงเหวินได้ยินเข้า ก็พลันเดือดดาลทันใด ฟันดาบหนึ่งจนหงเหวินถอยร่น จากนั้นถึงชี้ปลายดาบไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ
“พูดวาจาซี้ซั้วแต่ฝ่ายเดียว เจ้าก็เกือบสังหารเจ้าผีน้อยแซ่งเยี่ยนั่นตายที่หุบเหวปราการมังกรเหมือนกัน เหตุใดพวกเขาถึงให้ไม่ได้รับโทษใดๆ หลังจากนั้นยังได้รับบำเหน็จต่อเนื่องอีก? ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าคือบุตรของเยี่ยนตี๋ ส่วนสือเถี่ยกับพ่อเจ้าก็เป็นศิษย์ใต้หยวนเจิ้งเฟิงเช่นเดียวกันหรอกหรือ!”
เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตา “ข้ามีพิธีโลหิตจิตหวนเวลาพิสูจน์ว่าข้าไม่มีความผิดแน่นอน แต่เจ้ากลับมีหลักฐานแน่นหนามัดตัวพิสูจน์ว่าเจ้าทำผิดกฎสำนัก”
“หากเราสองคนฐานะเดียวกัน เช่นนั้นเป็นเจ้าต่างหากที่เห็นกฎของสำนักเป็นของเด็กเล่นกระมัง?”
ดวงตาทั้งสองของจูเชียนแดงก่ำ เขาถ่มน้ำลายครั้งหนึ่ง “เฮอะ ต้องเป็นสือเถี่ยปกป้องเจ้า ช่วยเจ้าทำหลักฐานปลอมแน่!”
ชายหนุ่มยิ้มพลางส่ายศีรษะ “เจ้าจะคิดเช่นไรมันก็เรื่องของเจ้า แต่น่าเสียดายที่ว่าไม่ใช่เจ้าพูดอะไร ความจริงก็จะเป็นเช่นนั้น”
ประกายดาบในมือจูเชียนทอแสง ออกแรงฟันมาทางเยี่ยนจ้าวเกอฉับพลัน “ไอ้ปากสุนัข ข้าสังหารเจ้าก่อนค่อยว่ากัน!”
สีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอไม่แปรเปลี่ยน ระหว่างที่พายุลมงวงสีเขียวมรกตหมุนวนรอบกาย ก็พลันปัดดาบเทพผสานปราณของจูเชียนเบนออกไป
บัดนี้พายุลมงวงมุนวน หากพลังพลังฝึกปรือไม่ถึงระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ ล้วนยากจะทำลาย
ถึงแม้จูเชียนจะมีอาวุธวิญญาณระดับล่างชิ้นหนึ่งในมือเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นที่สาม ขั้นซ่อนจิตระยะท้าย หากแต่ไม่อาจทลายการขวางกั้นของพายุลมงวง ทำร้ายเยี่ยนจ้าวเกอได้เช่นกัน
ในดวงตาสีออกเหลืองทั้งสองของเขา มีแสงโลหิตพลุ่งพล่าน ทั่วร่างเห็นได้ชัดว่ายิ่งร้อนรน
อาวุธวิญญาณดาบยาวในมือพลังแกร่งขึ้นอีกขั้น ประกายดาบเปล่งประกายระยับ ต้องการบังคับตีฝ่าพายุลมงวงนเขียวมรกต
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูภาพฉากนี้ด้วยสีหน้าเงียบสงบ
“ฆ่าข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะทำไม่ได้เล่า”
อารมณ์สีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งสงบสุขุมเท่าใด จูเชียนก็ยิ่งรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟในใจเท่านั้น
กระนั้นเห็นตนเองไร้พลังทะลวงการขวางกั้นของพายุลมงวงสีเขียวมรกตจริงๆ แม้เจตนาสังหารในใจจูเชียนจะเต็มเปี่ยม ทว่าสมองกลับจะเยือกเย็นหลายส่วนด้วยซ้ำ
เขากล่าวเสียงเย็น “เจ้าหดตัวอยู่ในกระดองนี้ เช่นนั้นข้าก็จะสังหารคนอื่นให้หมด”
จูเชียนเบือนหน้ากลับตะโกนเสียงดังเฉียบขาดว่า “ฆ่าคนทั้งเมืองให้เกลี้ยง อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
คนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับเขา กำลังประมือกับจอมยุทธ์กว่างเฉิงท้องที่ นับว่าถูกพวกหงพัวพันไว้ จูเชียนจึงเตรียมถอยปลีกตัว ลงมือด้วยตนเอง
ทว่าในยามนี้เขาพลันค้นพบว่าตนเองก็ถูกพายุลมงวงนเขียวมรกตนั่นดูดไว้เช่นกัน หมดทางปลีกตัวโดยไม่คาดคิด!
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเขา พลันยิ้ม “เพราะเช่นนั้นถึงได้พูด ว่าหลายๆ ครั้งใช่ว่าเจ้าคิดเช่นไร เรื่องราวก็จะเหมือนที่เจ้าคิดไว้จริงๆ”
พายุลมงวงสีเขียวขยายตัวล้อมจูเชียนเอาไว้โดยสิ้นเชิงแล้ว ทำได้เพียงรุดหน้า ไม่อาจถอยหลัง
จูเชียนเองก็ถูกกระตุ้นความดุร้ายขึ้น ขณะที่ร้องคำรามบ้าคลั่ง ก็ถือโอกาสพุ่งเข้าสังหารเยี่ยนจ้าวเกอต่อไป
ทว่าพายุลมงวงลูกนั้นมีรูปร่างเฉกเช่นเครื่องจองจำ อีกทั้งยิ่งจับยิ่งแน่น ขัดขวางการเคลื่อนไหวของจูเชียน
จูเชียนดิ้นพล่าน แต่กลับต้องจนใจ
จนกระทั่งจู่ๆ เขาก็ค้นพบว่าพายุลมงวงตรงหน้าค่อยๆ กลายเป็นสีทอง
ซึ่งอักขระยันต์ใต้เท้าเยี่ยนจ้าวเกอ ก็เปลี่ยนจากสีขาวบริสุทธิ์ เป็นสีทองด้วยเช่นกัน
จูเชียนพลันรู้สึกร่างกายคลายลง พายุลมงวงที่คุมขังตนไว้เปลี่ยนเป็นผ่อนสบายทันใด มันแผ่ขยายออกไปรอบๆ แม้จะขัดขวางทางถอยของเขา แต่กลับไม่กีดขวางไม่ให้เขาพุ่งหาเยี่ยนจ้าวเกออีกต่อไป
เขาคำรามดุจพยัคฆ์ ดาบเทพผสานปานที่สะสมความอัดอั้นนับไม่ถ้วน ฟันออกไปทางเยี่ยนจ้าวเกออย่างเหี้ยมโหด
ดาบนี้ทำให้จูเชียนมีความรู้สึกปลอดโปร่งทันใด หลังจากอึดอัดมานาน บัดนี้ในที่สุดก็ได้ผ่อนคลาย แต่ไรเขาไม่เคยมีห้วงเวลาที่สบายอารมณ์ถึงเพียงนี้มาก่อน
จูเชียนสามารถยืนยันได้ ว่าดาบนี้ข้ามผ่านขีดจำกัดของตัวมันเองก่อนหน้านี้แล้ว เป็นดาบที่แก่กล้าที่สุดตั้งแต่ตนเกิดมา!
ทว่าทันใดนั้น เบื้องหน้าของเขาก็มีแสงมรกตสายหนึ่งแล่นปราดไป
กระบี่วิญญาณมังกรมรกตในมือขวาเยี่ยนจ้าวเกอ ขับเคลื่อนกระบวนท่ากระบี่เจ็ดดารา กั้นปลายดาบของจูเชียนไว้ได้โดยสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันนั้น มือซ้ายเยี่ยนจ้าวเกอก็ปล่อยดาบอัสนีบิน ก่อนจะพลิกข้อมือยกขึ้นด้านบน!
พลังอันน่าพรั่นพรึงราวกับคว่ำฟ้า โจมตีลงแสกหน้าจูเชียน!
ฝ่ามือนภากว่างเฉิง!
จูเชียนยกมือซ้ายของตนขึ้น ปราณจิตราทั่วสรรพางค์กายพรั่งพรูต้านฝ่ามืออันน่าประหวั่นนี้ไว้
กระนั้นยังมิทันให้ฟื้นคืนสติกลับมา เยี่ยนจ้าวเกอใช้วิชาดัชนีฟ้าคำรนขับเคลื่อนฝ่ามือกว่างเฉิงสายฟ้าแลบ ปล่อยพลังครั้งที่สองทันที!
พลังอันน่าพรั่นใจอัดทำร้ายจูเชียนโดยพลัน!
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเฉยชา “เจ้าคิดว่าเมื่อครู่ข้าใช้พายุลมงวงขวางทาง เป็นเพราะข้ารู้สึกว่าตนเองสู้เจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
———————————