ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 379 ข่าวร้ายสอง ข่าวดีหนึ่ง
เนื่องจากก่อนหน้านี้ไปเมืองมหานทีมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่าตอนนี้ราชันปีศาจอัคคีอยู่ตรงไหนของน่านน้ำเมืองทะเลมรกต
เพื่อป้องกันไม่ให้เฉิงฮวงคลั่งเพราะความอับอาย ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอจึงจงใจเผื่อเวลาให้กับตนเองมากขึ้น ราชันปีศาจอัคคีนั่นจะได้ขวางทางเขาไม่ได้
แต่ว่ารออยู่เนิ่นนานแล้ว มันกลับไม่โผล่มาเสียที
สถานการณ์ผิดแผกไปจากก่อนหน้านี้ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกตึงเครียดขึ้นในทันที
อาหู่ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน “คุณชาย ท่านเจ้าสำนักคนเก่ามาถึงแล้ว และราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นกำลังจะจากไปพอดี จึงถูกเจ้าสำนักคนเก่าจัดการใช่หรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเจอขมวดคิ้ว “หากเป็นเช่นนั้นย่อมประเสริฐที่สุด เพียงแต่เป็นไปได้ว่าราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นจะวกกลับไปโจมตีเมืองทะเลมรกตอีกครั้ง”
อาหู่เกาศีรษะของตัวเอง “ถึงปีศาจอัคคีจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่บ้าคลั่ง แต่ก็ใช่ว่าจะไร้หัวสมอง ถ้าหากจนถึงตอนนี้เมืองทะเลมรกตยังไม่ถูกตีแตก ยื้อเวลาต่อไปเช่นนี้ แม้พวกของผู้คุมหออันที่ทะเลชั้นนอกทะเลตะวันออกไม่กลับมา ยอดฝีมือคนอื่นของมหาอำนาจแปดพิภพก็ควรจะมาสนับสนุน”
“หากยังกล้าไปที่เมืองทะเลมรกตอีก เจ้าสำนักคนเก่าจะขวางพวกมันได้หรือไม่”
ชายหนุ่มถอนใจเฮือกหนึ่ง “พูดได้ว่า มันทำเรื่องเหนือความคาดหมายเช่นนี้ต้องมีลับลมคมนัย มันต้องมีที่พึ่งพิงบางอย่างแน่นอน”
“มีราชันปีศาจที่แข็งแกร่งกว่ามายังทะเลชั้นในของทะเลตะวันออกหรือขอรับ” อาหู่เอ่ยถาม
เยี่ยนจ้าวเกอกอดอกนั่งขัดสมาธิ “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ แต่พวกเราอาจจะต้องเสี่ยงกลับเกาะมังกระบูรพาที่เมืองทะเลมรกตตั้งอยู่ ต่อให้ไม่ขึ้นเกาะก็ต้องสังเกตการณ์ใกล้ๆ ถึงจะทราบสถานการณ์”
“คุณชาย พวกเรากลับไปครั้งนี้ จะเป็นการเข้าถ้ำเสือหรือไม่ขอรับ” อาหู่กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น “ถ้าฝ่ายปีศาจอัคคีมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่ามาจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจจะหมายตาแหวนสีแดงก่ำวงนั้นก็เป็นได้”
ฝ่ายเยี่ยนจ้าวเกอพลันมองทะเลลึกด้านนอก ผ่านก้อนน้ำแข็งที่ครอบคลุมตนเองอยู่ “บอกยากยิ่งนัก ด้วยนิสัยของปีศาจอัคคี มีความเป็นไปได้ไม่มากนัก ปีศาจอัคคีตัวอื่นอาจจะรายงานราชันปีศาจอัคคีตัวที่ไล่ตามเรามาตลอดก็ได้”
“ทว่าราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นจับเราพลาดอยู่บ่อยครั้ง จึงไปขอร้องตัวที่แข็งแกร่งกว่า นั่นเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้จะมันมีพลังอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย แต่อย่างไรก็เป็นราชันปีศาจอัคคีเหมือนกัน มันไม่ยอมก้มหัวแสดงความอ่อนแอง่ายดายเช่นนี้แน่”
อาหู่ถาม “หรือว่าปีศาจอัคคีตัวอื่นคาบข่าวไปบอกเล่าอนับ”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “นั่นก็เป็นไปได้ ตอนนี้ปีศาจอัคคีที่เข้าสู่ทะเลชั้นในของทะเลตะวันออก นอกจากลูกสมุนของราชันปีศาจอัคคีที่ไล่ฆ่าพกเราแล้ว ก็น่าจะมีอีกจำนวนหนึ่ง พวกที่อยู่ใต้การปกครองของราชาปีศาจอัคคีที่อยู่ที่เมืองทะเลมรกต จึงน่าจะเป็นเป็นผู้ส่งข่าวมากกว่า”
พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็อดยิ้มไม่ได้ ‘ครั้งก่อนตอนที่ไปที่ราบหิมะแดนเหนือ ถึงผลลัพธ์สุดท้ายจะน่าพอใจ แต่ว่าระหว่างทางไม่ค่อยราบรื่นนัก ข้ามักถูกคนหลอกอยู่บ่อยๆ จึงคิดมาตลอดว่าตนเองค่อนข้างโชคร้ายจริงๆ’
‘แต่ครั้งนี้กลับโชคดีทีเดียว’
ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเราไปเมืองมหานทีมาแล้ว อาจจะหลบเลี่ยงอันตรายไปได้”
ถ้าหากมีราชันปีศาจอัคคีที่มีระดับเทียบเท่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองมายังเมืองทะเลมรกตจริงๆ แล้วเยี่ยนจ้าวเกอโผล่หัวไปตอนนั้นพอดี ไม่แน่ว่าจะถูกอาวุธของอีกฝ่ายจ่อไว้พอดี
ราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นมีความเร็วและพลังเหนือกว่าเฉิงฮวง ถ้าเยี่ยนจ้าวเกอยังใช้ประสบการณ์ก่อนหน้ามาคำนวณเวลาอีก อาจจะเกิดความผิดพลาด จนอีกฝ่ายขวางทางไว้ได้
ขณะที่พูด รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ หายไป ‘แต่ว่า เมืองทะเลมรกตน่าจะอันตรายมากขึ้น’
เยี่ยนจ้าวเกอออกจากน่านน้ำเมืองทะเลมรกต มุ่งหน้าไปยังเมืองมหานที ส่วนอีกฝ่ายทนรอเขาไม่ไหว จึงไปจัดการเมืองทะเลมรกตก่อน
หลังจากผ่านการเดินทางอันยาวไกล ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอทะลุมหาสมุทร เข้าใกล้เกาะมังกรตะวันออกอีกครั้ง เขาก็พบว่าการคาดการณ์ของตนเองเป็นความจริง
เขาโผล่จากผิวทะเล มองเส้นขอบฟ้าไกลๆ เห็นก้อนเมฆมารวมตัวกัน
เยี่ยนจ้าวเกอปิดตาซ้าย ในตาขวากลับมีแสงสายฟ้าสีม่วงเข้มสว่างขึ้นเล็กน้อย
แต่เนื่องจากอยู่ห่างกันเกินไป แม้จะมีการช่วยเหลือจากเศษดวงตาราชันสายฟ้า แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็มองเห็นภาพบางอย่างได้บ้างเท่านั้น
เพียงแค่ภาพเหล่านั้น ก็ทำให้เห็นความเลวร้ายของสถานการณ์รบตรงนั้นแล้ว
อาหู่ที่อยู่ข้างกายถามด้วยความสงสัย “คุณชาย สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร”
สถานที่ที่อยู่ไกลออกไปมีการปะทะกันของพลังอันยิ่งใหญ่ส่งมา รุนแรงสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แม้จะอยู่ห่างก็ยังน่าตื่นตระหนก สั่นสะเทือนขวัญวิญญาณอยู่ดี
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้หันไปมองอาหู่ เพียงตอบว่า “ข่าวร้ายสอง ข่าวดีหนึ่ง”
“ข่าวร้ายข่าวแรก เจ้าเมืองทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยงดูเหมือนจะยังไม่ออกฌาน”
อาหู่ได้ยินดังนั้นก็กัดฟันกรอดอยู่เงียบๆ
ชายหนุ่มพูดต่อ “ข่าวร้ายข้อที่สอง มีราชันปีศาจอัคคีที่มีระดับเทียบเท่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองมาที่นี่จริงๆ และกำลังอาละวาดอยู่”
คราวนี้อาหู่กลืนน้ำลาย แล้วกระซิบถามว่า “คุณชาย พวกเราหนีตอนนี้ยังทันหรือไม่”
เขาพลันยักไหล่ “ข่าวดีก็คือท่านอาจารย์มาถึงแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาหู่ก็ชะงักงันไปในทันที
ดวงตาข้างขวาของเยี่ยนจ้าวเกอจ้องมองไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างออกไป “ดีที่ท่านอาจารย์เอาเสื้อคลุมนภามาด้วย ไม่อย่างนั้นเมืองทะเลมรกตคงจะถูกทำลายไปแล้ว”
ถึงแม้จะไม่เห็นภาพชัดเจน แต่ภาพลมปราณนภาที่ยิ่งใหญ่ดั่งท้องฟ้าปัดเป่าเปลวไฟปรากฏอยู่เบื้องหน้า เยี่ยนจ้าวเกอจึงมองออกได้ไม่ยาก
เจ้าสำนักคนเก่า ผู้อาวุโสสูงสุดของเขากว่างเฉิงในปัจจุบัน ปราชญ์เทียมนภาหยวนเจิ้งเฟิง ได้นำเสื้อคลุมนภา อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งเขากว่างเฉิงมาถึงเมืองทะเลมรกตแล้ว
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเหนือเกาะมังกรตะวันออกอย่างรุนแรง แทบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
ศัตรูแม้ว่าจะมีพลังฝึกปรือเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ทว่าหยวนเจิ้งเฟิงเพิ่งเลื่อนระดับเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน
ทว่าหยวนเจิ้งเฟิงมีพลังฝึกปรือแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีเสื้อคลุมนภาอยู่ในมือ จึงสู้กับอีกฝ่ายได้โดยไม่หวาดหวั่น ทั้งยังได้เปรียบอีกด้วย
ทว่าสถานที่แห่งนี้ยังมีราชันปีศาจอัคคีที่มีพลังฝึกปรือเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งอยู่ด้วย ก่อให้เกิดผลคุกคามมหาศาล
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม เพราะถึงค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดแห่งเมืองทะเลมรกตจะยังอยู่ แต่หยวนเจิ้งเฟิงอย่างไรก็มิใช่ผู้ใช้ค่ายกล จึงยืมพลังของมันมาได้ไม่มากเท่าไรนัก ทั้งสองฝ่ายจึงทำได้เพียงต่อสู้ด้วยตัวเอง
ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดแข็งแกร่งและลึกลับซับซ้อน เฉกเช่นค่ายกลนภาของเขากว่างเฉิง
ต่อให้เมืองทะเลมรกตไม่คำนึงถึงอนาคต ให้อำนาจควบคุมค่ายกลแก่หยวนเจิ้งเฟิงทั้งหมด เขาก็ยากจะแสดงพลังของค่ายกลได้ดั่งใจนึกในเวลาอันสั้น
ดังนั้นหยวนเจิ้งเฟิงที่เผชิญหน้ากับการโจมตีในตอนนี้ จึงไม่อาจยืมความได้เปรียบด้านสถานที่ได้มากนัก ได้แต่พึ่งพาตัวเองอย่างเดียว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีจากราชันปีศาจอัคคีสามตัว อีกทั้งในจำนวนนี้ยังมีคู่ต่อสู้ที่มีพลังฝึกปรือเทียบเท่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองอยู่ด้วย ถึงแม้หยวนเจิ้งเฟิงกับเสื้อคลุมนภาจะสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี แต่ก็ใช่ว่าจะรับมือกับศัตรูได้อย่างง่ายดาย
ยอดฝีมือที่มาถึงระดับนี้ได้ล้วนเป็นบุคคลยอดเยี่ยม ตอนที่พลังฝึกปรือยังต่ำอยู่ เวลาสู้กับคู่ต่อสู้ธรรมดา มีใครไม่ต่อสู้กับคู่ต่อสู้หลายคนด้วยตัวคนเดียวบ้าง
ตอนนี้พวกมันกลับรุมโจมตีคนเพียงผู้เดียว การโจมตีย่อมรุนแรงถึงขีดสุด
อาหู่มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างระมัดระวัง “คุณชาย พวกเราใช้วิธีเดิมดีหรือไม่ หากล่อราชันปีศาจอัคคีตัวหนึ่งไปได้ ท่านเจ้าสำนักคนเก่าสมควรน่าจะสบายขึ้นมาก ถึงอย่างไรเขาจัดการตัวที่แกร่งที่สุดไว้ได้อยู่ พวกเราไม่ต้องห่วงว่ามันจะตามมา”
เยี่ยนจ้าวเกอมองท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป “ขอแค่ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ยังคงใจเย็น ก็สามารถห้ามไม่ให้เจ้าสองตัวที่เหลือออกจากถ้ำ จนติดกับแผนของพวกเราได้”