ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 405 มิอาจเห็นหิมะในวันฟ้าโปร่ง[1]
ถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะไม่เคยไปบึงทะเลมายา แต่ก็ได้ยินชื่อของมันมานานแล้ว
นั่นเป็นบึงขนาดใหญ่ยักษ์ที่อยู่ทางใต้ของบึงพิภพ ตัดผ่านดินแดนสามดินแดน ได้แก่ เทือกเขาทิศใต้ บึงตะวันออก และบึงตะวันตกที่อยู่ในดินแดนทั้งหก
ด้านในมีภาพมายา พื้นที่กว้างใหญ่เหลือประมาณ เมื่อคนเข้าไปด้านในจะเจอกับอันตรายร้ายแรง
เมื่อจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ร่วงเข้าไป อาจจะไม่มีวันหวนกลับเพราะหลงทางอยู่ด้านใน
หอคลื่นโหม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้าปกป้องบึงพิภพมาช้านานก็ยังไม่ได้ครอบครองที่นั่นได้โดยสิ้นเชิง
ปฐพีพิภพที่เปลี่ยนแปลงกลายเป็น ‘อเวจี’ มหาทะเลทรายแดนตะวันตกของวายุพิภพ ที่ราบหิมะแดนเหนือซึ่งอยู่ทางเหนือของภูผาพิภพและอัสนีพิภพ วังสุสานทะเลเพลิงที่ทุ่งร้างแดนใต้ และท้องทะเลไร้สิ้นสุดนอกทะเลของอัคคีพิภพ รวมถึงบึงทะเลมายาของบึงพิภพ ได้รับการขนามนามว่าเป็นดินแดนที่อันตรายที่สุดทั้งหกของมหาอำนาจแปดพิภพ
ช่วงเวลาสิบปีที่เยี่ยนตี๋พูดถึง ก็คือโลกมายาหมอกลวงในบึงทะเลมายาจะเบาบางลงทุกสิบปี เมื่อเทียบกับยามปกติ
ในช่วงเวลานั้น คนที่เข้าไปในบึงทะเลมายาจะปลอดภัย ขณะเดียวกันส่วนลึกของบึงจะเกิดปรากฏการณ์ ‘สายรุ้งกางเขน’ ขึ้น
สายรุ้งทั้งสองสายมิได้ทับซ้อนกัน สายหนึ่งทอดจากทางตะวันตะออกไปตะวันแตก ส่วนอีกสายทอดจากทางเหนือไปะทางใต้ ตัดกันกลางท้องฟ้า
เยี่ยนจ้าวเกอรับปิ่นหยกชิ้นนั้นมาจากมือของเยี่ยนตี๋ พลางมองลวดลายกระเรียนหิมะบนตัวปิ่น
เยี่ยนตี๋กล่าวเชื้องช้า “การปรากฏของสายรุ้งกางเขนส่วนใหญ่เป็นเพราะเกิดการบิดเบี้ยวของท้องฟ้าที่นั่น”
“เมื่อท้องฟ้าบิดเบี้ยวถึงระดับหนึ่ง จะเปิดเป็นทางเชื่อมไปยังโลกอื่น สิบปีก่อนข้าไปยังบึงทะเลมายา ถึงแม้จะเห็นรุ้งกางเขน แต่ท้องฟ้าที่นั่นมิได้เปิดเป็นทาง ครั้งนี้ก็อาจจะไม่มี แต่เจ้าลองไปดูก่อน”
ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วตอบว่า “ได้ขอรับ”
เขาเงยหน้าไปมอง เยี่ยนตี๋ในตอนนี้มีสีหน้าอ่อนโยนและกลัดกลุ้มอย่างหาได้ยาก
เยี่ยนจ้าวเกอแสร้างทำเป็นไม่รู้ นั่นเป็นเพราะมารดาของตน ภรรยาของเยี่ยนตี๋ เสวี่ยชูฉิง
ความจริง ในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอมีภาพของมารดาอยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วมาจากคำบรรยายของผู้อื่น
ตามภาพทรงจำ มารดาของตนเป็นจอมยุทธ์ที่ฝึกปรือพลังด้วยตนเอง แต่ว่าวรยุทธ์ของนางไม่ธรรมดา ไม่ด้อยกว่าลูกศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก ทั้งยังมีร่องรอยหลงเหลือก่อนมหาภัยพิบัติด้วย
ตอนที่นางยังอยู่บนโลกใบนี้ ยังถูกคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่าเป็นผู้สืบทอดของปราชญ์ภาพวาดผู้อาวุโสม่อ
ต่อมาเยี่ยนตี๋ เสวี่ยชูฉิง และจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงคนอื่นเดินทางบนทะเลตะวันออก ได้คำนับผู้อาวุโสม่อเมื่อผ่านเกาะภาพวาด ทางเกาะภาพวาดได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน จึงยืนยันได้ว่าเสวี่ยชูฉิงมิใช่คนของเกาะภาพวาด ตามที่นางบอก นางฝึกฝนวรยุทธ์ก่อนมหาภัยพิบัติด้วยตัวเอง
แต่ว่าก่อนหน้านี้ยี่สิบปี ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอยังแบเบาะ เสวี่ยชูฉิงก็หายสาบสูญไป
มีคนเห็นว่านางหายสาบสูญในสายรุ้งกางเขนที่เกิดในบึงทะเลมายา ที่สิบปีจะมีขึ้นสักครั้งหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนตี๋ ริมฝีปากสั่นเทา ไม่ได้พูดอะไร
เยี่ยนตี๋ยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ว่ามารดาเจ้ามิได้ตายที่บึงทะเลมายา และมิได้หลงทางอยู่ในนั้น นี่ใช่คำปลอบโยน”
บุตรชายพลันประหลาดใจ “จริงหรือขอรับ”
“สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ก็คือ ก่อนชูฉิงจะไป นางเคยพูดกับข้าว่าไว้เจอกันวันหลัง” เยี่ยนตี๋เล่า “นางมิได้กล่าวอย่างละเอียด ข้าเองก็ไม่ได้ไถ่ถาม แต่ว่าเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำให้ข้าพอเดาอะไรบางอย่างออก
“มารดาเจ้าโผล่มาเมื่อสามสิบปีก่อน ถึงแม้นางจะบอกคนอื่นมาตลอดว่าก่อนหน้านี้นางพักกับอาจารย์ผู้มีพระคุณ หลังจากอาจารย์นางตายจึงได้ออกเดินทาง แต่เมื่อสามสิบปีก่อน อดีตของนางว่างเปล่า”
เยี่ยนตี๋กล่าวเสียงเบา “เหมือนกับว่าไม่เคยอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน”
เยี่ยนจ้าวเกอดวงตาเป็นประกาย “พูดอีกอย่างก็คือ ท่านแม่ใช้ชีวิตอยู่บนมหาอำนาจแปดพิภพทั้งหมดสิบปี พอดีกับช่วงที่สายรุ้งกางเขนปรากฏขึ้น”
“ท่านสงสัยว่าท่านแม่มิใช่คนในมหาอำนาจแปดพิภพ แต่มาจากโลกอื่นหรือขอรับ”
บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอยิ้มบาง “นี่มิใช่ข้อสงสัย แต่เป็นเรื่องที่ยืนยันได้”
“ชูฉิงระวังตัวอยู่บ้าง แม้ไม่ได้กล่าวชัดเจน และข้าเองก็ไม่ได้ถาม แต่ว่าพวกเราสองคนรู้ใจกันดี จึงไม่จำเป็นต้องพูด”
“เพียงแต่ว่าหลังจากหายไปในสายรุ้งกางเขน นางได้กลับไปยังโลกที่นางเกิดมาหรือไปยังสถานที่อื่น ข้าไม่แน่ใจ ดังนั้นจึงบอกว่าเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น”
ดวงตาของเยี่ยนตี๋จับจ้องอยู่บนปิ่นหยก “ตอนที่นางเพิ่งหายไป ข้าตามหานางอยู่ในบึงทะเลมายาเป็นเวลานาน แต่ไม่พบร่องรอยใดๆ ข้าเชื่อว่านางไม่น่าจะตายอยู่ในนั้น เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องกับสายรุ้งกางเขน ข้าจึงไปตรวจสอบที่นั่นทุกสิบปี”
ชายหนุ่มถอนใจ พูดขึ้น “น่าเสียดายทางที่เชื่อมพิภพของที่นั่นเหมือนจะไม่เสถียรนัก”
เยี่ยนตี๋กล่าว “หากเสถียรเหมือนทางเชื่อมโลกปีศาจอัคคีบนทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก ก็ใช่ว่าจะเป็นผลดีต่อแปดพิภพ ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่รู้ว่าอีกฝั่งมีสถานการณ์แบบไหน”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “สิ่งที่ท่านแม่ได้ร่ำเรียน ไม่ด้อยกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกในมหาอำนาจแปดพิภพเลย หมายความว่าการพัฒนาวรยุทธ์ของที่นั่นอย่างน้อยก็ไม่ได้ด้อยกว่าเรา”
ฉับพลันนั้น เยี่ยนตี๋ก็มองไปยังบุตรชาย “ขอแก้ความเข้าใจผิดของเจ้าก่อน”
“ความอัศจรรย์อย่างแท้จริงของสิ่งที่ชูฉิงได้ร่ำเรียน ทั้งหมดล้วนอยู่ในลมปราณนภาและกระบวนท่าลับทั้งสามของสำนักเรา”
เมื่อได้ยินดังนั้น ม่านตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็หดตัวลงเล็กน้อย ในใจเกิดความคิดมากมายแล่นผ่าน “โอ้ ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ…”
เยี่ยนตี๋กล่าวต่อ “เรื่องนี้เจ้ารู้ไว้ก็พอ ก่อนวันนี้ นอกจากข้าแล้ว มีแต่อาจารย์เจ้าที่ทราบเรื่อง แม้แต่พวกสหายก็ยังไม่รู้”
“ระหว่างข้ากับมารดาเจ้า ถึงแม้ไม่ได้ถ่ายทอดกระบวนท่าลับให้อีกฝ่ายได้ฝึกปรือ แต่ก็แลกเปลี่ยนวรยุทธ์กันอยู่บ่อยครั้ง หากข้ามองไม่ผิด กระบวนท่าที่ชูฉิงเก็บงำไว้เหมือนกระบวนท่าลับก่อนมหาภัยพิบัติ ซึ่งตกทอดมาอย่างสมบูรณ์”
ก่อนมหาภัยพิบัติ ประสบการณ์ด้านวรยุทธ์พัฒนาอย่างยาวนาน มีอารยธรรมรุ่งโรจน์ วรยุทธ์ทั้งหลายถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกวรยุทธ์วิชาล้วนมีเพื่อกำจัดสิ่งที่แย่ และอยู่ในระดับสูงสุด
หลังจากมหาภัยพิบัติ อารยธรรมวรยุทธ์ส่วนใหญ่ได้สาปสูญ
ปัจจุบัน อารยธรรมวรยุทธ์ในมหาอำนาจแปดพิภพกำลังอยู่ในขั้นขุดค้นรากฐานจากมรดกของคนรุ่นก่อน อยู่ในช่วงพัฒนา
ถึงแม้มีส่วนที่เป็นของตนเอง แต่เทียบกับกระบวนท่าลับระดับสุดยอดก่อนมหาภัยพิบัติ โดยรวมยังสู้ไม่ได้
นี่ไม่ได้หมายถึงว่าระดับของจอมยุทธ์หลังมหาภัยพิบัติใช้การไม่ได้ แต่เป็นเพราะกาลเวลาและการตกทอดยังขาดการสั่งสม
เยี่ยนจ้าวเกอมองปิ่นหยกกลางฝ่ามือ พึมพำกับตัวเอง “กระบวนท่าลับที่ตกทอดมาอย่างสมบูรณ์อย่างนั้นหรือ ช่างหาได้ยากในมหาอำนาจแปดพิภพ”
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาก็เก็บปิ่นหยกในมือ แล้วถามว่า “ท่านพ่อ ในเมื่อสายรุ้งกางเขนปรากฏขึ้นทุกสิบปี การเปิดของทางเชื่อมนั้นน่าจะเกิดขึ้นไม่น้อยกว่าสองครั้งกระมัง นอกจากท่านแม่แล้ว ยังมีคนที่คล้ายกันอยู่หรือไม่ หรือว่าในมหาอำนาจแปดพิภพมีใครจากไปอีกฝั่งบ้าง?”
“มีผู้อื่นหรือไม่ กลับไม่ใช่เรื่องที่ยืนยันได้” เยี่ยนตี๋ตอบ “ไปอีกฝั่งอย่างนั้นหรือ ตั้งแต่ยุคโบราณเป็นต้นมา ที่บึงทะเลมายามีคนหายสาปสูญไปไม่น้อย บางทีในจำนวนนี้อาจจะมีคนที่ออกจากมหาอำนาจแปดพิภพก็ได้ แต่น่าจะไม่กลับมาหลังจากออกไปแล้ว”
ชายหนุ่มพยักหน้า
เยี่ยนตี๋เอ่ย “ยังเหลือเวลาอีกพักหนึ่งก่อนสายรุ้งกางเขนปรากฏขึ้น เจ้าเตรียมตัวให้ดี พอใกล้ถึงเวลาค่อยออกเดินทาง”
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองไป เห็นเยี่ยนตี๋ยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนสันเขา สายตามองไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศที่บึงพิภพอยู่ แววตาเป็นประกายเล็กน้อย
……………………………………….
[1] มิอาจเห็นหิมะในวันฟ้าโปร่ง คำว่าหิมะและฟ้าโปร่งในที่นี้มาจากชื่อของ เสวี่ยชูฉิง (雪初晴) ในภาษาจีน